ไทยรัฐออนไลน์
คริสเตียโน โรนัลโด กดสองประตูพา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ไล่ถล่ม "ม้าลาย" ยูเวนตุส ขาดลอย 4-1 ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 12 และเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ในรอบ 27 ปี...
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศประจำวันที่ 3 มิ.ย. ที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดียม เมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เป็นการพบกันในคู่ระหว่าง "ไอ้ม้าลาย" ยูเวนตุส แชมป์จากอิตาลี อดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย พบกับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แชมป์จากสเปน และเป็นอดีตแชมป์รายการนี้มากสุด 11 สมัย
เกมนี้ "ไอ้ม้าลาย" มาเต็มสูบนำทัพโดย กอนซาโล อิกวาอิน ลงยิงทีมเก่าผนึกกำลังร่วมกับ เปาโล ดิบาลา และ มาริโอ มานด์ซูคิช ขณะที่ "ราชันชุดขาว" ได้ เกเรธ เบล สลัดเดี้ยงกลับมาเป็นตัวสำรอง ส่วนแผงแนวรุก ซีเนอดีน ซีดาน ยังใช้ คริสเตียโน โรนัลโด, คาริม เบนเซมา และ อิสโก เป็นสามผสานล่าตาข่าย
เปิดฉากเกมขึ้นมา ม้าลาย มาแบบดุดันลุยหนักตั้งแต่ต้นเกมและเกือบได้ประตูถึงสองครั้งสองคราในช่วง 4 นาทีแรก โดยจังหวะแรก กอนซาโล อิกวาอิน โขกเต็มๆแต่บอลติดเซฟ นาบาส ก่อนที่ อิกวาอิน เจ้าเก่าจะซัดด้วยขวาแต่ นาบาส ก็เซฟได้อีกครั้ง
อีกสองนาทีให้หลัง ม้าลายเกือบได้ประตูนำอีกครั้ง มิราเล็ม ปานิช ได้ซัดเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษแต่นาบาส ก็ยังโชว์หนึบล้มตัวปัดออกไปหวุดหวิด
ม้าลายครองเกมได้มากกว่าก็จริงแต่ทว่านาทีที่ 20 กลายเป็น ราชันชุดขาว มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากโอกาสยิงครั้งแรก เบนเซมา จ่ายให้ โรนัลโด ไหลต่อให้ การ์บาฆาล ก่อนจะถวายพานคืนให้ โรนัลโด กดด้วยขวาบอลแฉลบโบนุชชีผ่านมือ บุฟฟอน เข้าไป
แต่ทว่านาทีที่ 27 ม้าลาย ตีเสมอทันควัน 1-1 โบนุชชี เปิดบอลยาวให้กับ อเล็กซ์ ซานโดร ถึงเส้นหลังตวัดเข้ากลาง อิกวาอิน เดาะบอลต่อให้ มานด์ซูคิช จักรยานอากาศเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
เกมอยู่กลางสนามเป็นซะส่วนใหญ่ ก่อนหมดเวลานาทีเดียว ราชัน ได้ลุ้นประตูขึ้นนำอีกครั้ง คาเซมิโร ยิงไกลแต่บอลออกหลังออกไป จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังไม่มีทีมใดเพี่ยงพล้ำเสมอกันอยู่ 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง ราชัน แก้เกมมาดีกว่าครึ่งแรก นาทีที่ 56 ลูกา โมดริช ได้ยิงด้วยซ้ายแต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของ บุฟฟอน รับเข้าซองไม่มีพลาด
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 ราชันชุดขาว ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 คาริม เบนเซมา จ่ายให้ โทนี โครส ยิงติดบล็อกแต่บอลไปเข้าทางปืน คาเซมิโร ซัดด้วยขวาเต็มๆบอลไปแฉลบ เคดิรา เปลี่ยนทางเสียบเสาหมดปัญญาของบุฟฟอน
อีกสามนาทีต่อมา ราชัน หนีห่าง 3-1 ม้าลาย เสียบอลแดนตัวเอง โทนี โครส จ่ายให้กับ ลูกา โมดริช วิ่งไปถึงเส้นหลังก่อนเปิดกลับมาให้ โรนัลโด โฉบไปยิงสวนตัวบุฟฟอนเสียบเสาสองเข้าไป
โอกาสทองของม้าลายที่จะตีไข่แตกนาทีที่ 82 จากลูกฟรีคิก ดานี อัลเวส เปิดให้กับ อเล็กซ์ ซานโดร ขวิดแต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น
อีกสองนาทีให้หลังสถานการณ์ของม้าลายย่ำแย่ไปอีกเมื่อต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนหลัง กัวดราโด ไปผลักใส่ รามอส ก่อนโดนผู้ตัดสินควักเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไปเลย
ไปกันใหญ่แล้วในช่วงทดเจ็บนาทีแรก ราชันชุดขาว มาได้ประตูปิดกล่อง 4-1 จากลูกฟรีคิก โรนัลโด ยิงติดกำแพงแต่บอลไปเข้าทาง มาร์เซโล ลากถึงเส้นหลังก่อนเปิดให้กับ มาร์โก อเซนซิโอ ตัวสำรองยิงง่ายๆเข้าไป
จากนั้น ราชันชุดขาว คุมสถานการณ์ไว้ได้หมด ครบ 90 นาทีผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกมการแข่งขัน เรอัล มาดริด เอาชนะ ยูเวนตุส 4-1 ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปครองเป็นสมัยที่ 12 มากสุดในประวัติศาสตร์
รายชื่อของทั้งสองทีม
ยูเวนตุส : 3-4-3 : จิอันลุยจิ บุฟฟอน (GK)(C): อันเดรีย บาซาญี, จอร์โจ คิเอลลินี, ลีโอนาร์โด โบนุชชี, : ดานี อัลเวส, มิราเล็ม ปานิช, ซามี เคดิรา, อเล็กซ์ ซานโดร : เปาโล ดิบาลา, กอนซาโล อิกวาอิน, มาริโอ มานด์ซูคิช
สำรอง : เนโต, เบเนเตีย, ลิกต์สไตเนอร์, มาร์คิซิโอ, อซาโมอาห์, กัวดราโด, เลมินา
เรอัล มาดริด : 4-3-3 : เคย์เลอร์ นาบาส (GK) : ดานี การ์บาฆาล, ราฟาเอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (C), มาร์เซโล : ลูกา โมดริช, คาเซมิโร, โทนี โครส : อิสโก, คาริม เบนเซมา, คริสเตียโน โรนัลโด
สำรอง : คาซิญา, ดานิโล, นาโช, โควาซิช, เบล, อเซนซิโอ, โมราตา