หน้าแรกแกลเลอรี่

ส่งต่อ “แรงบันดาลใจ”

บี บางปะกง

2 ธ.ค. 2561 05:01 น.

ใครที่เคยเป็นแขกรับเชิญในรายการทีวีที่ผมทำหน้าที่เป็นพิธีกรสมัยก่อนคง ยังพอจำกันได้ถึงน้องสาวหุ่นไซส์ XXXL น้ำหนักกว่าร้อยโล ที่คอยทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ (คู่ใจ) ที่ดูแลงานเบื้องหลังให้ กับผมมาโดยตลอดนับสิบปีได้นะครับ

เธอชื่อ “น้องจอย” มนัญญา สาราบรรณ์ นักข่าวรุ่นซีเนียร์ของเว็บไซต์ “สยามสปอร์ต” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นใครได้เห็นเป็นต้องจำได้ติดตา

เพราะนอกจากจะเป็นคน “เฟรนด์ลี่” อัธยาศัยใจคอเป็นมิตร และมองทุกอย่างบนโลกนี้ในแง่บวกแล้ว รูปร่างของเธอยังอวบอ้วนเกินพิกัด

อ้วนจนเกินที่เราจะจินตนาการภาพได้ว่า...ถ้าน้องจอยผอมแล้วจะเป็นยังไง...นึกไม่ออกเลยจริงๆพับผ่า!

กระทั่งช่วงกลางปีที่แล้วซึ่งผมล้มป่วยหนักขั้นโคม่าต้องเข้าไปนอนอยู่โรงพยาบาลกว่า 2 เดือน จำได้ว่า “น้องจอย” แบกร่างน้องๆยักษ์ที่ทุกคนคุ้นเคยมาเยี่ยมผมที่เตียงคนไข้

และนั่นก็คือครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันซึ่งเป็นเวลาเหยียบปีครึ่งเข้าให้แล้ว

จนมาถึงวันคล้ายวันเกิดของผมเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้องจอยโทรศัพท์มาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ พร้อมกับบอกข่าวดีว่าตอนนี้เธอ “ลดน้ำหนัก” ได้สำเร็จแล้ว และไม่ได้ลดธรรมดา

แต่เป็นการ “เปลี่ยน” วิถีชีวิตตัวเองใหม่ โดยสิ้นเชิง ไม่มีอีกแล้วสาวอ้วนพิกัดเฮฟวีเวท มีแต่หญิงแกร่งไซส์ “สเลนเดอร์” ที่ทุกคนต้องแปลกตา

ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าเธออำเล่น จนกระทั่งเข้าไปส่อง facebook ของน้องจอย ซึ่งเธอได้บันทึกเรื่องราวอัน “น่าทึ่ง” เข้าขั้น “มหัศจรรย์” นี้ไว้อย่างละเอียดยิบ

จากคนน้ำหนัก 122 โล เธอใช้เวลา 1 ปีกับอีก 6 เดือน รีดมันลงมาจนเหลือ “58 โล” อย่างเหลือเชื่อที่สุด!

ที่สำคัญไอ้น้ำหนักครึ่งต่อครึ่งที่หายไป มันเกิดจากการมุมานะ “ออกกำลังกาย” อย่างอดทน บวกกับความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงนิสัยการบริโภคชนิดเอาจริงเอาจัง

แบบที่ไม่ต้องพึ่งพาอาหารเสริมหรือยาวิเศษใดๆมาเป็นตัวช่วยให้เสียเวลา

น้องจอยเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนักครั้งใหญ่ของเธอนั้น มันเริ่มขึ้นจากร่างกายส่งสัญญาณเตือน ด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก แถมเจ็บเข่ามากจนไม่อาจจะนั่งบนพื้นได้อีกต่อไป จะก้าวขาขึ้นบันไดแต่ละทีก็แสนลำบาก ไปไหนต้องพกไม้เท้า

1 เดือน มี 30 วัน ป่วยสัก 20 วัน ยิ่งถ้าไอแล้ว 3 เดือนติดต่อกันไม่หาย มีอาการอาหารไม่ย่อย สิวเขรอะเต็มหน้าไปหมด

นั่นแหละเธอถึงเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเกิดป่วยหนักหรือพิการขึ้นมาจะต้องลำบาก ยิ่งตัวเองเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวที่ต้องดูแลอีกหลายคนด้วยแล้ว

ดังนั้น “ก่อนที่จะดูแลคนอื่น เราต้องดูแลตัวเราเองให้ดีก่อน” จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างจริงจังเสียที

เธอเลิกเอนจอยกับอาหารการกิน หันมาเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยวิธีง่ายๆคือการ “แกว่งแขน” เป็นประจำทั้งเช้าเย็น จนพอจะคล่องตัวขึ้นมาบ้างเลยลงทุนเข้าเอกเซอร์ไซส์ในฟิตเนสแบบเป็นระบบ

และที่นี่เอง ทำให้น้องจอยของผมได้พบกับ “ชีวิตใหม่” ในวัยใกล้หลักสี่ ด้วยตัวเลขบนตาชั่งที่ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงมาจากการทุ่มเท “ออกกำลังกาย” อย่างถูกต้องตามวิธีการสากล

จนวันนี้เธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า “สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องออกกำลังด้วยตัวเอง” น่ะเป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าจริง

3 รางวัลใหญ่ ที่น้องจอยกวาดมาได้จากเวที “Fitness First New You Achievement Awards 2018” เมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา

คือสิ่งการันตี “ความสำเร็จ” อันงดงามที่เกิดจากแรงผลักดัน แห่งความ “ตั้งใจ” ของตัวเธอเองล้วนๆ โดยไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปนแม้แต่น้อย

วันนี้ผมอยากจะแสดงความยินดีกับ “น้องจอย–มนัญญา” พร้อมกับส่งต่อเรื่องราวที่เป็น “แรงบันดาลใจ” ดีๆนี้ ไปถึงทุกท่านโดยถ้วนทั่ว

ใครสนใจอยากติดตามเรื่องของเธอในทุกแง่ทุกมุม ก็ลองเข้าไปอ่านดูใน facebook Mananya Sarabun กันได้

“The only person who can change your life is you” คนเดียวที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ก็คือ...ตัวคุณนั่นเอง

น้องจอย...เขาเขียนถ่ายทอดไว้ในนั้นหมดแล้วครับ!!!

บี บางปะกง