ตอนที่ 11
รุจีเดินอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในบ้านธรรมกุลแต่เช้าพร้อมกับร้องเรียกตี๋เล็กไปด้วย เนื่องจากมีนัดไปคุยกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ เต็งล้อได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาถามว่ามีธุระอะไรกับนายเล็กไม่ทราบ รุจีชะงักหันมองหน้า
“ธุระส่วนตัวน่ะ...ที่รัก...ที่รัก” รุจีร้องเรียกตี๋เล็กต่อไปไม่สนใจเต็งล้ออีก
“ไม่ว่าจะเป็นธุระอะไร วันนี้นายเล็กคงไปไหนไม่ได้ มีประชุมสำคัญที่สมาพันธ์”
“เขาไม่เห็นบอกเลยว่าไม่ว่าง” รุจีพูดไม่ทันขาดคำ ตี๋เล็กเดินลงมาจากข้างบน เธอรีบเข้าไปคล้องแขนวานให้เขาช่วยบอกคนแถวนี้ทีว่าวันนี้เขาต้องไปคุยเรื่องงานแต่งงานของเรา ตี๋เล็กไม่หือไม่อือด้วย หันไปถามเต็งล้อว่ารถพร้อมหรือยัง เต็งล้อเตรียมไว้พร้อมแล้ว รุจีได้ยินก็ไม่พอใจโวยวายว่าผิดนัดไม่ได้ พี่รุ่งอุตส่าห์
แคนเซิลงานคุณหญิงแก้วเพื่อจะมาเจอกับเรา ตี๋เล็กยืนกรานวันนี้จะต้องไปประชุมสมาพันธ์แทนอาเจ้
“ถ้าไอ้พี่รุ่งอะไรของคุณมันเรื่องมากนักก็เปลี่ยนคนซะ...แปะไปได้แล้ว” ตัดรำคาญจบ ตี๋เล็กเดินนำเต็งล้อออกไป รุจีมองตามเจ็บใจ คิดหาทางจัดการกับตี๋เล็กให้อยู่หมัด...
ระหว่างนั่งรถไปที่สมาพันธ์ เต็งล้อตัดสินใจยุแยงตี๋เล็กว่ายังมีโอกาสเจอผู้หญิงอื่นอีกมากมาย หากเขาสามารถอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสมาพันธ์ได้ จะมีผู้หญิงอีกกี่คนก็ได้
“อั๊วไม่ได้คิดเรื่องนั้น...แปะคิดว่าคนในสมาพันธ์เขาจะยอมรับอั๊วไหม”
“มันก็ขึ้นอยู่กับนายเล็กว่านายเล็กจะแสดงความเป็นผู้นำให้ทุกคนได้เห็นหรือเปล่า” เต็งล้อสีหน้ามุ่งมั่นที่จะผลักดันตี๋เล็กให้ขึ้นไปจุดสูงสุดให้ได้...
แต่มันไม่ง่ายอย่างที่เต็งล้อหวัง เนื่องจากเฮียไฮ้ก็อยากได้ตำแหน่งนายกสมาพันธ์การค้าไทยจีนแทนหลิวที่หายตัวไปเช่นกัน สองฝ่ายจึงมีปากเสียงกันแถมยังคุยข่มกันไปมาว่าตัวเองมีดีกว่าอีกฝ่ายเพื่อให้สมาชิกคนอื่นมาเข้าข้าง จนเกิดความวุ่นวาย การประชุมดำเนินต่อไปไม่ได้ เฮียกวงเห็นท่าไม่ดีประกาศลั่น
“ในฐานะที่อั๊วเป็นผู้อาวุโสในสมาพันธ์และรู้กฎของสมาพันธ์ดีที่สุด อั๊วขอให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมระหว่างที่เรายังไม่รู้ว่าอาหลิวจะเป็นตายร้ายดียังไง”
“แล้วอย่างนี้จะให้เรารอไปถึงเมื่อไหร่ หนึ่งปี สองปีหรือตลอดชีวิต” เฮียไฮ้โวยวาย เฮียกวงขอเวลา แค่ให้ทุกอย่างแน่ชัดเสียก่อนว่าหลิวไม่กลับมาจริงๆ แล้วจะเลือกตั้งนายกฯคนใหม่เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เฮียไฮ้เจ็บใจที่เฮียกวงยังเข้าข้างหลิวไม่เลิก เต็งล้อก็ไม่พอใจเหมือนเฮียไฮ้เช่นกัน...
