ตอนที่ 11
เต็งล้อกำลังบอกให้เหมยกลับไปพักผ่อนที่เรือนเล็กก่อน ไว้ได้ข่าวคืบหน้าอย่างไรจะรีบรายงานให้ทราบ เป็นจังหวะเดียวกับท่านชาติชายโทร.เข้ามือถือของเต็งล้อพอดี เขารู้ดีถ้าขืนยึกยัก
ไม่รับสายจะเป็นพิรุธได้จึงรับสายต่อหน้าเหมย ถามท่านชาติชายว่าได้เรื่องอะไรบ้างไหม
“ยัง ไม่เจอพวกมัน แต่อั๊วคิดว่ามันสองคนต้องไปด้วยกันแน่นอน”
“ขอบคุณท่านผู้กำกับมาก ถ้าคืบหน้ายังไงแล้วรบกวนช่วยโทร.ส่งข่าวอั๊วด้วย” เต็งล้อรีบตัดบท แต่ท่านชาติชายไม่ยอมวางสาย อยากรู้ว่าถ้าเจอตัวพวกนั้นจะให้จับตายเลยไหม
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ยังไงอั๊วจะรอฟังข่าวดี” พูดจบเต็งล้อรีบวางสาย เหมยซักทันทีว่าผู้กำกับได้ข่าวอะไรคืบหน้าบ้างหรือยัง เขาส่ายหน้า ทางตำรวจยังไม่ได้ข่าวอะไร อย่าเพิ่งคิดมากบางทีนายน้อยอาจจะรู้ว่ามีคนกำลังต้องการชีวิตเธออยู่ก็เลยหนีไปซ่อนตัว...
ข่าวการหายตัวไปของหลิวเป็นข่าวฮอตประเด็นร้อนประจำวัน ข่าวของเธอออกทีวีทุกช่อง สำนักข่าวส่วนใหญ่สรุปแบบนั่งเทียนว่าเธอถูกอุ้มและอาจจะเป็นฝีมือของแก๊งคู่อริอีกต่างหาก เฮียไฮ้ที่นั่งดูข่าวนี้อยู่กดรีโมตปิดทีวี แล้วยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ คุงใช้ที่ยืนดูอยู่เสนอหน้าทันที
“เห็นทีแบบนี้เราก็ไม่ต้องไปตั้งสมาคมใหม่ให้เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับเฮีย”
เฮียไฮ้สั่งให้คุงใช้โทร.หาเฮียกวง ในเมื่อนายกสมาพันธ์หายตัวไปก็จำเป็นต้องมีคนรักษาการแทน และคนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตน แล้วกำชับเขาอย่าลืมส่งคนไปหาตัวนังหลิวด้วย อย่าให้มันกลับมาทวงตำแหน่งคืนเด็ดขาด อะไรที่มันหายไปแล้วก็ให้หายไปเลย คุงใช้ไม่คิดว่าจะง่ายอย่างนั้น ยังมีเต็งล้ออีกคนหนึ่งที่คงไม่ยอมให้เฮียไฮ้ขึ้นเป็นนายกสมาพันธ์แทนแน่นอน
“ทางเดียวที่มันจะสู้ได้ คงต้องหาคนมารับตำแหน่งแทนนังหลิว”
“แล้วเฮียคิดว่ามันจะให้ใครรับตำแหน่งแทน” คุงใช้มองเจ้านายอย่างรอคำตอบ...
การหายตัวไปของหลิวครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เฮียไฮ้ที่จะใช้เรื่องนี้หาประโยชน์ใส่ตัว รุจีเองก็คิดจะใช้เหตุการณ์นี้หาประโยชน์เช่นกัน โดยจะผลักดันให้ตี๋เล็กขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพ่อคนใหม่ของตระกูลธรรมกุลเพื่อที่ตัวเองจะได้ขึ้นเป็นเจ้าแม่เคียงข้างเขา แป้งเพื่อนของรุจีเตือนว่าคงไม่ง่ายที่คนในตระกูลนั้นจะยอม
“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วง เพราะยังไงฉันมีวิธีจัดการกับตี๋เล็กอยู่แล้ว” รุจียิ้มอย่างมีแผน...
