หน้าแรกแกลเลอรี่

เปิดโผ 11 แข้งต่างชาติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ "พรีเมียร์ลีก"

ไทยรัฐออนไลน์

4 มิ.ย. 2563 08:15 น.

เปิดโผ 11 นักเตะต่างชาติในศึก "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยที่มีนักเตะจากสังกัด "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ถึง 4 คน ขณะที่ "ลิเวอร์พูล" มีแค่ 1 คนเท่านั้น

วันที่ 3 มิ.ย. 63 เปิดโผ 11 ผู้เล่นต่างชาติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยที่มีนักเตะจาก "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พาเหรดติดในโผนี้ถึง 4 คน ขณะที่ทีมร่วมเมืองอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาติดๆ 3 คน ด้าน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล 2 คน ส่วน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ว่าที่แชมป์ลีกซีซั่นนี้เข้ามาอยู่ในโผนี้ด้วยทีมละ 1 คน

ปีเตอร์ ชไมเคิล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เดนมาร์ก)

"ยักษ์เดน" ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเป็นตัวเลือกอันดับแรกในโผครั้งนี้ ตัวเขาย้ายมาจาก บอร์นด์บี ด้วยค่าตัวเพียง 505,000 ปอนด์ ในปี 1991 ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่า "นี่คือการต่อรองรอบศตวรรษ" ปีเตอร์ ชไมเคิล ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัยพ่วงด้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 1999 พร้อมเก็บได้ถึง 128 คลีนชีตจากการลงเฝ้าเสา 310 เกม

แวงซองต์ กอมปานี (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เบลเยียม)

กองหลังชาวเบลเยียมทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ถึง 4 ครั้งในระหว่างที่สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม ตัวเขาย้ายมาจาก ฮัมบูร์ก ด้วยค่าตัวแค่ 7 ล้านปอนด์เมื่อปี 2008 เขามีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกครั้งล่าสุดเพื่อยิงประตุสุดสวยใส่ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ จนเข้าป้ายคว้าแชมป์เหนือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมรองแชมป์เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น

เนมันยา วิดิช (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เซอร์เบีย)

แนวรับชาวเซอร์เบียรายนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เขาย้ายจาก สปาร์ตัก มอสโก มาสู่ชายคาโรงละครแห่งความฝันเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2006 ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 7 ล้านปอนด์เท่านั้น เขาจับคู่กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ได้อย่างลงตัวสุดๆ และตัวเขามีส่วนช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะปี 2008 ที่ได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

เวอร์จิล ฟานไดค์ (ลิเวอร์พูล, เนเธอร์แลนด์)

กองหลังชาวดัตช์วัย 28 ปีรายนี้แซงสุดยอดกองหลังคนอื่นๆ เข้ามาในโผได้ในระยะเวลาอันสั้น ตัวเขาย้ายจาก "นักบุญแดนใต้" มาสู่ชายคา แอนฟิลด์ เมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2018 และยกระดับเกมรับของทีมได้อย่างรวดเร็วและจ่อที่จะสร้างประวัติศาตร์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกของสโมสร และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมานานกว่า 30 ปี

ปาทริก วิเอรา (อาร์เซนอล, ฝรั่งเศส)

ตำนานกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ย้ายจาก "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน มาสู่ทีมเมื่อ 1996 ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ และรับบทกัปตันทีมในระหว่างปี 2002-05 และตัวเขาถือว่ามีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ทีมชุดแชมป์ไร้พ่าย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อปี 2003-04 ผนวกด้วยอิทธิพลและความเป็นผู้นำจนถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นต่างชาติที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก

ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, สเปน)

ตัวเขาย้ายมาจาก "ค้างคาว" บาเลนเซีย มาสู่ชายคา เอติฮัด สเตเดียม เมื่อปี 2010 ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ซึ่งดาวเตะร่างเล็กรายนี้กลายเป็นผู้เล่นคนแรกใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่คว้าชัยชนะกับสโมสรได้ถึง 200 นัดจากการลงสนามเพียงแค่ 289 เกม ซึ่งนัดที่ครบกำหนดดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมเอาชนะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนกันยายน และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดในการนำทีมคว้าแชมป์เป็นกอบเป็นกำในช่วงที่ผ่านมา

คริสเตียโน โรนัลโด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, โปรตุเกส)

