Lemon Juice
นับตั้งแต่ฟุตบอลชายในเอเชียนเกมส์ เริ่มปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการแข่งขัน ให้หันมาใช้นักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเป็นแกนหลัก พ่วงด้วยโควตาอายุเกินอีก 3 ราย ต้องบอกว่าผลงานของทัพช้างศึกดูไฉไลไม่น้อยเลยทีเดียว...
เอาง่าย ๆ ว่า แม้ผลงานในซีเกมส์ที่ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไทยตกรอบแรกเป็นว่าเล่น แต่ในเอเชียนเกมส์กลับไม่เคยหลุดวงโคจรก่อนรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลย
ในหลายครั้งที่ผ่านมา เราจะเห็นดาวรุ่งหน้าใหม่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในมหกรรมกีฬาของชาวเอเชีย กระทั่งต่อยอดขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่อง
จำเนียรกาลกลับไปเมื่อปี 2002 ที่ปูซาน ครั้งนั้น ปีเตอร์ วิธ ซึ่งนั่งแท่นเป็นนายหัวทีมชาติไทย ตัดสินใจใส่ชื่อของ ดัสกร ทองเหลา กับ ชยพัทธ์ กิจพงษ์ศรีธาดา (อนุชา กิจพงษ์ศรี) ในวัยที่ยังไม่ถึง 20 ติดทีมมาด้วย
แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ ทั้งสองคนไม่ได้แค่มาซึมซับประสบการณ์ แต่กลับมีส่วนร่วมกับทีมค่อนข้างมาก กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แม้ ชยพันธ์ จะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานไปพักใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ยังกลับมาติดธงทีมชาติได้อีกครั้ง ในยุคของ วินฟรีด เชเฟอร์
ตัดสลับมาใน 2 ครั้งล่าสุด แข้งดังจากชุดเอเชียนเกมส์ ยังคงพาเหรดทะลุขึ้นไปเป็นทรัพยากรสำคัญในชุดใหญ่ได้หลายราย
ยิ่งในปัจจุบัน แก๊งเด็กระเบิดทั้ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, อดิศร พรหมรักษ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ คือรายชื่อที่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ แทบจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว
ส่วนเอเชียนเกมส์บนแผ่นดินอิเหนา ที่เพิ่งเปิดฉากโหมโรงระดมแข้งกันในรอบแบ่งกลุ่ม ทัพช้างศึกที่มี “โค้ชโย่ง” คุมบังเหียน ทำผลงานได้ค่อนข้างดีในเกมนัดเปิดหัว ขณะที่ฟอร์มการเล่นก็ยกระดับสุดสะเด่าเร้าใจมากกว่าเดิม
แม้ในช่วงก่อนหน้านี้ "นายหัวโย่ง" และลูกทีม เพิ่งจะผ่านอะไรหลายอย่าง กว่าจะเดินทางถึงอินโดนีเซีย ทั้งเสียงก่นด่า คำสบประมาทและข้อครหาจากเพื่อนร่วมชาติ แต่หลังจากดูฟอร์มนัดแรกแล้ว อาจจะพูดเลยได้ว่า “ดูมีอนาคตไม่น้อย”
สิ่งหนึ่งที่เห็นด้วยอย่างแรง คือการยักไหล่ใส่ผู้เล่นในโควตาอายุเกิน ตรงนี้ถือว่าทำถูกต้องแล้ว ถ้าจะพัฒนาในระยะยาว ต้องกล้าใช้ และให้โอกาสแข้งกลัดมันที่ยังอายุน้อย ลงสนามเผชิญหน้ากับคู่แข่งเขี้ยวลากดิน
ยิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การแข่งขันฟุตบอลยู-22 ชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งจะใช้เป็นเวทีในการคัด 3 สุดยอดทีม ไปร่วมโม่แข้งในโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องปูทางหาประสบการณ์ให้แข้งเหล่านี้ให้มากที่สุด
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ "เจ้าอาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าวัยยังไม่ถึง 20 จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
ถ้าจะพูดถึงกองหน้าสไตล์สูงยาวเข่าดี ในสารบบทีมชาติก็อาจมีให้เห็นบ้าง แต่ก็แวะมาพอเป็นสีสัน ไม่ได้ยั่งยืนอยู่กันแบบยาว ๆ จนเป็นแกนหลักได้
แต่สำหรับเจ้าอาร์ม ต้องบอกว่าดูดีไม่น้อย เพราะลูกโด่งก็ทำได้อย่างสุดยอด ส่วนทักษะภาคพื้นดินก็ค่อนข้างเนียนตา
และยิ่งได้เข้าไปอยู่ในระบบฟูมฟักของบุรีรัมย์ฯ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูมีพัฒนาการที่ค่อนข้างก้าวกระโดดไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าใครยังจำกันได้ ศุภชัย ในชุดยู-19 ยุค "โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด เป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่ดูสูงเก้งก้าง ยังไม่พลิ้วมากนัก แต่พออยู่ในระบบการฝึกซ้อมที่ดี และมีองค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมอย่างครบครัน ซ้ำยังมีต้นแบบที่ยอดเยี่ยมหลายคนให้เรียนรู้ ทำให้ทุกวันนี้ฝีเท้าของเจ้าตัว พัฒนาแซงเพื่อนร่วมรุ่นไปหลายรายแล้ว
จากนี้ไปก็ได้แต่หวังว่า หัวหอกจากปัตตานีรายนี้จะรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี หมั่นฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่หลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุรอบข้าง
ถ้าทำได้ เชื่อว่าไม่ใช่ตำแแหน่งตัวจริงของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือทีมชาติเท่านั้นที่รออยู่ แต่โอกาสค้าแข้งในต่างประเทศต่างหาก คือสิ่งที่รอ "เจ้าอาร์ม" อยู่ในอนาคต.
>>LEMON JUICE<<