ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ศึกลูกหนังยูโร 2024 รอบ 8 ทีมสุดท้ายวันนี้ (6 ก.ค.) มีฟาด แข้งกัน 2 คู่สุดท้าย “สิงโตคำราม” อังกฤษ รองแชมป์เก่าที่กลับมาคืนฟอร์มเก่งเจอกับ “นาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งเป้าเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อหวังตบเท้า เข้าสู่รอบตัดเชือก นัดนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ ทรีไลออนส์ได้รับข่าวดี จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางตัวเก่ง ไม่โดนยูฟ่าลงโทษแบน จะผนึกกำลังแฮร์รี เคน ฟิล โฟเดน ลงทะลวงตาข่ายได้ตามปกติ ด้าน มูรัต ยาคิม กุนซือทัพสวิสสภาพทีมพร้อมสุดๆ จัดเต็มหวังจะพลิกล็อกต่ออีกเกม ส่งบรีล เอ็มโบโล แดน เอ็นดอย ฟาเบียน ไรเดอร์ เป็นตัวทีเด็ด คู่นี้ฟาดแข้ง 23.00 น.
ส่วนอีกคู่ “กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ที่กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งเจอกับ “ไก่งวง” ตุรกี นัดนี้เหนือกว่าเยอะตั้งเป้าเก็บชัยให้ได้ เกมนี้ โรนัลด์ คูมัน กุนซือทัพดัตช์จัดเต็มจัดหนักเพื่อหวังเข้ารอบต่อไป วางโคดี กักโป ดอนเยลล์ มาเลน และเมมฟิส เดปาย ยืนเป็น 3 ประสานคอยถล่มประตู ส่วนวินเซนโซ มอนเตลลา กุนซือชาวอิตาเลียนของทัพเติร์ก ต้องปวดหัวเมื่อตัวหลักๆโดนแบนถึง 3 รายด้วยกัน โดยเกมนี้จะจัดชุดที่ดีที่สุดเข้าสู้เพื่อหวังพลิกเข้ารอบ ให้ได้ มีอาร์ดา กูแลร์ บาริส ยิลมาซ เคนาน ยิลดิช และเคเรม อัคตูโกกลู เป็นตัวทีเด็ด เกมนี้คิกออฟ 02.00 น. โดยทั้งสองคู่ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และ ทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2024 หรือ “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนี รอบ 8 ทีมสุดท้าย วันนี้ (6 ก.ค.) มีฟาดแข้งกัน 2 คู่ 2 สนาม “สิงโตคำราม” อังกฤษ รองแชมป์เก่า พบ “นาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ นัดนี้ฟาดแข้งกันที่เมอร์คูร์ สปีล-อารีนา เมืองดุสเซลดอร์ฟ เวลา 23.00 น. ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด
“สิงโตคำราม” อังกฤษ รองแชมป์เก่าผ่านเข้ารอบมาเฉียดฉิวหลังจากเชือดสโลวะเกีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นัดนี้จะหมดสิทธิใช้งานของมาร์ค เกฮี ปราการหลังที่ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ส่วนจู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางตัวเก่งรอดจากการโดนยูฟ่าแบนทำให้ลงสนามได้ตามปกติ นัดนี้แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่เลือดผู้ดี ตัดสินใจจะปรับมาเล่น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ในระบบ 3-4-2-1 หลังจากได้ลงซ้อมใน 2 ครั้งล่าสุด จอร์แดน พิกฟอร์ด จอมหนึบจากเอฟเวอร์ตันลงเฝ้าเสา ไคล์ วอล์คเกอร์ จอห์น สโตนส์ เอซรี คอนซา ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ บูกาโย ซากา คีแรน ทริปเปียร์ รับหน้าที่วิงแบ็กขวาและซ้าย ค็อบบี ไมนู เดแคลน ไรซ์ คุมจังหวะเกม จู๊ด เบลลิงแฮม ผนึกกำลัง ฟิล โฟเดน ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางแฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีมลงยืนหน้าเป้าลงล่าตาข่าย

“แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ พลิกโค่นอิตาลี ไป 2-0 นัดนี้ มูรัต ยาคิน เฮดโค้ชชาวสวิส สภาพทีมค่อนข้างพร้อม และจะได้ซิลวาน วิดเมอร์ กองกลางคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง โดยเกมนี้จะลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 จะยึดผู้เล่นจากเกมที่แล้วลงสนาม ผู้รักษาประตู ยานน์ ซอมเมอร์ ลงเฝ้าเสาเป็นมือ 1 แนวรับวางฟาเบียน แชร์ มานูเอล อาคันจี ริคาร์โด โรดริเกวซ ยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แดนกลาง กรานิต ชากา กองกลางกัปตันทีมฟิตสม บูรณ์กลับมาคุมจังหวะเกมกลางสนามร่วมกับซิลวาน วิดเมอร์ เรโม ฟลอยเลอร์ และมิเชล แอบิสเชอร์ ส่วนเกมรุกแดน เอ็นดอย ฟาเบียน ไรเดอร์ สร้างสรรค์เกมรุก แดนหน้าวางบรีล เอ็มโบโล กองหน้าตัวเก่งลงยืนหน้าเป้า
อังกฤษการได้ชัยชนะเหนือสโลวะเกียทำให้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง ในเกมนี้ “สิงโตคำราม” จะเป็นฝ่ายเดินเกมรุกกดดันเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม ด้านสวิสเซอร์แลนด์กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มสุดๆ หลังโค่นอิตาลีมารอบที่แล้ว จะลงเล่นเกมนี้ด้วยความมั่นใจ รูปเกมจะเป็นทางพลพรรค “ทรี ไลออนส์” ที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่ตามสไตล์ ส่วนแข้ง “นาฬิกา” จะวางแผนมาเล่นอย่างรัดกุมและอาศัยเกมโต้กลับที่ค่อนข้างอันตรายอย่างเอ็มโบโล เอ็นดอย ไรเดอร์ คอยป่วนแนวรับรองแชมป์เก่าได้ตลอดทั้งเกม ทำให้รูปเกมออกมาสนุกคู่คี่สูสี อย่างไรก็ตาม สุดท้ายจะเป็นลูกทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต ที่มีศักยภาพในจังหวะเข้าทำที่เหนือกว่าจากทั้งเคน เบลลิงแฮม โฟเดน ซากา รวมถึงโคล พาลเมอร์ และไอแวน โทนีย์ น่าจะผนึกกำลังช่วยกันยิงพา “สิงโตคำราม” บดเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด
ขณะที่อีกคู่ “กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ แชมป์รายการนี้ 1 สมัยพบกับ “ไก่งวง” ตุรกี ทีมฟอร์มร้อนที่ทะลุมาได้ถึงรอบนี้ คู่นี้ฟาดแข้งกันที่ โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน เวลา 02.00 น. ช่องพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603 ถ่ายทอดสด

“กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งในรอบที่แล้วไล่ยำใหญ่โรมาเนียขาดลอย 3-0 เกมนี้จะต้องเช็กอาการของสตีเฟน เบิร์กไวน์ ที่เจ็บจากเกมล่าสุดก่อน แต่ตัวกำลังหลักอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้าไม่มีปัญหาในการจัดทัพโรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชชาวดัตช์ จะจัดทัพได้อย่างเต็มที่ โดยเกมนี้จะลงเล่นในระบบ 4-3-3 บาร์ต เวอร์บรูคเคน ลงเฝ้าเสา แนวรับวางเดนเซล ดุมฟรีส์ รับหน้าที่แบ็กฝั่งขวา เวอร์จิล ฟาน ไดก์ สเตฟาน เดอ ฟราย ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เนธาน อาเก ดูแลฝั่งซ้าย ซาบี ซิมมอนส์ จะกลับมาคุมเกมกลางสนามร่วมกับติยานี ไรจ์นเดอร์ส และเจอร์ดี ชูเตน อีกครั้ง แดนหน้าโคดี กักโป ที่กดไปแล้ว 3 ตุง จะผนึกกำลังดอนเยลล์ มาเลน และเมมฟิส เดปาย ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้าแทน
“ไก่งวง” ตุรกี สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะออสเตรียมาได้ 2-1 แต่เกมนี้จะหมดสิทธิใช้งานของออร์คุน ก็อกกู และอิสเมล ยูเซค ที่ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบตามโควตา ขณะที่ เมริห์ เดมิรัล ปราการหลังตัวเก่งฮีโร่จากนัดที่แล้ว ถูกแบน 2 นัด จากท่าดีใจไม่เหมาะสม แต่จะได้ 2 แกนหลักอย่างฮาคาน คัลฮาโนกลู และซาเม็ด อเคย์ดิน พ้นโทษแบนสวนทางกลับมา เกมนี้วิเชนโซ มอนเตลลา กุนซือชาวอิตาเลียน จะยึดผู้เล่นจากเกมนัดล่าสุดลงสนาม เมิร์ต กูน็อค จอมหนึบตัวเก่งจะลงเฝ้าเสาเป็นมือ 1 แนวรับวางเมิร์ต มูลดูร์ รับหน้าที่แบ็กขวา อับดุลคาริม บาร์ดัคซี ซาเม็ด อเคย์ดิน ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ส่วนเฟอร์ดี คาดิโอกลู ดูแลทางฝั่งซ้าย ฮาคาน คัลฮาโนกลู กัปตันทีมกลับมาคุมจังหวะเกมร่วมกับคาน เอย์ฮาน อีกครั้ง อาร์ดา กูแลร์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งจะผนึกกำลังบาริส ยิลมาซ เคนาน ยิลดิช ปั้นเกมรุก แดนหน้าวางเคเรม อัคตูโกกลู ลงยืนหน้าเป้าล่าตาข่าย

เนเธอร์แลนด์กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งแล้ว จะลงเล่นในเกมนี้ด้วยความมั่นใจจะเป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม ด้านตุรกีจะฟอร์มดีไม่แพ้กันก็จริง แถมยังมีแนวรุกที่ค่อนข้างน่ากลัวไม่ว่าจะเป็น กูแลร์ คัลฮาโนกลู ยิลมาซ และยิลดิช ที่พร้อมลงไปพลิกเกม อย่างไรก็ตาม ศักยภาพโดยรวมและประสบการณ์ในเกมระดับนี้ยังค่อนข้างเป็นรอง “กังหันลมสีส้ม” อยู่หลายช่วงตัว รูปเกมจะออกมาคู่คี่สูสีในช่วงแรก ก่อนเล่นไปเล่นมาจะเป็นฝ่ายทัพ “อัศวินสีส้ม” ที่ครองเกมเอาไว้ได้หมด ก่อนจะอาศัยจังหวะเข้าทำที่เด็ดขาดกว่าทั้งกักโป เดปาย มาเลน ที่ยิงรวมกันไป 6 ประตู จะเบียดเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่