ในเวลาต่อมา ขณะเดินกลับไปที่รถ คุงใช้เสนอตัวจะไปจัดการกับตี๋เล็กให้ เฮียไฮ้ไม่ต้องการให้เขาลงไปตีกับเด็ก สู้เอาเวลาไปจัดการเรื่องสำคัญให้ตนจะดีกว่า
“ฉันต้องการให้หลิวตายวันนี้” เฮียไฮ้สั่งเสียงกร้าว...
อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก เต็งล้อเตือนตี๋เล็กต่อไปนี้ต้องระวังตัวให้มากขึ้น เขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้วทำไมต้องระวังตัวด้วย เต็งล้อปรามความกลัวกับความประมาทเป็นแค่เส้นบางๆกั้นเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นเราก็จัดการมันก่อนไง จะได้ไม่ต้องกลัวไม่ต้องประมาท” ขาดคำมีเสียงมือถือของตี๋เล็กดังขึ้น น้ำส้มโทร.มาบอกว่ารุจีไม่สบายตัวร้อนจัด ตนจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป จะรอเขาเท่านั้น
ตอนนี้รุจีอยู่ที่คอนโดฯที่พักให้เขารีบมาหน่อย เธออาการไม่ค่อยดี เขารับปากจะไปเดี๋ยวนี้เลย วางสายแล้วขึ้นรถอีกคันหนึ่งขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของรุจีล้วนๆ...
ระหว่างนั่งรถบ่ายหน้าสู่บ้านธรรมกุล ฮัวอดถามเต็งล้อไม่ได้ว่าจะให้นายเล็กขึ้นเป็นนายกสมาพันธ์แทนนายน้อยจริงหรือ เขากลับย้อนถามนายเล็กไม่ดีตรงไหนถึงขึ้นแทนไม่ได้ เธอไม่ได้คิดในแง่นั้น แค่รู้สึกว่าการทำแบบนี้เหมือนเป็นการแช่งนายน้อย ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งขับปาดหน้าจนรถที่เต็งล้อนั่งมาต้องเหยียบเบรกกะทันหัน ฮัวชักปืนขึ้นมากระชับ
ในมือตามสัญชาตญาณของบอดี้การ์ดเต็งล้อเห็นสัญลักษณ์ 14K ที่รถคันที่ขับปาดหน้า สั่งให้ฮัวเก็บปืน สักพักชายในชุดดำสองคนเดินมาที่รถถามว่ารู้ใช่ไหมว่าพวกเราเป็นใคร เต็งล้อรู้จักดี นายใหญ่ของตนเฝ้ารอองค์กร 14K ของพวกท่านมาตลอด
“ทางเรารู้เรื่องที่ธรรมกุลต้องสูญเสียตี๋ซุ้งไปแล้ว และที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อจะส่งเทียบเชิญให้เจ้านายคนใหม่ของคุณ...คุณใกล้รุ่ง”
พูดจบชายชุดดำอีกคนเอาเทียบเชิญสีแดงมีรูปมังกรสีทอง มีอักษร 14K มาให้
“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง อั๊วสัญญาจะส่งใบเทียบเชิญให้นายน้อยกับมืออั๊วเอง” เต็งล้อมองเทียบเชิญก่อนจะถามว่าทำไมครั้งนี้
ถึงได้มาประชุมที่เมืองไทย ชายชุดดำออกตัวว่าไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถาม มีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่ง และเต็งล้อก็มีหน้าที่ไปบอกเจ้านายของเขาตามคำสั่งเช่นกัน
ooooooo
หลิวฝันร้ายถึงเหตุการณ์ต่างๆในอดีตทั้งตอนที่จางเหาตัดนิ้วตัวเอง ทั้งตอนยิงท่านเวคินในความฝันจะมีเลือดเต็มไปหมด เธอตกใจร้องลั่นว่า “ไม่” ก่อนจะสะดุ้งตื่น เห็นจางเหานั่งอยู่ใกล้ๆรีบถอยหนี ถามถึงชายที่เกือบจะขับรถชนตัวเองว่าอยู่ไหน จางเหารู้ว่าเธอหมายถึงปราบบอกว่าไปแล้ว หลิวขยับหนีอีก
