หมวดแซม
ปิดจ๊อบไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับพลพรรค “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ที่ประกาศศักดาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ไปครองล่วงหน้าแล้ว หลังบุกไปถล่มเอาก์สบวร์ก ขาดลอย 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้บาเยิร์นฯ ผงาดซิวแชมป์ บุนเดสลีกาเป็นสมัยที่ 27 และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ 6 ซีซั่นติดต่อกัน
นับเป็นการคว้าแชมป์ที่เร็วที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป เพราะศึกบุนเดสลีกายังเหลือการแข่งขันอีก 5 นัดถึงจะจบฤดูกาล
ชัยชนะเหนือเอาก์สบวร์กนัดนี้ ทำให้ บาเยิร์น มิวนิก ทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 ชาลเก้ 04 ขาดลอยถึง 20 แต้ม โดยชาลเก้เหลือเกมในมืออีก 6 นัด และต่อให้ชนะหมดทุกนัด ก็ไม่มีทางไล่ทันบาเยิร์นฯได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าศึกบุนเดสลีกาของเยอรมนี ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากแฟนบอลบ้านเราเท่าที่ควร ก็เพราะการผูกขาดคว้าแชมป์ของบาเยิร์นฯนี่แหละ ยากเต็มที...ที่จะมีทีมไหนมาโค่น “เสือใต้” ลงจากบัลลังก์ได้
ข้ามฝั่งมาดูศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ต้องเลื่อนการฉลองแชมป์ออกไป เพราะดันพลาดท่าพ่ายคาบ้านต่อคู่อริร่วมเมืองอย่าง “ปิศาจแดง” แมนฯยู 2-3 ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ ครั้งที่ 176
เจ้าถิ่นเรือใบสีฟ้าทำท่าจะคว้าชัยนัดนี้แบบสบายๆ ด้วยการนำห่างไปก่อนถึง 2-0 ใน ครึ่งแรก จากแวงซองต์ กอมปานี และอิลคาย กุนโดกัน
แต่ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อพลพรรคทีม “ปิศาจแดง” พลิกนรกกลับมารัวยิงแซง 3 ประตูรวด จากปอล ป็อกบา คนเดียวสองลูก ก่อนที่คริส สมอลลิง จะซัดประตูชัยให้แมนฯยูพลิกกลับมาคว้าชัยอย่างเหลือเชื่อ
นอกจากป็อกบาที่ยิงคนเดียว 2 ลูกแล้ว อเล็กซิส ซานเชซ ก็เป็น “คีย์แมน” คนสำคัญที่ช่วยให้แมนฯยูคว้าชัยชนะนัดนี้ เพราะทำแอสซิสต์จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูถึงสองลูก
ยังไงแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ก็เป็นของแมนฯซิตี้อยู่วันยังค่ำ แต่แมนฯยูไม่มีทางยอมให้อริร่วมเมืองที่ใส่เสื้อสีฟ้าข้ามศพของพวกเขาเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์อย่างแน่นอน
ขณะที่คริส สมอลลิง กองหลังผีแดง ออกมาเผยถึงคำพูดของมูรินโญตอนพักครึ่งที่ทำให้ทีมมีฮึดจนพลิกคว้าชัยในที่สุดว่า “มูรินโญไม่ได้พูดอะไรมากนักตอนพักครึ่ง เขาบอกแค่ว่า เราไม่ใช่ตัวตลกที่จะยืนดูพวกเขาคว้าแชมป์ต่อหน้าต่อตา”
ส่วน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล หืดขึ้นคอกว่าจะเปิดบ้านเฉือนชนะ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน 3-2 นัดนี้ “เทพแดน” แดนนี เวลเบค รับบทฮีโร่ทีมปืนใหญ่ หลังเหมาซัดคนเดียวสองลูก
นอกจากนี้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง ยังยิงได้ 1 ประตูด้วย ทำให้โอบาเมยองทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของอาร์เซนอลที่มีส่วนร่วมกับการทำประตู 7 ลูก ในการเล่น 7 เกมแรกกับทีม (โดยเป็นการทำ 6 ประตู และ 1 แอสซิสต์)
หัวหอกทีมชาติกาบองวัย 28 ปี ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 6 ลูก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ช่วงนี้อาร์เซนอลกำลังมีเกมรุกที่ดุดันสุดๆ หลังยิงประตูคู่แข่งได้ถึงสามลูกหรือมากกว่า มา แล้ว 5 เกมติดต่อกันในทุกรายการ
ทำให้ตอนนี้ อาร์แซน เวงเกอร์ ต้องมีการ บ้านให้ขบคิดอย่างหนักว่า จะส่งใครยืนเป็นคู่กองหน้าดี ระหว่างปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง, อเล็กซงดร์ ลากาแซตต์ และแดนนี เวลเบค.
หมวดแซม