มะระหวาน
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว จากก่อนหน้านี้มีม้า 3 ตัวที่กำลังควบไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซันนี้มาครองให้ได้ แต่ตอนนี้จาก 3 ตัว ก็เหลือม้าเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ที่ควบบี้กันมาถึงจุดชี้เป็น ชี้ตายว่าใครจะเป็นแชมป์แล้ว
พรีเมียร์ลีก ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 2 ทีม ที่กำลังไล่ล่าแชมป์นั่นก็คือ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จ่าฝูง ที่แข่งไป 35 นัด มี 80 คะแนน และ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง ที่แข่งไปแล้ว 34 นัด มี 79 คะแนน ส่วน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อีกทีมที่ก่อนหน้านี้มีลุ้นตอนนี้ก็แหกโค้งไปแล้ว
แม้ว่าตามทฤษฎีทางลิเวอร์พูลยังคงมีลุ้น แชมป์เพราะยังมีโอกาสแซงได้ แต่ก็ต้องแช่งให้ “เดอะ กันเนอร์ส” และ “เรือใบสีฟ้า” แพ้อย่างน้อย คนละ 2 นัด ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ขนาด เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ของ “หงส์แดง” ก็ยัง ยอมยกธงขาวไปแล้วเลย
ด้านจ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลบอกเลยว่าปีนี้มาดีมากๆ หลังจาก 2 ซีซันที่ผ่านมา เคยแหกโค้ง มา 2 ปีติดต่อกัน ปีแรกในฤดูกาล 2021-2022 แหกโค้งจนอดไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และฤดูกาลที่ผ่านมา 2022-2023 แหกโค้งจนชวดได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง
จากประสบการณ์อันเลวร้ายทั้งสองครั้งส่งผลให้ในซีซันนี้ อาร์เซนอลทำได้ดีจริงๆ เน้นในทุกจังหวะไม่มีผ่อนเลยเรียกได้ว่าถ้ากรรมการไม่เป่านกหวีดจบเกมลูกทีมของมิเกล อาร์เตตา ก็จะสู้ไม่ถอย เหมือนกับตอนที่กรรมการเป่านกหวีด เริ่มเกมเลยทีเดียว
เช่นเดียวกัน เมื่อโดนออกนำไปก่อนแข้ง “เดอะ กันเนอร์ส” ก็ไม่มีคำว่ายอมแพ้อยู่ในสมอง จะเดินเกมรุกสู้เข้าใส่เพื่อที่จะพลิกกลับมาชนะให้ได้ เรียกได้ว่านอกจากฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา ของอาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้แล้ว หัวจิตหัวใจของแข้ง “เดอะ กันเนอร์ส” นั้นแข็งแกร่งดุจหินผาจริงๆ
เช่นเดียวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ที่รับบทผู้ไล่ล่าในเกม ซีซันนี้ก็เดินหน้าเก็บแต้มอย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้ง โอกาสไปแม้แต่นิดเดียว เรียกได้ว่า เป๊ป กวาร์ดิ โอลา กุนซือชาวกระทิงดุ ก็ละเมียดทุกนัดที่ลงแข่ง ค่อยๆเก็บชัยชนะไปทีละนัดๆ โยนความกดดันไปให้ “ไอ้ปืนใหญ่” แทน
ซึ่งเมื่อ “เดอะ กันเนอร์ส” พลาดท่าขึ้นมา เมื่อไร “เรือใบสีฟ้า” ก็พร้อมพุ่งเสียบไปครองตำแหน่งจ่าฝูงทันที!!
สถานการณ์ในตอนนี้ อาร์เซนอลเหลืออีก 3 นัด โดยจะพบกับ “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ ในบ้านตัวเอง (4 พ.ค.), บุกไปเยือน “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (12 พ.ค.) และปิดท้ายด้วยการ เฝ้ารังพบ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน (19 พ.ค.)
ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือโปรแกรมเตะอีก 4 นัด โดยจะเฝ้ารังพบกับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน (4 พ.ค.), บุกไปเยือน “เจ้าสัว” ฟูแลม (11 พ.ค.), ออกไปเยือน ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (15 พ.ค.) และปิดท้ายเฝ้ารังเจอกับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม (19 พ.ค.)
เมื่อมองจากทุกนัดที่เหลืออยู่นั้นทั้งสองทีม มีงานหนักอยู่ทีมละเกมโดย “ปืนใหญ่” มี “ปิศาจแดง” ยืนขวางทางอยู่ ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” มี “ไก่เดือยทอง” ยืนเป็นก้างขวางคออยู่
แต่หากวัดกันจริงๆแล้ว ซิตี้ ที่ต้องเจอกับ สเปอร์ส นั้น หนักกว่า เพราะทีมดังจากกรุงลอนดอน ยังลุ้นท็อปโฟร์อยู่ก็จะสู้ขาดใจแน่นอน ผิดกับ “เดอะ กันเนอร์ส” แม้ว่าจะเจอกับ “ปิศาจแดง” ก็จริง แต่ทีมดังจากแมนเชสเตอร์ก็ใจลอยไปถึงเกม เอฟเอ คัพ เป็นหลักแล้ว
เรียกได้ว่าจากโปรแกรมที่เหลือทั้งอาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้น ไม่มีที่ว่างสำหรับความ ผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหากสะดุดไม่ว่า จะแพ้หรือเสมอเมื่อไร
การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นจะต้องนับหนึ่งใหม่ในปีหน้าทันที!!
มะระหวาน
คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม