โจโจ้
เป็นนักกีฬาต้องเคารพกฎกติกา ปวงประชาต้องเคารพกฎหมาย คำคำนี้มีความสำคัญ ถ้าทุกคนไม่เคารพกฎกติกา ไม่เคารพกฎหมาย บ้านเมือง
ก็จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมาย สุดท้ายก็จะเป็นภาระต่อสังคมเหมือนเช่นทุกวันนี้
แล้วก็มาอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อแก้ตัว ผมว่ามันไม่ถูก ยิ่งในปีนี้วงการกีฬามีการแข่งขันมากมายหลายทัวร์นาเมนต์ในระดับนานาชาติ ย่อมมีทั้งคนชนะและคนแพ้ เช่นเดียวกับการเมืองก็มีการแข่งขันเพราะกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้
ถ้าทุกคนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย” ประเทศชาติก็เจริญ
แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเอาแต่ชนะอย่างเดียว มีการกดขี่ข่มเหง เอาชนะด้วยการทำผิดกติกามันก็ไม่ถูก
เพลงกราวกีฬาของ “ครูเทพ” หรือ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ที่ท่านได้แต่งไว้ มีความหมายมาก
หากใครลองนั่งฟังแล้ววิเคราะห์อย่างละเอียดจะรู้ว่าในเนื้อเพลงมีหลักคำสอนมากมาย ที่ทำให้คนเป็นคนและไม่ใช่เฉพาะกีฬาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนเราทุกคนในโลกใบนี้ด้วย
ถ้าเป็นไปได้ในทุกวันอยากให้มีการเปิดตามสนามกีฬาจังหวัด, สนามกีฬาอำเภอ, สนามกีฬาเทศบาล, ในโรงยิมเนเซียม, เสียงตามสายของชุมชน ที่สำคัญที่สุดในโรงเรียนทุกโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคนเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก
ต้องยอมรับ “ครูเทพ” ท่านแต่งดีมาก เพียงแต่เวลาเปิดไม่อยากให้เอาเฉพาะบรรเลงอย่างเดียวควรต้องมีเนื้อด้วยจะทำให้ทุกคนได้รู้ ยิ่งเยาวชนรุ่นหลังหลายคนแทบจะไม่รู้เลยว่าในเนื้อหาของเพลงมีอะไรบ้าง
อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาหรือไม่เกี่ยวข้องกับกีฬาแต่รับผิดชอบสนามกีฬา รวมไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาควรเปิดเพลงกราวกีฬา เพื่อปลูกจิตสำนึกและกระตุ้นจิตใจ อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และปล่อยให้เกิดปัญหาดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ยิ่งทุกวันนี้สถานศึกษาหลายแห่งมีแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งการยกพวกตีกัน รวมถึงการ เขม่นกันอ้างเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน ผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน
ส่วนหนึ่งเพราะทุกคนขาดจิตสำนึก ที่สำคัญคือไม่รู้จักคำว่าน้ำใจนักกีฬา “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย”
จึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในทุกวันนี้
ลองดูเถอะครับไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเสียงบประมาณมากมาย หากเปิดเพลง “กราวกีฬา” ให้ทุกคนฟัง
ไม่ใช่ปล่อยให้เยาวชนฟังแต่เพลง “เต่างอย” หรือ “บักแตงโม”
คงไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่.
โจโจ้