“ฉันอุตส่าห์ไว้ใจคุณแต่คุณกลับโกหกฉัน”
จางเหางงไปโกหกอะไรเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอได้ยินเขาพูดกับซ้อซาว่าเธอเป็นลูกศัตรู หมายความว่าอย่างไร จางเหาเกรงจะเข้าใจผิดกันใหญ่โต ตัดสินใจเล่าให้เธอฟังว่าเป็นใคร หลิวถึงบางอ้อที่แท้ภาพความรุนแรงที่เธอฝันเห็นคงเป็นภาพจากสิ่งที่เธอเคยทำ และที่เธอต้องเป็นแบบนี้ก็คงเป็นเพราะผลกรรมที่เธอเคยทำไม่ดีไว้
จางเหาแก้ต่างให้ที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเธอมาช่วยเขา หลิวนิ่วหน้าตกลงเราสองคนไม่ได้เกลียดกันหรือ
“สำหรับคุณผมไม่รู้ แต่ผม...ไม่ได้เกลียดคุณ” ไม่ใช่แค่ไม่เกลียด จางเหายังแอบรักหลิวอีกด้วยแต่ไม่กล้าพูดออกมา เธอขอให้เขาพาเธอกลับบ้าน
ตอนนี้ทุกคนคงกำลังรอเธออยู่ จางเหาสวนทันทีคนที่จะฆ่าเธอก็รออยู่เช่นกัน เธอไม่รู้จะเชื่อเขาได้หรือเปล่าว่าเรื่องที่พูดเป็นความจริง
จางเหาไม่มีอะไรพิสูจน์นอกจากคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้ หลิวไม่เข้าใจทำไมเขาถึงต้องช่วยเธอขนาดนี้ด้วย
“ก็เพราะว่าผมรั...เพราะผมต้องชดใช้ในสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ...คุณพักผ่อนเถอะ” ตัดบทจบ จางเหาผละจากมา ซ้อซาที่แอบฟังอยู่อดหนักใจไปกับลูกบุญธรรมไม่ได้ รีบเดินตามเขาจนทัน เตือนว่าเป็นห่วงได้สงสารได้แต่จะมีความรู้สึกเกินเลยกับหลิวมากกว่านี้ไม่ได้ จางเหายอมรับว่ารักหลิวทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ หลิวผ่านมาได้ยินพอดีถึงกับอึ้ง
ซ้อซาเข้าใจดีเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้และไม่ถือโทษโกรธอะไรเขาอีกด้วยแล้วเดินจากไป หลิวเห็นเธอเดินมาทางตัวเองรีบหลบมุมแต่ไม่พ้น ซ้อซาเห็นหลังหลิวไวๆ แม้จะไม่โกรธที่จางเหามีใจให้หลิว แต่ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่เรื่องราวจะยุ่งยากมากไปกว่านี้ ครู่ต่อมาซ้อซามาขอพบเหมยถึงบ้านธรรมกุลเพื่อบอกเรื่องที่หลิวมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตัวเอง เหมยทั้งดีใจทั้งตกใจปนกัน ซ้อซาขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก
“อั๊วแค่อยากให้เจ้พาอาหลิวไปจากบ้านอั๊วให้เร็วที่สุด อั๊วไม่อยากให้เราสองตระกูลเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
เหมยชะงักที่ซ้อซาตัดสัมพันธ์อย่างไม่ให้เหลือเยื่อใย ทั้งคู่มัวแต่คุยกันไม่เห็นเต็งล้อแอบฟังอยู่...
ขณะที่เต็งล้อรู้ที่ซ่อนตัวของหลิว รุจีวางแผนจับตี๋เล็กชนิดให้ดิ้นไม่หลุด ด้วยการกุว่าตัวเองท้องกับเขา...