แม้ตัวเขาจะถึงจุดสูงสุดในอาชีพการค้าแข้งกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แต่แข้งชาวโปรตุเกสยังคงได้รับการยกย่องตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่ในถิ่น โอลด์ แทรฟเฟิร์ด ตัวเขาย้ายมาจาก สปอร์ติง ลิสบอน มาสู่ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ โดยเขาใช้เวลาเพาะบ่มนานเกือบ 3 ปีก่อนจะโชว์ฟอร์มที่ร้อนแรงออกมาได้สำเร็จ ด้วยการมีส่วนร่วมสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2008 ที่คว้าทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยทำไป 118 ประตูจากการลงสนาม 292 นัดทุกรายการ หลังจากนั้นก็ไปสู่ชายคา ซานติอาร์โก เบร์นาเบว เมื่อปี 2009 ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติโลกในเวลานั้นถึง 80 ล้านปอนด์ พร้อมกับคว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปแล้ว 5 สมัย

เอริก คันโตนา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ฝรั่งเศส)

"คิง เอริก" ตัวเขาถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่มีความสามารถเป็นรอง เซร์คิโอ กุน อเกวโร หัวหอก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เธียร์รี อองรี ดาวยิง "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล แต่เขาก็ได้รับการยกย่องจากหลายๆ ฝ่าย รวมถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่มองว่าเขาคือหนึ่งในลูกทีมที่ดีที่สุดตลอดการคุมทีม 26 ปีในสโมสรแห่งนี้ ซึ่ง เอริก คันโตนา ย้ายจาก "ยูทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมเมื่อปี 1992 ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับทีม 4 สมัยและ เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัยตลอดระยะเวลา 5 ปีกับทีม พร้อมกับฝากผลงาน 82 ประตูจากการลงสนาม 182 นัด ก่อนจะเลิกเล่นด้วยอายุแค่ 30 ปีเศษเท่านั้นหรือหลังจบฤดูกาล 1996/97

เอเดน อาซาร์ด (เชลซี, เบลเยียม)

ตัวเขาอาจจะไม่ได้แชมป์เท่ากับผู้เล่นคนอื่นๆ แต่ช่วงระยะเวลา 7 ปีเจ้าตัวสามารถโชว์พรสรรค์ไปทั่วสนามหญ้าที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาย้ายจาก ลีลล์ มาสู่ทีมด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2012 ซึ่งเขาก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทีมและคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปได้สองครั้ง และฝากผลงานยิง 85 แอสซิสต์ 54 ครั้ง ตลอดการลงสนาม 245 นัด ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวราวๆ 100 ล้านปอนด์

เซร์คิโอ กุน อเกวโร (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เจนตินา)

หัวหอกชาวอาร์เจนตินา ย้ายจาก "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด มาสู่ชายคา เอติฮัด สเตเดียม เมื่อช่วงปี 2011 ด้วยค่าตัวราวๆ 38 ล้านปอนด์ ซึ่งตัวเขาถือเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้สม่ำเสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนไปบ้างและกลับมาก็ทำเนียนยิงประตูได้เหมือนเดิมแต่ไม่ต้องใช้เวลาเรียกฟอร์มเหมือนกองหน้าคนอื่นๆ ตัวเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาและเก็บไปได้ถึง 198 คะแนน ทั้งนี้ยังมีโมเมนต์ที่น่าจดจำสุดๆ ด้วยการยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายปล้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาจากมือคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อซีซั่น 2011-12 และยิงไปแล้ว 180 ประตูจากการลงสนาม 261 นัด

เธียร์รี อองรี (อาร์เซนอล, ฝรั่งเศส)

นี่คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตัวเขาถูก อาร์แซน เวนเกอร์ คว้าตัวมาจาก "ม้าลาย" ยูเวนตุส มาร่วมทีมเมื่อปี 1999 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ เดิมทีเขาเล่นตำแหน่งปีกกับทีมเก่าและมาเล่นในอังกฤษ เขาฉายแสงทันทีเมื่อเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งทาง เธียร์รี อองรี นำทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 3 สมัย แน่นอนว่าอยู่ในชุดแชมป์ไร้พ่าย 2003-04 พร้อมฝากผลงาน 228 ประตูจากการลงสนามทุกรายการ