เบี้ยหงาย
สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้ประกาศรายชื่อแคนดิเดตตำแหน่งต่างๆในวงรอบใหม่ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งกันในวันที่ 6 เม.ย.นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
โดยตำแหน่งที่จะมีการเลือกตั้ง นี้จะทำหน้าที่ในวาระ 4 ปี ไปจน ถึงปี 2023
ประกอบด้วย ประธานเอเอฟซี มีผู้สมัคร 3 คน เจ้าของตำแหน่งเดิม เชกห์ ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คาห์ลิฟา (บาห์เรน), ซาอูด เอ. อาซิซ อัลโมฮัน-นาดี (กาตาร์) และโมฮาเม็ด คาห์ลฟาน มาตาร์ ซาอีด อัลโรไมที เชื้อพระวงศ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ท่านนี้ใครจะได้เป็นประมุขฟุตบอลของชาติเอเชียก็ต้องรอดูกัน
ส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้น รองประธานเอเอฟซี 5 คน จาก 5 โซน มีสมัคร 12 คน คัดเฉพาะโซน อาเซียนเรามี 3 คน จากฟิลิปปินส์, เวียดนาม และ เมียนมา
ผู้แทนเอเอฟซีไปเป็นกรรมการฟีฟ่า 6 ตำแหน่ง หนึ่งในนี้ต้องเป็นกรรมการบริหารของเอเอฟซีที่เป็นสุภาพสตรี ใน 5 ตำแหน่งของฝ่ายชายมีสมัคร 8 คน จากอาเซียนมีหนึ่งชาวฟิลิปปินส์
ยังมีตำแหน่งกรรมการบริหารเอเอฟซี สุภาพสตรี 5 ตำแหน่ง หนึ่งในนั้นจะได้เป็นกรรมการฟีฟ่าด้วย ซึ่งสมัครกัน 4 โซน 5 คน สำหรับโซนเอเชียมี 1 คนจากลาว เท่ากับลงตัวได้กันครบหมด อยู่แต่คนที่จะเป็นฟีฟ่าหญิง ซึ่งก็คงอยู่ในโซนเอเชียใต้ซึ่งลงแข่ง 2 คนจากบังกลาเทศ หรือมัลดีฟส์
และสุดท้ายตำแหน่งกรรมการบริหารเอเอฟซีฝ่ายชาย 9 คน มีสมัครรวม 17 คน จาก 5 โซน ซึ่งโซนอาเซียนนั้นมี 4 คน จากมาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม และออสเตรเลีย (ถูกจัดมาอยู่กลุ่มนี้)
จะเห็นได้ว่าในทุกตำแหน่ง ไม่มีตัวแทนจากประเทศไทยลงชิงชัยเลย!
คงไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับในอดีต ด้วยเป็นคนละเวลา ซึ่งก็อาจจะไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ในปัจจุบัน
ด้วยต้องยอมรับและสะท้อนภาพได้ชัดเจนว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบันที่เพิ่งเข้ามาควบคุมการดำเนินงานกิจกรรมฟุตบอลของประเทศไทยเกือบๆ 3 ปีแล้ว ยังไม่ได้มีบทบาทอะไรในเวทีระดับอาเซียน หรือเอเชียอย่างโดดเด่น อาจจะทุ่มเททำฟุตบอลในบ้านก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว
แม้ภาพที่เราได้จัดโน่นจัดนี่บ้าง ก็เป็นในลักษณะสมาชิกที่ดี ให้ความร่วมไม้ร่วมมือ เชื่อฟัง ซึ่งก็ถือว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบันนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเอเอฟซี เผลอๆจะเป็นมิตรกันมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ด้วยซ้ำ เรามีการร้องขอ และก็ได้รับการตอบสนองในการช่วยเหลือเป็นพี่เลี้ยงอยู่บ่อยครั้งดังที่ปรากฏต่อสาธารณะอยู่แล้ว
ความสัมพันธ์ที่ดีนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่การจะขึ้นมาเล่นบทนำนั้น คนละเรื่อง!!!
ซึ่งการทำกีฬาที่จะให้รุดหน้าก้าวไกล เรื่องนี้จำเป็น ยิ่งในปัจจุบันองค์กรกีฬามีเครือข่ายโยงใยทั่วโลกและมีความเป็น “การเมือง” อยู่ภายใน การที่ไม่สามารถขยับขยาย ต่อท่อ สร้างเพาเวอร์ ถือเป็นการเสียโอกาสตัวเอง ซ้ำยังเปิดโอกาสให้กับคนอื่น จึงเป็นความเสียหาย ทำกีฬาต้องให้สุด
ปัจจุบันหลายสมาคมกีฬามีบุคลากรดำรง ตำแหน่งในสหพันธ์กีฬานานาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทควันโด, แบดมินตัน, จักรยาน, ยกน้ำหนัก ฯลฯ ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยตั้งเป้าสนับสนุนในเรื่องนี้ นั่นก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่า การที่คนไทยก้าวขึ้นเป็นกรรมการในสหพันธ์กีฬานานาชาติ มีผลต่อการพัฒนากีฬาของชาติ
สมาคมไหนมีช่องทางที่จะผลักดันคนของตน ต้องคิด ต้องทำ อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านไป...
“เบี้ยหงาย”