โจโจ้
เป็นอีกครั้งที่ชีพจรลงเท้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในศึกสังเวียนเดือด รายการ “วันแชมเปียนชิพ” ที่โคไท อารีน่า เวเนเชียน เขตปกครองพิเศษมาเก๊า
ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับกีฬาชนิดนี้ แบบใกล้ชิดถึงขอบเวที ถ้ามอง แบบผิวเผินจะว่าไปแล้วก็คงไม่แตกต่างกับมวยไทยสักเท่าไหร่
เพราะมีทั้งหมัดเท้าเข่าศอกที่ใช้กับมวยไทยทุกรูปแบบ แต่สิ่งที่แตกต่างจากมวยไทยคือ มีการจับทุ่ม การล็อก การรวบ และการรัด พูดง่ายๆเป็นศิลปะแบบผสมผสานของกีฬาต่อสู้แบบผสม หรือที่เรียกกันว่า “มิกซ์มาร์เชียลอาร์ต”
จะมีความมันที่แตกต่างกันไปอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจไม่ค่อยจะคุ้นตาของคนไทยสักเท่าไหร่
ซึ่งเมื่อมองโดยรวมแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนกับผมคือ กีฬาชนิดนี้น่าจะอันตรายมากกว่ามวยไทย เพราะองค์ประกอบโดยรวมทั้งนวมที่ใช้แข่งขัน และกฎกติกาดูเหมือนจะไม่เซฟตี้นักกีฬาสักเท่าไหร่
แต่ใครจะเชื่อว่าจากการวิจัยพบว่า ศิลปะแบบผสมผสานของกีฬาต่อสู้แบบผสม หรือ MMA ชนิดนี้ จะมีความปลอดภัยมากกว่ามวยไทย
เท่าที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับตัวนักกีฬา ต่างก็บอกว่าดูภายนอกเหมือนไม่เซฟตี้ก็จริง แต่ทุกอย่างตรงกันข้าม นวมแม้จะเล็ก บางเพียงแค่ 4 ออนด์ หรือง่ายๆหนากว่าหมัดนิดเดียว แต่เมื่อชกโดนใบหน้าอย่างจังก็มีโอกาสแตก แต่ก็เป็นเพียงภายนอกที่เห็นได้ชัด
แตกต่างจากมวยโลกหรือมวยไทย ที่ใช้นวมขนาดใหญ่กว่าก็จริง แต่ภายในสมองอาจมีกระทบกระเทือนมีเลือดคั่งจนทำให้เสียชีวิตได้ และที่ผ่านมาจากสถิติก็ยังไม่มีนักกีฬาคนใดเสียชีวิตจากการต่อสู้แบบ MMA เลย
แต่น่าทึ่งที่มีคนให้ความสนใจอย่างมาก ทั้งคนมาเก๊า รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือจะเป็นกีฬาอีกชนิดที่ได้รับความนิยม
ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ “วันแชมเปียนชิพ” เป็นศิลปะสัญชาติไทยและมีคนไทยที่มี “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” นักธุรกิจหนุ่มพันล้าน เป็นเจ้าของ
น่าภูมิใจที่สุดที่เห็นท่านประธานใหญ่ MMA ประกาศก้องว่า จะไม่หยุดการพัฒนา และจะต้องก้าวไปให้ไกลกว่านี้ เพื่อให้กีฬาชนิดนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด.
โจโจ้