หน้าแรกแกลเลอรี่

ลิเวอร์พูล บุกเฉือน แอตฯ มาดริด 10 คน สุดระทึก 3-2 เฮ 3 นัดรวด ศึก UCL

ไทยรัฐออนไลน์

20 ต.ค. 2564 04:04 น.

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ไปแบบสุดมัน 3-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี ประจำวันอังคารที่ 19 ต.ค. 64 คู่ที่น่าสนใจ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ทีมดังจาก ลา ลีกา สเปน เปิดสนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 8 ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โมฮาเม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษเข้าไปตุงตาข่าย

จากนั้นนาทีที่ 13 ลิเวอร์พูล หนีเป็น 2-0 เมื่อผู้เล่นแอตฯ มาดริด สกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง นาบี เกอิตา ยิงสวนด้วยขวา บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย

ถัดมา 7 นาที แอตฯ มาดริด ไล่มาเป็น 1-2 จากการยิงของ อองตวน กรีซมันน์ และในนาทีที่ 34 แอตฯ มาดริด ตีเสมอเป็น 2-2 จาก อองตวน กรีซมันน์ เจ้าเก่า ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 52 แอตฯ มาดริด ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ อองตวน กรีซมันน์ ไปทำฟาวล์หนักใส่ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ กรีซมันน์ ออกจากสนามทันที

ถึงนาทีที่ 78 ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ดิโอโก โชตา โดน มาริโอ เฮอร์โมโซ ทำฟาวล์ร่วงลงไป และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พา ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 3-2

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 84 แอตฯ มาดริด ชวดได้จุดโทษจากจังหวะที่ โจเซ ฆิเมเนซ ดูเหมือนว่าจะถูก ดิโอโก โชตา ชนล้มในเขตโทษ ตอนแรกผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษก่อนจะไปเช็กวีเออาร์ด้วยตัวเอง และเปลี่ยนเป็นไม่ให้จุดโทษ

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัด นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มต่อไป

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

แอตเลติโก มาดริด: ยาน โอบลัค (GK), เจฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, เฟลิเป, มาริโอ เฮอร์โมโซ, คีแรน ทริปเปียร์, โธมัส เลอมาร์, โกเก, โรดริโก เด ปอล, ยานนิค คาร์ราสโก, ชูเอา เฟลิกซ์ และ อองตวน กรีซมันน์

ลิเวอร์พูล: อลิสสัน เบคเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิตา, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน