หน้าแรกแกลเลอรี่

อยากเป็น “ไอบา”

เบี้ยหงาย

7 ก.พ. 2561 05:01 น.

การประชุมคณะกรรมการบริหาร ไอโอซี หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่มี โทมัส บาค เป็นประธาน ที่เมืองพยองชัง ออกมาล่าสุด ได้มีมติออกมาเกี่ยวกับ “ไอบา” หรือ สหพันธ์มวยสมัครเล่นนานาชาติ องค์กรต้นสังกัดและควบคุมการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในโลกใบนี้

โดยประเด็นสำคัญคือการไม่พอใจการทำงานของไอบา ทั้งในเรื่องการบริหารงาน การเงิน ผู้ตัดสิน และการตรวจสารกระตุ้น ไอโอซีจึงจะตัดเงินอุดหนุนต่อไป แน่นอนภาพของมวยสมัครเล่นที่ปรากฏในสายตาชาวโลกเสมอมาคือ ส่อว่ามีการโกง โดยเฉพาะการตัดสินที่ค้านสายตา!

และมติครั้งนี้ของไอโอซี องค์กรเจ้าของเกมกีฬาโอลิมปิกบอกไว้ชัด อนาคตของกีฬามวยสมัครเล่นในโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว และรวมถึง กีฬายูธโอลิมปิก 2018 ในปีนี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ยังไม่แน่ว่าจะมีการจัด ไอโอซีขอสงวนสิทธิ์นี้ไว้ โดยขอดูรายงานจากไอบาอีกครั้งและจะประชุมพิจารณากันในวันที่ 30 เม.ย.

ไม่ว่ามตินี้จะเป็นการ “ขู่” หรือมีเจตนาที่จะเขี่ยมวยสมัครเล่นออกไปจากโอลิมปิกจริงๆ ก็ตาม นี่คือความตกต่ำของมวยสมัครเล่น ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด และเป็นทางการที่สุด

และแน่นอน ย่อมส่งผลถึงเมืองไทยเราแน่ ด้วยกีฬามวยสมัครเล่นนั้น แม้ระยะหลังไทยเราจะห่างไกลจากเหรียญทอง แต่ก็ยังเป็นกีฬาที่เราหวังในทุกครั้งของทุกเกม ด้วยความเชื่อที่ฝังลึกว่าคนไทยเราเก่งมวย

ขณะเดียวกันก็ยังจะมีผลต่อความเชื่อ ความคาดหวัง หรือความฝันในทางอ้อม หรือจะตรงก็ไม่รู้ กับฝันหวานของมวยไทย ที่อยากจะเข้าไปแข่งในกีฬาโอลิมปิกเหลือเกิน ประหนึ่งว่านี่คือความสำเร็จสุดยอดของมวยไทย

หรือจะมองว่า มวยสมัครเล่น กับมวยไทยแตกต่าง หรือจะมีใครคิดไปว่า ยิ่งมวยสมัครเล่นไป มวยไทยก็อาจจะยิ่งมีโอกาสได้มา...มากขึ้น ก็ว่ากันไป

แต่ลองดูกันนิดว่า มวยสมัครเล่นกับมวยไทยนั้น มีความคล้ายกันมากที่สุดในมุมไหน

นึกดูแล้วก็เห็นจะมีอย่างหนึ่งที่เด่นชัด นั่นคือ การตัดสิน

ตัดสินด้วยรูปแบบของกรรมการคือ คนให้คะแนน ตามสายตา

ทั้งละม้ายคล้ายกันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคนดูเห็นอย่าง การตัดสินไปอย่าง จนไม่รู้ว่าการจะดูมวยให้เป็นนั้น เป็นอย่างไร!
นี่คือพื้นฐานของการจะเป็นกีฬาที่ได้รับ “การยอมรับ”

แค่เรื่องพื้นฐานนี้ เราอันหมายถึง มวยไทย และผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่ใช้ความฝันกับการที่มวยไทยจะได้เข้าแข่งในโอลิมปิก เป็นใบเบิกทางไปทำสารพัดเรื่อง

ได้คิดและได้ทำให้เป็นรูปธรรมแล้วหรือยัง

กฎระเบียบ และการตัดสินที่สอดรับ ซึ่งโลกต้องรู้, เข้าใจ และเป็นมาตรฐานเดียวกันนี่แหละคือ หัวใจ!

ซึ่งถ้าทำได้ในพื้นฐานนี้ ไม่ต้องมีแข่งในโอลิมปิก มวยไทยก็จะมีอนาคตอย่างยั่งยืน และแพร่หลายได้แน่ จะต่อยอดออกไปได้มากมาย

มวยไทยจะเข้าโอลิมปิก มันสวยหรู มันดูดี มันพูดแล้วดูมีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ลองดูลึกๆแล้วคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจริงๆในเค้กก้อนแรกคือใคร

เหมือนที่ “ไอบา” ได้ประโยชน์จากมวยสากลสมัครเล่นเสมอมา...หรือไม่

แล้วใครล่ะที่จะเป็น “ไอบา” ในมวยไทย...

“เบี้ยหงาย”