หน้าแรกแกลเลอรี่

พรีเมียร์ลีกเดือด! “ผี-หงส์-สิงห์” ท้ารบ “เรือ”

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

1 ส.ค. 2564 05:01 น.

เหลืออีกเพียงแค่ 14 วันเท่านั้นศึกลูกหนังที่คนไทยตามเชียร์มากที่สุดอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเปิดฉากขึ้นแล้วในวันที่ 14 ส.ค.นี้ หลังจากหยุดพักเบรกไปนานกว่าเกือบ 3 เดือนด้วยกัน

สำหรับฤดูกาลนี้ตัวเต็งแชมป์ก็ยังต้องยกให้กับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเช่นเคย เพราะเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ชาวกระทิงดุ แทบจะไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากซีซันที่แล้วเลย

มีเพียงแค่เซร์คิโอ อเกวโร กองหน้าดาวซัลโวของทีมที่หมดสัญญาและลาทีมไปเป็นที่เรียบร้อย แต่บรรดาตัวหลักๆ อย่าง เอแดร์สัน, รูเบน ดิอาส, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเดน, ราฮีม สเตอร์ลิง, ริยาด มาห์เรซ และ กาเบรียล เชซุส อยู่กันครบ
ทีมชุดนี้ของ “เรือใบสีฟ้า” สิ่งน่าห่วงสุดคือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเพราะตอนนี้เหลือเพียงแค่เชซุสรายเดียวเท่านั้น

ตามข่าว แมนฯ ซิตี้ กำลังเทียวไล้เทียวขื่อ แฮร์รี เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษของทอตแนม ฮอตสเปอร์ บอกเลยว่าถ้า เป๊ปได้เคนมาร่วมทีมก็จะทำให้ “เรือใบสีฟ้า” กลายเป็นทีมที่น่ากลัวแบบสุดๆ

แต่หากไม่ได้เคนมาร่วมทีมบอกเลยว่าเหนื่อยแน่นอน เพราะจะเล่นแบบไม่มีกองหน้าตัวเป้าแบบซีซันที่แล้วแบบยาวๆนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ส่วนเต็งสองก็ต้องยกให้ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองแชมป์เก่าที่เสริมทัพได้น่ากลัวและตรงจุดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่าย 73 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท) ในการกระชากตัวของ จาดอน ซานโช ปีกขวาทีมชาติอังกฤษของดอร์ทมุนด์ มาร่วมก๊วน
และปิดดีล 42 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัวของราฟาแอล วาราน ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของเรอัล มาดริด มาร่วมก๊วน

เรียกได้ว่าเป็นการปิดจุดอ่อนของ “ปิศาจแดง” ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว 2 ตัวใหม่มารวมกับตัวหลักๆ ที่มีอยู่อย่างแฮร์รี แมคไกวร์, ปอล ป็อกบา, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน แฟร์นันเดส, เมสัน กรีนวูด และ เอดินสัน คาวานี บอกเลยมีโอกาสที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 9 ปี

ด้าน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ถูกยกให้เป็นเต็ง 3 ขุมกำลังค่อนข้างพร้อมไม่มีการเสริมทัพมากเท่าไรเด่นๆ ก็คือการดึงอิบราฮิม โกนาเต ปราการหลังชาวฝรั่งเศสมาร่วมก๊วน เพื่อเป็นตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเท่านั้น หลังจากฤดูกาลที่แล้วประสบปัญหาปราการหลังตัวกลางเจ็บพร้อมกันหมด

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันไม่ได้เสริมทัพมากนัก เพราะขุมกำลังที่มีอยู่นั้นถือว่าแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อลิสสัน เบคเกอร์, เวอร์จิล ฟาน ไดก์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก อัลคันทารา, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟิร์มิโน และซาดิโอ มาเน

ทีมชุดนี้เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจกันอยู่แล้ว ปีที่แล้ว “หงส์แดง” แค่โชคร้ายขาดเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักพร้อมกันถึง 3 คน ไม่เช่นนั้นคงได้ลุ้นแชมป์สนุกกว่านี้

แต่เชื่อว่าซีซันนี้ “หงส์แดง” น่าจะสู้เพื่อที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองให้ได้อีกครั้ง

ส่วนเต็ง 4 ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกก็คือ “สิงห์บลู” เชลซี แม้ว่าจะพกดีกรีแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลล่าสุดมาครองลงเล่นในซีซันนี้ แถมขุมกำลังที่มีอยู่ก็แข็งแกร่งไม่แพ้ 3 ทีมที่กล่าวมาข้างต้น มีผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นติอาโก ซิลวา, จอร์จินโญ, เอ็นโกโล ก็องเต, ฮาคิม ซิเยค, คริสเตียน พูลิซิช, ไค ฮาเวิร์ตซ์, เมสัน เมาท์, ติโม แวร์เนอร์

แต่ปัญหาของเชลซีในซีซันที่แล้วคือความสม่ำเสมอและปัญหาการจบสกอร์ แต่เชื่อว่ามาฤดูกาลนี้ โธมัส ทูเคิล นายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่จะคุมทัพเต็มซีซันเป็นครั้งแรกน่าจะปรับจูนให้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

นอกจาก 4 ทีมตัวเต็งแล้วก็ยังมีม้ามืดอย่าง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้, “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่พร้อมจะเสียบขึ้นมาเช่นกัน

บอกได้เลยว่าในฤดูกาล 2021-2022 จะเป็นอีกฤดูกาลที่พรีเมียร์ลีกจะน่าดูมากสุดๆ
เพราะบรรดาผู้แพ้จากซีซันที่แล้วอย่าง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ “สิงห์บลู” เชลซี ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ยกใหญ่

เพื่อที่จะไล่ล่าแชมป์เก่าอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ก็จะสู้เต็มที่เช่นกันเพื่อป้องกันแชมป์เอาไว้ให้ได้อีกสมัย!!

ต้องมาลุ้นว่าผู้ล่ากับผู้ถูกล่าใครจะยืนระยะได้มากกว่ากัน!!

ชานนท์ กล่ำดิษฐ์ เรื่อง