ฝ่ายเหมยไม่รอช้า คว้ากระเป๋าได้จ้ำพรวดๆออกจากเรือนเล็กจะไปรับหลิวกลับบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเต็งล้อดักรออยู่ถามว่าจะไปไหน เธอโกหกว่าจะไปศาลเจ้า เขาเตือนว่านี่อาจจะเป็นแผนของซ้อซาที่ล่อให้เธอออกไปก็ได้ เหมยตกใจไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ และไม่เชื่อว่าซ้อซาจะทำอย่างนั้น ขยับจะเดินต่อ
เต็งล้อยอมให้เธอพาหลิวกลับมาไม่ได้ดึงแขนเธอไว้ เอาผ้าชุบยาสลบปิดปากปิดจมูก อึดใจเดียวเธอหมดสติ เขามองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครแถวนั้นรีบพาเหมยกลับเข้าไปไว้ในเรือนเล็ก
ooooooo
ไม่ได้มีแต่เต็งล้อเท่านั้นที่ต้องการกำจัดหลิวให้สิ้นซาก เฮียไฮ้ส่งคุงใช้มาจัดการเธอเช่นกัน หลิวกำลังตากผ้าอยู่หลังบ้าน รู้สึกมีคนเข้ามาทางด้านหลัง หันขวับไปเห็นคุงใช้ยืนอยู่ ถามว่าเป็นใคร เขาคิดว่าแกล้งทำ แต่พอเห็นสายตาที่เธอจ้องมองมาแบบไม่รู้จักจริงๆก็เชื่อว่าเธอจำเขาไม่ได้ หลิวเห็นท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจ
“ฉันว่าเดี๋ยวฉันไปเรียกอี๊ซามาคุยกับคุณดีกว่า” พูดจบหลิวขยับจะเข้าข้างใน
คุงใช้ดึงมือเอาไว้ไม่ยอมให้ไปไหนทั้งนั้น หลิวเห็นไม่เข้าทีหยิบตะกร้าใกล้มือโยนใส่แล้ววิ่งหนี แต่คุงใช้ตามไปคว้าตัวไว้ทันพร้อมกับปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง เธอกัดมือเขาจมเขี้ยวจนต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ แล้วตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียง จางเหาที่เพิ่งทำแผลเสร็จได้ยินเสียงร้องของเธอรีบวิ่งไปยังต้นเสียง คุงใช้ไม่พอใจที่ถูกกัด ตบเธอหน้าคะมำ แล้วชักปืนจะยิงซ้ำ จางเหาถลาเข้ามาปัดปืนกระเด็นหลุดมือ
“ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหมว่าถ้าแกยังขืนมาขวางทางฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจแก หลีกไป”
นอกจากจะไม่หลีก จางเหายังใช้ตัวเองบังหลิวไว้ พลางกระซิบบอกให้หนีไปรอที่ศาลเจ้าตรงข้างตลาดก่อนแล้วตนจะไปเจอเธอที่นั่น ทีแรกเธอไม่ยอมหนีไปคนเดียว จางเหาต้องขอร้อง หลิวถึงได้ยอมไป คุงใช้จะตามก็ถูกจางเหาขวางไว้อีก
“ในเมื่อแกเลือกผู้หญิงมากกว่าพี่น้อง งั้นแกกับฉันก็ไม่ใช่พี่น้องกันอีกต่อไป” คุงใช้ตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้...
ทางฝ่ายหลิววิ่งหนีมาถึงหน้าบ้าน เกิดเปลี่ยนใจจะกลับเข้าไปช่วยจางเหา แต่ซ้อซาขับรถปาดมาจอดตรงหน้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเล่าให้ฟังว่ามีคนจะทำร้าย แต่จางเหาให้เธอหนีออกมาก่อน และให้ไปรอที่ศาลเจ้า ซ้อซาสบช่องที่จะพรากหลิวออกจากจางเหาจึงชวนให้เธอขึ้นรถ ไม่ต้องเป็นห่วง จางเหาเอาตัวรอดได้
“เชื่ออี๊สิ อี๊จะไปส่งลื้อที่ศาลเจ้า แล้วอี๊ค่อยกลับมาช่วยอาเหา” ซ้อซาไม่ล่วงรู้เลยว่าการไปศาลเจ้าของตัวเองครั้งนี้จะไม่มีวันได้กลับมาอีก...
