ฝันลมๆ แล้งๆ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเร่ิมมีกระแสการปฏิวัติหนาหูขึ้นอีกครั้ง!!

ปฏิวัติที่ไม่เกี่ยวดองยองใยกับเหตุบ้านการเมืองใดๆ ในดินแดน pm 2.5 ของเรา แต่มันหมายถึงการปรับลุคปฏิรูปทีมอย่างเรือใบสีฟ้าในปีหน้าให้ผ่องอำไพ เพราะปีนี้บรรลัยไปเรียบร้อยกับการจะแย่งแชมป์มาจากหงส์แดง

เป็นบททดสอบครั้งสำคัญของท่านผู้นำอย่าง "ลุงเปบ" ว่าจะพา ครบ. (คณะเรือใบ) กลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรได้เป็นคำรบสองหรือไม่

ข่าวคราวความเจ้าชู้จีบคนนั้นทีคนนี้ทีมีให้เห็นบนหน้าสื่อไม่เว้นวัน ไล่ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า เว้นข้ามกองกลางที่ลุงเปปมีท่าทีชัดเจนเหลือเกิน ว่าขอดันเจ้าหนูโฟเด้นขึ้นมาทดแทนการจากไปของกัปตันทีมอย่างดาวิด ซิลบา ในปีหน้า

การสนใจในตัวของกองหลังอย่าง คาลิดู คูลิบาลี หรือ มิลาน สคริเนียร์ ก็ดูจะเข้าท่าเข้าทางไม่น้อย แต่โดยส่วนตัวเชื่อปักใจว่าสุดท้ายไม่พ้น "ว่าว" เหมือนเช่นเคย

เหตุผลที่ทีมเรือใบมักว่าวนักเตะดีกรีสูงในระยะหลังๆ ก็ด้วยข้อจำกัดด้านราคาและค่าเหนื่อย ซึ่งดูขัดแย้งกับลุคเศรษฐีที่ผู้คนมอบให้ แต่ในความจริง ทีมเรือใบไม่นิยมชมชอบในการจ่ายสินสอดราคาสูงปรี๊ดแบบที่ทีมใหญ่ๆ เขามักทำกัน

ราคานักเตะที่ส่วนมาก แมนซิตี้ฯ พร้อมจ่ายมักจะป้วนเปี้ยนแค่ราวๆ 60-70 ล้านยูโรเท่านั้น ไม่เกินจากนี้

ในขณะที่ รีล มาดริด บาร์เซโลนา หรือแม้กระทั่งปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมเหล่านี้พร้อมจ่ายทะลุ 100+ ล้านกันแทบทั้งสิ้น เรียกได้ว่าพร้อมจบทุกคันดันทุกเคส กันเลยทีเดียว

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายไปลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 84.5 ล้านยูโร และ แฮร์รี แม็คไกวร์ ที่ย้ายไปยูไนเต็ด 88 ล้านยูโร เป็นอดีตเคสว่าวที่ตัวเลขชัดเจน บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าทำไมเราถึงวืดนักเตะเหล่านี้ในที่สุด

มิหนำซ้ำ ความเลยเถิดของข่าวลือ ลามปามไปถึงการสนใจรับเลี้ยงดูนักเตะอย่าง ลีโอเนล เมสซี บอกได้คำเดียวว่า อย่าฝันเกินจนไกล ออกตัวแรงไปจะขายหน้าประชาชี

ปีหน้าเรือใบต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน แต่จะมากน้อยแค่ไหนคงไม่มีใครรู้ เอาแต่ใจลุ้นๆ ว่าให้ได้นักเตะมีคลาส ที่จะเข้ามาเติมเต็มต่อยอดความสำเร็จ ไม่ใช่ได้นักเตะเกรดสำรองมาแค่เป็นอะไหล่เสริม เพราะตอนนี้อะไหล่หลักๆ ก็เสียหายอยู่หลายชิ้นแล้ว

กะลาสี No.17