ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ช่วงสุดสัปดาห์จนต่อยาวไปถึงกลางสัปดาห์เรียกได้ว่าเป็น “ฟีฟ่าเดย์” ทีมชาติต่างๆ จะมาบรรเลงฝีเท้ากันเพื่อเคาะสนิมหรือเตรียมทีมเพื่อสู้ศึกใหญ่ต่อไป
แต่ที่แปลกไปสำหรับบรรดาทีมยุโรปก็คือเปลี่ยนจากเกมอุ่นเครื่องธรรมดาที่เตะกัน แบบไม่มีความหมายหรือทดสอบนักเตะ หรือแล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละชาติกำหนดไว้ให้กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีค่า
ด้วยการจัดตั้งเป็นลีกเพื่อให้การเตะแบบอุ่นเครื่องธรรมดามีความหมายโดยใช้ชื่อเป็น “ยูฟ่า เนชันส์ ลีก” ซึ่งทีมจากยุโรปทั้งหมดจะร่วมแข่งขันในรายการนี้ โดยมีเงินรางวัลมหาศาลตอบแทน เท่านั้นยังไม่พอยังเป็นทางลัดไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2020 หรือ “ยูโร 2020” อีกด้วย
โดยศึก ยูโร 2020 อีก 2 ปีข้างหน้าจะมี 24 ทีม เนื่องจากมี 10 ชาติที่ร่วมเป็นเจ้าภาพ ทำให้จะไม่มีชาติไหนได้สิทธิ์อัตโนมัติต้องไปเตะรอบคัดเลือก ในปี 2019 โดยจะคัดเอา 20 ทีมเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
ส่วนอีก 4 ทีม เป็นโควตาของแชมป์แต่ละกลุ่มของ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก!!
นอกจากเงินรางวัลแล้วแรงจูงใจโควตายูโร 2020 ทำให้ เนชันส์ ลีก มีคุณค่าขึ้นมาทันที
สำหรับ ยูฟ่า เนชันส์ ลีก แบ่งเป็น 4 ลีก (ลีกเอ, บี, ซี, ดี) แยกเกรดตามค่าสัมประสิทธิ์ยูฟ่า ในเดือน ต.ค.2017 ทีมที่คะแนนมากอยู่ในลีกเอ ลดหลั่นกันลงมา ส่วนลีกดี คือทีมเล็กที่มีแต้มน้อย
ส่วนสรุปผลการแบ่งสายมีดังนี้ ลีกเอ 12 ทีม เอ 1 : เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ เอ 2 : เบลเยียม, สวิตเซอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, เอ 3 : โปรตุเกส, อิตาลี, โปแลนด์ และ เอ 4 : สเปน, อังกฤษ, โครเอเชีย ลีกบี 12 ทีม บี 1 : สโลวะเกีย, ยูเครน, เช็ก, บี 2 : รัสเซีย, สวีเดน, ตุรกี บี 3 : ออสเตรีย, บอสเนียฯ, ไอร์แลนด์เหนือ และ บี 4 : เวลส์, ไอร์แลนด์, เดนมาร์ก
ลีกซี 15 ทีม ซี 1 : สกอตแลนด์, แอลเบเนีย, อิสราเอล ซี 2 : ฮังการี, กรีซ, ฟินแลนด์, เอสโต-เนีย, ซี 3 : สโลวีเนีย, นอร์เวย์, บัลแกเรีย, ไซปรัส ซี 4 : โรมาเนีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, ลิทัวเนีย ลีกดี 16 ทีม ดี 1 : จอร์เจีย, ลัตเวีย, คาซัคสถาน, อันดอร์รา, ดี 2 : เบลารุส, ลักเซมเบิร์ก, มอลโดวา, ซาน มารีโน, ดี 3 : อาเซอร์ไบจาน, หมู่เกาะแฟโร, มอลตา, โคโซโว, ดี 4 : มาซิโดเนีย, อาร์เมเนีย, ลิกเตนสไตน์, ยิบรอลตาร์
ซึ่ง ในแต่ละลีกยกเว้น ลีกเอ แชมป์แต่ละกลุ่มจะขึ้นชั้นไปเล่นในลีกที่สูงขึ้น ขณะที่บ๊วยของทั้ง 3 ลีก ยกเว้นลีกดี จะตกชั้นลงมาเล่นในลีกที่ต่ำลง
โดยแชมป์ของแต่ละลีกทั้ง 4 ทีมต้องมาฟาดฟันกันต่อเพื่อหาผู้ชนะที่เป็นแชมป์เพียง 1 เดียวของแต่ละลีกก็จะคว้าตั๋วไปเล่นในฟุตบอล ยูโร 2020 นั่นหมายความว่าบรรดาทีมจากลีกซีและ ดี ที่นานๆจะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลยูโร ก็มีทางลัดหากใส่เต็มที่จนได้แชมป์ก็เตรียมได้ไปลุยลูกหนังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปทันที
ขณะเดียวกันถ้าบรรดาทีมจากลีกเอ ได้ไปเตะฟุตบอลยูโร 2020 ด้วยการผ่านรอบคัดเลือกตามปกติ ทำให้โควตาต่างๆ ก็จะถูกเลื่อนขึ้นมาตามผลงานของแต่ละทีมในลีกจะได้รับสิทธิ์นั้นแทน
ถ้ามองโดยรวมแล้วบรรดาทีมเล็กๆ ก็ยังพอได้ผลประโยชน์จาก เนชันส์ ลีก อยู่บ้าง
แต่ก็ยังไม่มากกว่าทีมระดับใหญ่หรือกลางอยู่ดี!!
มะระหวาน