ตัดเชือกคาราบาวสุดซี้ด

ศึกลีก คัพ หรือคาราบาว คัพ ในตอนนี้ เป็นบอลถ้วยใบเล็กสุดของลีกสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งตลอดที่ผ่านมาส่วนใหญ่บรรดาบิ๊กเนมท็อปโฟร์หรือท็อปซิกซ์ก็จะจัดผู้เล่นชุดสำรองผสมกับเด็กดาวรุ่งลงวาดลาย เพื่อให้โอกาสบรรดานักเตะที่ไม่ค่อยได้เล่นได้เคาะสนิม

แต่ช่วงหลังบรรดาทีมใหญ่ก็ค่อนข้างเน้นเป็นพิเศษ เพราะมองว่าอย่างน้อยๆถ้าได้แชมป์ใบนี้มาครองก็ไม่ได้จบฤดูกาลมือเปล่า ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาดแชมป์มา 4 ปีติดต่อกัน

มาในซีซันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าบรรดาทีมต่างๆก็ค่อนข้างเน้นเป็นพิเศษแม้ว่าจะเป็นชุดสำรองและนักเตะ ดาวรุ่ง แต่การวางหมากก็ละเอียดและเน้นมากขึ้น

เช่นเดียวกับบรรดานักเตะที่ได้โอกาสลงสนามก็พยายามสร้างผลงานให้ยอดเยี่ยมเพื่อที่จะได้เตะตาเทรนเนอร์เพื่อกลายเป็นตัวเลือกแรกในทีมชุดใหญ่ให้ได้

ในรอบ 8 ทีมเล่นได้อย่างมันส์เลยทีเดียว โดยเฉพาะคู่ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ลงเล่นในบ้านพบกับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเล่นกันได้เหมือนเกมแย่งชิงแชมป์เลยทีเดียว

ผู้เขียนนั่งดูอยู่หลังจากที่เลสเตอร์ขึ้นนำถึง 3-1 ก็คิดว่า “หงส์แดง” น่าจะเสร็จแล้ว เพราะส่วนใหญ่จะใช้ผู้เล่นดาวรุ่งลงเล่น นอกจากจะพักตัวหลักแล้วก็ยังมีปัญหานักเตะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย ทำให้เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน มีตัวเลือกไม่มากนัก

แต่ “หงส์แดง” ก็ยังไม่ยอมแพ้มาตามตีเสมอได้สำเร็จจนทำให้ต้องตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ ก่อนจะเป็นลิเวอร์พูลที่ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 5-4 รวมสกอร์ ลิเวอร์พูล ชนะ 8-7

นั่งดูก็ต้องยอมรับจริงๆว่าแข้งลิเวอร์พูล สู้ไม่ถอยโดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่งหรือผู้เล่นสำรองที่กระหายในการลงเล่นเป็นอย่างมาก วิ่งสู้ฟัดจนสามารถตีเสมอได้สำเร็จ

ส่วนอีกคนที่ต้องชมก็คือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูวัย 23 ปี ที่ฉายแสงว่าที่ยอดผู้รักษาประตูคนต่อไปที่เซฟ 2 จุดโทษในเกมนี้ บอกตรงๆ ว่าจากลีลาการเซฟ, การอ่านเกม หรือตัดบอล มีอนาคตค่อนข้างสดใสเลยทีเดียว

ด้านคู่อื่นๆ “สิงห์บลู” เชลซี บุกไปสอย “ผึ้งพิฆาต” เบรนท์ฟอร์ด น้องใหม่ ถึงถิ่น 2-0 เช่นเดียวกับ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เฉือนเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม 2-1 ในเกม “ลอนดอนดาร์บี้”

หลังจากทุกคู่ในรอบ 8 ทีมจบลงเมื่อเห็นรายชื่อทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต้องร้องซี้ดเลยทีเดียวเพราะเป็นทีมระดับท็อปของลีกทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล (รองจ่าฝูง), “สิงห์บลู” เชลซี (อันดับ 3), อาร์เซนอล (อันดับ 4) และทอตแนม ฮอตสเปอร์ (อันดับ 5)

เมื่อเห็นรายชื่อทีมที่เข้ารอบก็ซี้ดแล้ว พอมาดูผลการประกบคู่รอบตัดเชือกซี้ดกว่า “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ดวลกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และอีกคู่เป็นเกม “สิงห์บลู” เชลซี ปะทะ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เป็นเกม “ลอนดอนดาร์บี้”

บอกได้เลยว่าน่าดูทั้งสองคู่ แถมทั้งสองทีมนั้นมีทั้งนักเตะดาวรุ่งและตัวสำรองที่ค่อนข้างมีศักยภาพที่ไม่ต่างจากบรรดา 11 ตัวจริงเลย

ทำให้ในปีนี้ คาราบาว คัพ อีก 3 นัดที่เหลือ (รอบตัดเชือก 2 นัด และรอบชิงชนะเลิศ 1 นัด) ห้ามพลาดจริงๆ

รอบ 8 ทีมทาง “พีพีทีวี เอชดี 36” ถ่ายทอดสดให้ชมทั้งสองเกม

เชื่อว่าในรอบตัดเชือกทั้งสองนัดและรอบชิงชนะเลิศ เชื่อว่าผู้ใหญ่ใจดีอย่าง “พีพีทีวี เอชดี 36” จะถ่ายทอดสดให้แฟนบอลชมอย่างต่อเนื่อง

เพราะหลังจากนี้รับรองซี้ดทุกแมตช์แน่นอน!!

มะระหวาน