มะระหวาน
กลายเป็นเรื่องร้อนฉ่าในวงการลูกหนังเลยทีเดียวสำหรับข่าวของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอย่างลิโอเนล เมสซี กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลกปี 2022 และ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงกัปตันทีมชาติโปรตุเกสที่ตกเป็นข่าวดังในสื่อต่างๆ
เริ่มต้นจากคริสเตียโน โรนัลโด กองหน้ากัปตันทีมชาติโปรตุเกสของอัล-นาสเซอร์ ทีมแกร่งจากลีกซาอุดีอาระเบีย ที่ตกเป็นข่าวต้องการย้ายออกจากสโมสรหลังจากย้ายมาร่วมทีมได้เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น
ดาวยิงวัย 38 ปี ย้ายมาเล่นให้กับอัล-นาสเซอร์ ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าเหนื่อยก้อนโตมากถึง 175 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7.4 พันล้าน) ต่อปี โดยมีการเซ็นสัญญายาวไปจนถึงปี 2025
การมาของโรนัลโดทำให้ลีกซาอุกลับมาบูมมากขึ้นกว่าเดิมมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกมากขึ้น เรียกว่าการมาของ “โด้” นั้นได้ปลุกกระแสให้กับลีกซาอุโดยแท้จริง
แต่การมาของ “โด้” จะทำประโยชน์ให้กับลีกก็จริง แต่ก็สร้างปัญหาให้กับอัล-นาสเซอร์ โดยแท้จริง การมาของโรนัลโดปั่นป่วนสโมสรอย่างมาก ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าเป็นแกนนำที่ทำให้รูดี การ์เซีย อดีตกุนซือชาวฝรั่งเศสถูกปลดออกจากตำแหน่ง
หลังจากไม่พอใจกับแท็กติกของการ์เซีย ในการเล่นให้กับอัล-นาสเซอร์ หลังจากทำได้แค่เสมอกับอัล ไฟฮา แค่ 0-0 เท่านั้น จนทำให้ “โด้” ไม่พอใจก่อหวอดในห้องแต่งตัว จนสุดท้ายการ์เซีย ก็โดนปลดจากตำแหน่งในที่สุด
แม้ว่า “ซีอาร์ เซเว่น” จะสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับอัล-นาสเซอร์ ยิงไป 12 ประตูจาก 15 นัดทุกรายการ แต่ฟอร์มอัล-นาสเซอร์ ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทำให้ตอนนี้สโมสรจ่อชวดแชมป์ซาอุดี โปร ลีก ตามหลังอัล อิจจิฮัด จ่าฝูง อยู่ 3 คะแนนแต่แข่งมากกว่า 1 เกม
จนล่าสุดอดีตแข้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวเบื่อลีกซาอุดีอาระเบียแล้วต้องการย้ายสโมสรหลังจากย้ายมาเล่นได้เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น โดยสาเหตุที่ “โด้” ต้องการย้ายเพราะจอร์จินา โดริเกซ คู่ชีวิตของโรนัลโด อยากกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงมาดริด
โดยมีข่าวว่า โรนัลโดต้องการย้ายกลับไปเล่นกับอดีตทีมเก่าอย่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริดอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่ต้องตามดูกันต่อไป
ส่วนอีกเคสก็มีซาอุดีอาระเบียเป็นเหตุเช่นเดียวกันเมื่อลิโอเนล เมสซี กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมดังลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่แอบเดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่ทูตของซาอุดีอาระเบีย ต่อการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพศึกฟุตบอลโลก 2030
โดยกรณีดังกล่าวทำให้ทางเปแอสเช ไม่พอใจเพราะทางเมสซี ไม่ได้แจ้งกับทางสโมสรให้รับทราบก่อนว่าจะเดินทางไปไหน แม้ว่าวันดังกล่าวจะไม่มีซ้อมก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเดินทางไปไหนก็ได้
ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าทางเมสซีอาจจะโดนปรับเงิน แต่ล่าสุดต้องช็อกเมื่อเปแอสเชรับบทโหดสั่งลงโทษแบนจากสโมสรเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเจ้าตัวจะไม่มีสิทธิ์ร่วมซ้อมกับทีมและหมดสิทธิ์ลงสนามเลย
ซึ่งการแบนครั้งนี้ก็น่าจะส่งผลต่อการต่อสัญญาของ เมสซี กับปารีสอย่างแน่นอนเพราะทาง เปแอสเช อยากให้อดีตแข้งบาร์เซโลนาอยู่กับทีมต่อ แต่การสั่งลงโทษแบบนี้เชื่อว่าโอกาสน่าจะยากที่เมสซี จะอยู่ต่อ
หลังจากนี้ก็ต้องตามลุ้นกันว่าอนาคตของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังจะเป็นอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นนั้นช่วงเวลาใกล้เคียงกันมาก แถมยังเกิดที่ซาอุเหมือนกันอีก อะไรดวงจะสมพงศ์ขนาดนั้นสำหรับคู่ปรับตลอดกาลคู่นี้!!
มะระหวาน