มะระหวาน
หลังจากรอโอกาสมาเนิ่นนานสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จสำหรับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการทะยานขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหลังจากเสียตำแหน่งดังกล่าวไปให้กับ “เดอะ กันเนอร์ส” อาร์เซนอล ไปตั้งแต่จบนัดที่ 3 ของฤดูกาล
“เรือใบสีฟ้า” แม้ว่าจะมีฟอร์มหลุดหรือเป๋ไปบ้าง แต่ก็ยังฟื้นคืนชีพกลับมาได้ตลอด โดยไม่มีสูญเสียความมั่นใจในการไล่ล่าเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่ามีบางจังหวะที่โดน “ไอ้ปืนใหญ่” นำห่างมากถึง 11 แต้มก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่แมนฯ ซิตี้ ในยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ชาวกระทิงมีคือความเก๋าเกมและประสบการณ์การคว้าแชมป์ที่ผ่านมาหล่อหลอมพวกเขาเล่นบอลให้นิ่งสุขุมนุ่มลึกไม่ตื่นเต้นหรือประมาทเกินไป
แม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่สะดุดแต่เป๊ปก็สามารถปลุกชีพ “เรือใบสีฟ้า” ให้กลับมาได้แทบจะทันทีไม่ต้องให้รอนาน เช่นเดียวกับเมื่อมีโอกาสที่จะทำคะแนนไล่บี้ติดๆ ซิตี้ก็ไม่เคยพลาดเลย
ดูได้จาก 3 นัดที่อาร์เซนอลพลาดเสมอทั้งหมด แต่แมนฯ ซิตี้ ก็กวาดชัยชนะได้ทั้งหมดจนทำคะแนนไล่บี้มาติดๆ จนสุดท้ายนัดล่าสุดก็บุกไปสอย “เจ้าสัว” ฟูแลม ได้หวุดหวิด 2-1 ทะยานกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง โดยตอนนี้มี 76 คะแนนจาก 32 นัด นำหน้า “เดอะ กันเนอร์ส” อยู่ 1 แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
มองจากโปรแกรมที่เหลืออยู่และฟอร์มการเล่นชั่วโมงนี้มีโอกาสเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ “เรือใบสีฟ้า” จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน
จากหัวตารางโยกมาดูพื้นที่ในการไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กันบ้าง ตอนนี้ที่ชัดเจนคว้าตั๋วแน่นอนแล้วก็คือ แมนฯ ซิตี้ กับอาร์เซนอล ส่วนตั๋วอีก 2 ใบที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วเช่นกัน
อันดับ 3 นิวคาสเซิล และอันดับ 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคะแนนนำห่างลิเวอร์พูล อันดับ 5 อยู่ 9 และ 7 แต้มตามลำดับ โดยเฉพาะ “ปิศาจแดง” ที่ยังแข่งน้อยกว่า “หงส์” อยู่ 1 นัด มีโอกาสที่จะทำแต้มทิ้งห่างไปเป็น 10 แต้ม
แม้ว่าไบรท์ตัน ทีมฟอร์มร้อนอันดับ 8 ของตารางที่แข่งน้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด 1 นัด และมีโปร แกรมที่จะดวลกันในวันพฤหัสบดีนี้ ถ้าหาก “นกนางนวล” เก็บชัยชนะได้ทั้งหมดก็มีโอกาสไล่บี้ติดเข้ามาเช่นกัน
แต่แม้ว่าโรแบร์โต เด แชร์บี กุนซือชาวอิตาเลียน จะคุมทีมได้ดีแค่ไหน แต่ไบรท์ตันยังมีงานยากอีกหลายเกมพบทั้งอาร์เซนอล, นิวคาสเซิล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เห็นแล้วเหนื่อยแทนที่จะลุ้นไปเล่นแชมเปียนส์ ลีก แค่ยูโรปา ลีก หรือยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ยังต้องลุ้นกันหนัก
ลงมาดูช่วงท้ายตารางกันบ้างอันนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนเท่าไร เพราะยังมีโอกาสได้สลับกันได้ตลอดเวลา เพราะแต้มห่างกันเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น จากเกมนัดล่าสุดที่เลสเตอร์เสมอกับเอฟเวอร์ตัน 2-2
ทำให้ท้ายตารางพรีเมียร์ลีกในตอนนี้เป็นแบบนี้ เซาแธมป์ตัน (24 คะแนน/อันดับ 20), เอฟเวอร์ตัน (29 คะแนน/อันดับ 19), นอตติงแฮม ฟอเรสต์ (30 คะแนน/อันดับ 18), ลีดส์ ยูไนเต็ด (30 คะแนน/อันดับ 17), เลสเตอร์ ซิตี้ (30 คะแนน/ อันดับ 16), เวสต์แฮม (34 คะแนน/อันดับ 15)
มองแล้วตอนนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเหลือประมาณแค่ 5 ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้น ได้แก่ เซาแธมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, ฟอเรสต์, ลีดส์ และ เลสเตอร์ ส่วนเวสต์แฮม แม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ แต่ชั่วโมงนี้ ห่างกัน 4 แต้มถือว่าเยอะพอที่จะปลอดภัยได้
สำหรับทั้ง 5 ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นมีเพียงแค่เอฟเวอร์ตันเท่านั้นที่นับตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1992-1993 ก็ไม่เคยตกชั้นเลย แม้ว่า 2-3 ปีหลังจะวนเวียนอยู่โซนแดง แต่ก็เอาตัวรอดได้ตลอด
แต่ในฤดูกาลนี้บอกได้เลยว่า “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เหนื่อยแน่นอนในการดิ้นรนเอาตัวรอด
จะเห็นได้ว่าเมื่อผ่านไป 33–34 นัดตอนนี้ทุกอย่างเริ่มจะชัดเจนแล้วไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์, ลุ้นโควต้า ชปล. หรือลุ้นหนีตกชั้นจะจบอย่างไร!!
มะระหวาน