หน้าแรกแกลเลอรี่

เหตุผลที่แท้จริง

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

3 มิ.ย. 2561 05:01 น.

ถือว่าเป็นอีกข่าวที่ช็อกวงการลูกหนังและสาวก “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เป็นอย่างมากหลังจาก ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือคนเก่งชาวฝรั่งเศส ได้ประกาศอำลาตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากพาทีมคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีก สมัย 13 มาครองได้ไม่นานนัก

ซีดาน เพิ่งจะพาลูกทีม “ชุดขาว” ไล่บดเอาชนะลิเวอร์พูล ไปได้ 3-1 เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วในศึกแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ทำให้ เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 13 ของประวัติศาสตร์สโมสรและเป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน

แม้ว่าจะทำได้ไม่ตามเป้าที่ตั้งไว้คือการคว้าแชมป์ ลา ลีกา ด้วย แต่อย่างไรก็ตามแค่เพียงถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปก็เพียงพอที่จะทำให้ตำแหน่งกุนซือชาวน้ำหอมมั่นคงไม่มีการสั่นคลอนไปอีกนานแสนนาน

แต่อยู่ดีๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางสนาม ซานติเอโก เบอร์นาบิว เมื่อ “ซิซู” ได้ควง ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรฯออกมาแถลงการณ์อำลาตำแหน่งกุนซือ “ชุดขาว” อย่างเป็นทางการด้วยเหตุผล “อยากให้สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงเจออะไรใหม่ๆบ้าง” ถ้าตามที่เราเข้าใจก็ประมาณว่า “อิ่มตัวแล้ว”

หลายคนคิดว่าทำไม ซีดาน ถึงอิ่มตัวไวหลังเพิ่งคุมทีมได้ 3 ปีเท่านั้น

แต่ก็มาลองคิดดูจากคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมระดับสโมสรเลย เรอัล มาดริด เป็นแห่งแรก แต่ใน 3 ปีสามารถพาทีมคว้าถ้วยใบใหญ่ที่สุดในระดับยุโรปมาครองได้ถึง 3 ครั้งติดต่อกัน นอกจากนั้นยังคว้าแชมป์ ลา ลีกา อีก 1 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 2 สมัย

โดยสถิติการคุมทัพของ ซีดาน กับ เรอัล มาดริด ลงสนาม 149 นัด ชนะ 104 เสมอ 29 แพ้ 16 นัดเท่านั้น แถมยิงได้มากถึง 393 ประตูด้วยกัน

เรียกได้ว่าเก็บถ้วยรางวัลในลีกของตัวเองครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสโบกมือบ๊ายบายเก้าอี้ของ “ชุดขาว”

แต่มีสื่อรายงานว่ามีอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กุนซือวัย 45 ปี ลาออกก็คือการที่เจ้าตัวคิดว่าไม่สามารถที่จะคุมสตาร์ดังของทีมได้แล้ว โดยเฉพาะ คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมคนเก่งชาวโปรตุเกส และแกเร็ธ เบล ปีกจรวดทีมชาติเวลส์

โดยเฉพาะ เบล ที่มีปัญหากับ ซีดาน มาอย่างยาวนาน เพราะไม่พอใจที่ไม่ได้ลงสนามมากเท่าที่ควร ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า ไม่ได้คุยกับ เบล นานกว่า 3 ชม. หลังจากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองทั้งๆที่ปีกวัย 28 ปีสวมบทฮีโร่พาทีมกลายเป็นเบอร์ 1 ของสโมสรในยุโรป 3 สมัยติดต่อกันก็ตาม

ขณะที่ โรนัลโด ก็ดันไปสัมภาษณ์กับนักข่าวเรื่องอนาคตของตัวเองในการย้ายทีม แทนที่จะพูดเรื่องการคว้าแชมป์และไปฉลองแชมป์กับเพื่อนร่วมทีม จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้ ซีดาน คงทนไม่ไหวและตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งก็เป็นได้

ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ซีดาน ก็ยังเป็นที่รักของแฟนบอลชุดขาวอยู่ดี เพราะสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ทั้งสมัยเป็นนักเตะและที่เป็นโค้ช ถามว่าเสียดายมั้ยเชื่อว่าแฟนมาดริดเสียดายกันทุกคนแต่ก็เคารพการตัดสินใจของอดีตมิดฟิลด์หัวไข่ดาวรายนี้

แต่ที่หนักกว่าคือคนที่จะเข้ามาแทนที่ของ ซีดาน นั้นต้องแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้ นอกจากเรื่องแท็กติกการคุมทีมแล้วการคุมสตาร์ดังมากมายก่ายกองก็น่าปวดหัวเช่นกัน

บอกได้เลยว่าถ้าไม่เก่งจริงไม่เจ๋งจริงคงอยู่ยาก!!!

มะระหวาน