ไทยรัฐออนไลน์
เปิดภาพเหตุการณ์ ดาวรุ่ง แมนฯ ซิตี้ กลับลำให้เสื้อแฟนบอลฟันน้ำนม โดนประณามทำลายวันเกิดเด็กอายุ 10 ขวบ
วันที่ 1 ก.พ. 68 เจมส์ แม็คอาตี มิดฟิลด์ดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีรายงานว่าเขาเปลี่ยนใจไม่มอบเสื้อแข่งให้เด็กชายวัย 10 ขวบ เพียงเพราะเด็กสวมเสื้อโค้ทของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทำให้คืนวันเกิดของเด็กคนนั้นต้องพังลง
แม็คอาตี เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ถูกใช้งานในเกมที่แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ คลับ บรูช 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2024-25 และเตรียมดวลกับ เรอัล มาดริด ในรอบเพลย์ออฟ ชิงตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
หลังจบเกม แข้งวัย 21 ปีขับรถออกจากสนามเอติฮัดมาพร้อมแฟนสาว และหยุดรถทักทายแฟนบอล ก่อนจะเหลือบไปเห็นเด็กคนหนึ่งที่ใส่ชุดแข่งของ แมนซิตี้ จึงหยิบชุดแข่งมาเพื่อจะมอบให้เขา
แต่ขณะที่กำลังส่งเสื้อให้เด็ก เขากลับเปลี่ยนใจทันทีเมื่อเห็นตราสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ บนเสื้อโค้ทของเด็ก พร้อมพูดว่า "โอ้ ไม่ล่ะ เขาใส่เสื้อของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ผมเกลียดเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์" ก่อนจะขับรถออกไป
สำหรับ แม็คอาตี เคยถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคู่ปรับร่วมเมืองของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เป็นเวลาสองฤดูกาล ทำให้เขามีความผูกพันกับแฟนบอลของทีม และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ให้เสื้อแฟนบอลคนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม่ของเด็ก (อ้างอิงจาก The Mirror) ได้โพสต์ข้อความแสดงความผิดหวังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "ลองจินตนาการดูว่าคุณเดินทางมาไกล ฝ่าความหนาวเพื่อชมเกมแชมเปียนส์ลีก แล้วลูกชายวัย 10 ขวบที่รักฟุตบอลสุดหัวใจของคุณต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ในคืนวันเกิดของเขา"
"เขามีโอกาสที่จะทำให้วันเกิดของเด็กคนหนึ่งเป็นวันที่น่าจดจำ เขาหยิบชุดแข่งของตัวเองขึ้นมา และคุณน่าจะได้เห็นใบหน้าของเด็กคนนี้ว่าเขามีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขมากแค่ไหน แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจดื้อๆ เพียงแค่เพราะมันมีตรา เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทั้งที่ลูกฉันสวมชุดของซิตี้เต็มตัว และใช้เงินวันเกิดทั้งหมดไปกับของในช็อปของสโมสรในคืนนั้น"
"เด็กๆ มองนักเตะเหล่านี้เป็นไอดอล ไม่ว่าพวกเขาจะเชียร์ทีมท้องถิ่นหรือลีกระดับโลก ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมาดูเกมที่เอติฮัดได้ทุกสัปดาห์ แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาเป็นแฟนบอลที่ด้อยไปกว่าใคร เหตุการณ์แบบนี้ส่งผลต่อมุมมองของเด็กๆ ที่มีต่อฟุตบอลและฮีโร่ของพวกเขา น่าเสียดายที่วงการฟุตบอลบางครั้งก็ลืมไปว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ"