หน้าแรกแกลเลอรี่

ในวันที่ไทย...ไร้แชมป์โลก

บี บางปะกง

21 พ.ย. 2567 04:00 น.

ในวันที่ไทย...ไร้แชมป์โลก

นานทีปีหน ผมจะเขียนถึงเรื่องของหมัดมวยสักครั้ง

โดยเฉพาะวงการมวยอาชีพแทบไม่เคยได้สนใจเลยด้วยซ้ำ หลังหมดยุครุ่งเรืองในอดีตที่เราเคยมียอดแชมป์โลกเยอะแยะจนแทบจะเดินชนกันตาย

เหลือเชื่อนะครับว่า 3 ทศวรรษล่วงเลยไป ถึงวันนี้ ประเทศไทยของเรา มาถึงวันที่ไม่มีเข็มขัดแชมเปี้ยนมวยโลกสถาบันหลัก เหลืออยู่เลยแม้แต่เส้นเดียว

หลังวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “เจ้านูน” น็อคเอาท์ ซีพีเฟรชมาร์ท ต้องไปเสียเข็มขัด แชมป์โลก WBA รุ่น 105 ปอนด์ เส้นสุดท้าย ให้กับ ออสการ์ คอลญาโซ่ แชมป์โลก WBO ด้วยการแพ้ทีเคโอ ไปในยกที่ 7

ของศึกกำปั้น “ล้มแชมป์” ที่กรุงริยาดห์ ซาอุดิอาระเบีย

จบสถิติไม่แพ้ใครในการชกอาชีพ เอาไว้ที่ 25 ไฟต์ ปิดตำนานการครองแชมป์รุ่นเล็กสมาคมมวยโลก มายาวนานถึง 8 ปีเต็ม ลงแต่เพียงเท่านี้

ปล่อยให้นักชกมะริกัน เชื้อสายเปอร์โตริโก ผงาดยึดเข็มขัดแชมป์โลกไว้ได้พร้อมกันทีเดียว 3 เส้นรวด ทั้ง WBO , WBA และเข็มขัดพิเศษจาก The Ring

ด้วยอายุ อานาม ที่ปาเข้าไป 34 ปีแล้ว ผมไม่รู้ว่า น็อคเอาท์ คิดยังไงกับอนาคตการชกมวยของตัวเอง

หากจะคิดทวงแชมป์คืน งานนี้บอกได้เลยว่าโคตะระยาก

ถ้าวัดจากฝีไม้ลายมือ ความแข็งแกร่ง และวัยของ ออสการ์ ที่อายุเพียง 27 ปี อยู่ในช่วงพีคที่สุดของอาชีพค้ากำปั้น

หรือถ้าคิดจะขยับไปต่อยในรุ่นใหญ่ขึ้นไปหน่อย คือ 108 ปอนด์ ก็ต้องเจอยอดฝีมือรุ่นนี้รอท่าอยู่อีกหลายด่าน ซึ่งคิดแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ

โดยเฉพาะในยุคที่วงการมวยสากลอาชีพบ้านเรา อยู่ในช่วง “ขาลง”เต็มที่ หาสปอนเซอร์ ผู้สนับสนุน มาโอบอุ้ม ยากเย็นเต็มที

บรรดาโปรโมเตอร์ผู้จัดทั้งหลาย พากับบอกศาลาถอดใจ

ไม่มีใครคิดจะมาลงทุนตรงจุดนี้อีกแล้ว เพราะมีแต่จะเข้าเนื้อ เจ็บตัวฟรี มองไม่เห็นอนาคต

สู้เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นจะดีกว่า!

ขนาด “บังมาด” สามารถ มะลูลีม นายกสมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ ยังได้ออกมาโพสต์ถึงอนาคตวงการมวยอาชีพประเทศไทย

โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ควรให้การสนับสนุน การจัดมวยอาชีพ อย่างจริงจัง ได้แล้ว

เพราะเป็นเรื่องของหน้าตา และชื่อเสียงประเทศชาติ

สถาบันหลัก ถ้ามวยเรา ดูสู้ได้ สู้ราคาเลย 10 ล้านบาท

ถ้าเราเป็น แชมป์โลก จัดในไทย อุดหนุนไป 5 ล้านบาท ถ้ามีจัดป้องกันแชมป์ในแต่ละไฟต์

ช่วยกันแบบนี้ ดีกว่าไปประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ใช้งบประมาณ มากมายมหาศาล บานตะเกียง อย่างที่เป็นอยู่

ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยกับแนวคิดของ“พี่มาด”นะครับ

เพราะมีแต่ภาครัฐเท่านั้น ที่จะเข้ามาช่วยต่อลมหายใจ ให้เรากลับมามีแชมป์โลกสถาบันหลัก...ให้ได้อีกครั้ง

ที่ผ่านมาเอางบมหาศาลไปละเลงกับโครงการ “ซอฟต์พาวเวอร์” ไม่รู้เท่าไหร่ ต่อเท่าไหร่

โดยยังมองไม่ค่อยเห็นจุดหมายปลายทาง ยังทำกันได้

กะอีแค่ เจียดเศษเสี้ยวของงบในมือท่านทั้งหลาย มาช่วยวงการกำปั้นอาชีพของไทย ที่กำลังนอนพะงาบๆ รวยริน รอวันสิ้นใจ

ผมว่ามันจิ๊บจ๊อยมาก ถ้าคิดจะช่วยภาคเอกชนทั้งหลาย ที่เค้าตั้งใจทุ่มเทให้กับการสร้างแชมป์โลกชาวไทย...กันจริงๆ

เอางี้ครับ ถ้าท่านมองไม่เห็นภาพ ว่าจะช่วยแบบไหน อย่างไร? เริ่มที่เดือนหน้า ธ.ค.นี้ ลองให้คนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องกีฬา

ไปสังเกตุการณ์ดู นักชกไทย 4 คน ที่กำลังจะขึ้นชิงแชมป์โลกสถาบันหลัก

ไม่ว่าจะเป็น เสือดาว สิงห์วังชา ที่จะบินข้ามทวีปไปชิงแชมป์โลกที่อังกฤษ ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้

อนุชัย ซีพีเอฟ กับ ดัง ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม ซึ่งจะบินไปต่อยที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 และ 24 ธ.ค. ตามลำดับ

และอีกคนที่มีความหวังมากที่สุด คือ “เพชรมณี ซีพีเอฟ” หรือ ปัญญา ประดับศรี

ที่จะชิงเข็มขัดแชมป์โลก 108 ปอน กับนักชกเวเนซุเอล่า ช่วงสัปดาห์ส่งท้ายปี วันที่ 26 ธ.ค.67 ในบ้านของเราเอง

เชื่อว่าไทยแลนด์ จะเป็นแดนสูญญากาศ “ปลอดแชมป์โลก” ได้อีกไม่นานนักหรอกครับ

ถ้ามี ผู้หลัก ผู้ใหญ่ ของบ้านเมือง โดดมาช่วยกันอุ้มชู...อย่างจริงใจ กันซะที !!!

- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com