หน้าแรกแกลเลอรี่

ถึงเวลาต้องเลือก!!

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

3 ธ.ค. 2561 05:01 น.

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ กับ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน 2–2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ “ปิศาจแดง” ไม่สามารถชนะใครในเกมลีกมาแล้ว 3 นัดด้วยกัน

โดยเสมอ 2 นัด แพ้ 1 นัด ยังคงรั้งอันดับ 7 ของตาราง มีแต้มตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองอยู่ถึง 16 แต้ม โอกาสจะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแทบจะเป็นศูนย์

แถมก่อนหน้านี้ โจเซ มูรินโญ กุนซือชาวโปรตุกีส ประกาศกร้าวว่าจบเดือนธันวาคม 2561 จะพา “ปิศาจแดง” ขึ้นไปท็อปโฟร์ ก็ดูแล้วว่าจะทำได้ยากเช่นกัน

บางครั้งการที่แมนฯยูตกต่ำขนาดนี้อาจจะไม่ใช่นักเตะที่เล่นผิดฟอร์ม แต่เป็นเพราะตัวของมูรินโญนั่นแหละที่เป็นสาเหตุสำคัญ

ด้วยความเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่ทักท้วง ตอนนี้ยิ่งจะพาแมนฯยู ดิ่งลงเหวลงเรื่อยๆ

โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่เสมอกับเซาแธมป์ตัน 2-2 จัดตัวแปลกๆ เล่นในระบบ 5-3-2 โดยเฉพาะการจับเอาสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับเนมันยา มาติช ลงไปผนึกกำลังกับฟิล โจนส์ เป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

เข้าใจว่าไม่มีทางเลือก เพราะคริส สมอลลิง, เอริค ไบยี และวิคตอร์ ลินเดเลิฟ เจ็บพร้อมกัน ส่วนมาร์กอส โรโฮ ก็เพิ่งหายเจ็บกลับมา แต่ก็ไม่ควรจะเอาสองมิดฟิลด์ไปยืนแผงหลังพร้อมกัน

เละสิครับแบบนี้วิ่งสลับตำแหน่งกันมั่วเลยทีเดียว 20 นาทีโดน “นักบุญ” สอยไป 2 เม็ดแบบไม่ยาก ดีนะที่โรเมลู ลูกากู และอังเดร เออร์ไรรา ก็มายิงตามตีเสมอให้จนมีแต้มกลับออกมาได้

บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่า โจเซ มูรินโญ คิด อะไรอยู่ บางทีก็ทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากไปซะได้ ที่ ผ่านมาไม่มีใครสงสัยในความสามารถของกุนซือชาวโปรตุกีสว่าเขาเป็นผู้ชายที่เก่งกาจแค่ไหน หลังพาทีมสโมสรยักษ์ใหญ่คว้าแชมป์ต่างๆมามากมาย แต่กับ “ปิศาจแดง” ตอนนี้ “มูรินโญ” กำลังจะกลายเป็นยาพิษทำลายทีมไปเรื่อยๆ

ตั้งแต่ “มูรินโญ” เข้ามาเสน่ห์การเล่นของ “ปิศาจแดง” ก็หมดไป เราไม่เห็นแมนฯยู ทีมเดิมที่เปิดเกมรุกเข้าใส่คู่ต่อสู้ตั้งแต่ต้นเกม สู้ไม่ถอยจนวินาทีสุดท้าย แต่สิ่งที่เราเห็นตอนนี้คือ แมนฯยู ที่เต็มไปด้วยแท็กติกไม่สนใจว่าจะเล่นสวยงามแค่ไหน ขอแค่ชนะก็เพียงพอแล้ว

ทั้งๆ ที่เกมรุกของ “ปิศาจแดง” ทั้งแอนโธนีย์ มาร์กเซียล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ, ปอล ป็อกบา ก็เป็นระดับท็อปไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแนวรุกคู่แข่งอย่างแมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และอาร์เซนอล เลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ดูผลลัพธ์ที่ออกมามันต่างกันอย่างฟ้ากับเหว

ด้วยฟอร์มยังไม่ดีขึ้น โอกาสคว้าแชมป์ลีกก็เลือนราง แม้ว่าศึกแชมเปียนส์ลีกจะผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ถ้าหากยังเล่นได้แค่นี้คงไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่

ขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารแมนฯยูแล้วว่าจะเอายังไง

มัวแต่เสียดายค่าฉีกสัญญา “เฮียมู” 12 ล้านปอนด์

หรือจะยอมเสียเงินหลัก 30-40 ล้านปอนด์ หากชวดไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า

ดูแล้วน่าจะเลือกไม่ยาก!!!

มะระหวาน