จางเหาต่อสู้กับคุงใช้อย่างไม่มีใครยอมใคร สู้กันได้ไม่กี่กระบวนท่าจางเหาเริ่มเสียเปรียบเนื่องจากยังบาดเจ็บไม่หายถูกคุงใช้ต่อยล้มคว่ำกับพื้นแล้วจะตามเข้ามาซ้ำ จางเหาคว้าปืนของเขาที่ตกพื้นขึ้นมาเล็งจะยิง แต่แล้วเปลี่ยนใจยื่นปืนคืนให้ ถือเป็นการชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองเคยติดค้างเขา และถ้าเขาปล่อยตนกับหลิวไป ตนให้สัญญาจะไม่กลับมาวงการนี้อีก ค้อมหัวให้ขยับจะไป คุงใช้กลับเล็งปืนใส่ จางเหาขอร้องอย่าทำแบบนี้
คุงใช้ไม่ฟังเหนี่ยวไกทันที ก้อนกรวดที่จางเหาแอบใส่ไว้ในลำกล้องทำให้ปืนขัดลำกล้องและระเบิดใส่คนยิง ถึงกับร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จางเหามองเขาด้วยความเสียใจก่อนจะผละจากไป...
ซ้อซาพาหลิวมารออยู่ข้างในศาลเจ้าตามที่นัดไว้กับเหมย แต่คนที่จะมารับตัวเธอกลับไม่ใช่เหมยแต่เป็นเต็งล้อ หลิวได้แต่มองสงสัยว่าเขาเป็นใคร ขณะที่ซ้อซาถึงกับหน้าถอดสี...
หลังจากนั้นไม่นาน จางเหาตามมาที่ศาลเจ้าไม่พบหลิวที่นั่น เจอเพียงร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของซ้อซา เขารีบเข้าไปประคองจะพาไปโรงพยาบาล เธอรู้ตัวว่าไม่รอด ได้แค่ล่ำลาจางเหาก่อนจะสิ้นลม เขากอดร่างไร้วิญญาณของท่านไว้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม...
ด้านเหมยค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้น มองไปรอบๆ พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในเรือนเล็ก ลุกพรวดขึ้นนั่ง จำได้ว่าเจอเต็งล้อเป็นคนสุดท้ายก่อนหมดสติ รีบคว้ามือถือจะโทร.หาเขา...
ทางฝ่ายเต็งล้อเดินนำหลิวเข้ามาในเซฟเฮาส์ พร้อมกับจับตาดูว่าเธอความจำเสื่อมจริงหรือแกล้ง เมื่อได้คุยกันทำให้เขาตระหนักว่าเธอความจำเสื่อมจริงๆ ระหว่างนั้นเหมยโทร.เข้ามือถือของเขา เต็งล้อขอตัวออกไปรับสายข้างนอก พอพ้นระยะที่หลิวจะได้ยิน เขาจึงกดรับสาย เหมยต่อว่าเขายกใหญ่ว่ากล้ามากที่ทำแบบนี้
“ต้องขอโทษอาซ้อด้วย แต่ที่อั๊วทำไปก็เพื่อความปลอดภัยของตัวอาซ้อเอง”
“โกหก คนอย่างเฮียไม่เคยห่วงใครนอกจากตัวเอง...อาหลิวอยู่ที่ไหน”
“อาซ้อวางใจเถอะ อั๊วจะเป็นคนไปรับนายน้อยกลับบ้านอย่างปลอดภัยเอง” เต็งล้อวางสาย เจ็บใจที่จัดการหลิวไม่ได้สักที เหมยรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล รีบโทร.หาซ้อซา แต่ไม่มีใครรับสายเพราะมือถือของเธอถูกเจ้าหน้าที่เก็บใส่ถุงซิปล็อกไว้วางไว้ในรถรวมกับหลักฐานอื่นก็เลยไม่มีใครได้ยินเสียง
ooooooo










