ไทยรัฐออนไลน์
"มือปราบผีตัวจริง" เผยกุนซือมิดเดิลสโบรห์ เคยทำให้ แมนยูฯ แพ้คาบ้านมาแล้ว พร้อมเปิดใจจังหวะแฮนด์บอลปัญหา ก่อนล้มยักษ์ในเอฟเอ คัพ
วันที่ 5 ก.พ. 65 ควันหลงฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 ซึ่ง มิดเดิลสโบรห์ ทีมอันดับ 7 ในศึกแชมเปียนชิพ บุกมาเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 1-1 ในเวลา 120 นาที ก่อนชนะในการดวลจุดโทษตัดสิน 8-7 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 พร้อมเขี่ย "ปิศาจแดง" ตกรอบแบบพลิกความคาดหมาย
ทั้งนี้ คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมมิดเดิลสโบรห์ สามารถทำให้ แมนยูฯ แพ้คาบ้านได้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยคุมทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งเวลานั้นรั้งอันดับสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-2021 บุกมาชนะ "ปิศาจแดง" ถึงถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 เมื่อวันที่ 27 มกราคมปีที่แล้ว
(ชมคลิป คริส ไวล์เดอร์ พา เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ แมนยูฯ 2-1 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่แล้ว ที่นี่)
หลังจบเกม คริส ไวล์เดอร์ ให้สัมภาษณ์ถึงจังหวะได้ประตูจาก แมตต์ ครูกส์ ในนาทีที่ 64 ซึ่งเขายอมรับว่า มิดเดิลสโบรห์ อาจจะไม่ได้ประตูแล้ว เพราะเห็นบอลกระดอนมาโดนมือซ้ายของ ดันแคน วัตมอร์ กองหน้าตัวสำรองก่อนจ่ายให้เพื่อนตีเสมอ ซึ่งจังหวะนี้เป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง แต่ผู้ตัดสิน แอนโธนี เทย์เลอร์ และทีมงานวีเออาร์ยืนยันให้เป็นประตู ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นแมนยูฯ
ไวล์เดอร์ กล่าวว่า "เรามาพร้อมกับดวงและคว้าโอกาสของเราได้สำเร็จ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากวีเออาร์จะเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ผมไม่ได้คุมทีมในพรีเมียร์ลีก ผมคิดทันทีเลยว่ามันน่าจะแฮนด์บอล ผมนึกว่าเราจะไม่ได้ประตูซะแล้ว แต่ก็ดีใจที่มันไม่เป็นแบบนั้น"
"เราดีใจ ขณะที่คู่แข่ง (แมนยูฯ) กำลังแปลกใจว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ได้ผ่านเข้ารอบ มันคือมนต์เสน่ห์ของ เอฟเอฟ คัพ เรามากับดวง คว้าโอกาสได้ และทำสำเร็จในการดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งผมบอกกับผู้เล่นว่ามันจะเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีให้กับชีวิต"
ทั้งนี้ กฎใหม่ว่าด้วยจังหวะแฮนด์บอลที่ คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ (ไอเอฟเอบี) ปรับปรุงแก้ไขเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ระบุชัดเจนว่า "หากผู้เล่นฝ่ายรุกทำแฮนด์บอลโดยไม่เจตนา แต่ไม่ได้เป็นผู้ทำประตูโดยตรง หรือยิงเข้าไปด้วยตัวเอง จะถือว่าจังหวะนั้นเป็นประตู แต่หากเป็นผู้ทำประตูเองจะไม่ได้ประตู".