ที่กองปราบปราม ปราบกำลังยืนใจลอยคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจางเหากับหลิวที่ดูทั้งคู่จะมีใจให้กัน ก็เกิดหึงหวงขึ้นมาเพราะตัวเองแอบชอบหลิว ท่านชาติชายเห็นเขายืนเหม่อเข้ามาสะกิดถามว่าได้เรื่องคืบหน้าเกี่ยวกับการหายตัวไปของหลิวหรือยัง เขายังไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมเลย ท่านกำชับให้เขาเร่งหาตัวเธอให้เจอโดยเร็วที่สุด ปราบคาใจทำไมท่านถึงต้องเร่งมากนัก
“แล้วคุณจะทำอะไรถ้าไม่เร่งตามหาคนที่อุ้มตัวนางสาวใกล้รุ่งไป”
“ก็หาตัวคนร้ายที่วางระเบิด แม้กระทั่งในโรงพยาบาลยังไงล่ะครับ น่าจะเร่งด่วนกว่า”
“ผมจะบอกอะไรให้นะสารวัตร ถ้าเราเจอตัวนางสาวใกล้รุ่งเมื่อไหร่ ทุกอย่างอาจจะคลี่คลายเองก็ได้”
ปราบรู้สึกแปลกๆชอบกล ถามว่าแน่ใจอย่างนั้นหรือ ท่านชาติชายไม่พอใจที่เขาเคลือบแคลง บอกให้สงสัยตัวเขาเองก่อนดีกว่าว่าคิดอะไรกับหลิวอยู่หรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เขาเจอเธอจะมีอาการแปลกๆ ก็เลยไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า ปราบยอมรับว่าคิด
“ผมคิดว่าเธอคือมาเฟียและผมก็คือตำรวจที่ต้องจับมาเฟียให้มารับโทษทางกฎหมายให้ได้ครับ”
“ดี แต่การกระทำย่อมดังกว่าคำพูด ผมต้องการให้สารวัตรตามหานางสาวใกล้รุ่งให้เจอเร็วที่สุด”
ปราบรับคำก่อนจะเดินจากไป ท่านชาติชายมองตามอย่างไม่ค่อยจะวางใจนัก ครู่ต่อมา ปราบกลับมาที่ห้องทำงานยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่ง จ่าเอารายงานผลการสอบปากคำพยาบาลที่โดนมือระเบิดจี้มาให้ ปราบให้พักเรื่องระเบิดไว้ก่อน ตอนนี้ตนอยากให้ทุกคนเร่งออกหาตัวหลิวให้เจอก่อน
“ครับสารวัตร” จ่ารับคำงงๆ ไหนทีแรกเร่งให้ทำเรื่องระเบิดก่อนแล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจเร็วนัก
ooooooo
รุจีนัดตี๋เล็กออกมาคุยกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ ขอให้เราเลิกเป็นแฟนกัน ถึงเขาไม่อยากเลิกแต่เธอก็จะเลิกแล้วลุกขึ้นจะไป ตี๋เล็กคว้ามือไว้ อยากเลิก ไม่ว่าแต่ขอเหตุผลหรือเธอไปเจอคนอื่นที่มันส์กว่า
รุจีฉุนขาดตบเขาหน้าหันฐานดูถูก คนในร้านเหลียวมองเธอเป็นตาเดียวกัน ตี๋เล็กกร้าวใส่ให้บอกมาเลยว่ามันเรื่องอะไร
“เพราะฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นของเล่นของคุณไง” พูดจบรุจีวิ่งออกจากร้านทั้งน้ำตา ตี๋เล็กวิ่งตามไปคว้าตัวไว้ อยากรู้ที่เธอพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร เธอบีบน้ำตาคร่ำครวญไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธออยู่กับเขาเพราะเงินหรือเพราะอำนาจ แต่อยู่กับเขาเพราะความรัก ตี๋เล็กหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ดึงเธอมากอดแนบอกชวนให้แต่งงานกัน รุจีแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้...
ด้านซ้อซากลุ้มใจที่เห็นจางเหามีใจให้ลูกศัตรู แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเผื่อจะทำให้สบายใจขึ้น ไหว้พระเสร็จหันหลังจะกลับ เจอเหมย มาไหว้พระกับฮัวเช่นกัน เธอทักทายตามมารยาทแล้ว ขอตัวกลับก่อน เหมยจับมือเธอไว้ ขอให้สองตระกูลของเรา เป็นเหมือนเดิมได้ไหม ซ้อซาดึงมืออีกฝ่ายหนึ่งออก
“อาเจ้คงมาขอพรให้เจออาหลิวใช่ไหม...อาเจ้สบายใจเถอะ อาหลิวอีเป็นเด็กดี ไม่ว่ายังไงองค์พระโพธิสัตว์ก็ต้องคุ้มครองเด็กดีอย่างอาหลิวแน่ๆ”
เหมยยิ้มรับไมตรีจากซ้อซาอย่างจริงใจ ขณะที่ฮัว แอบดีใจที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูดีขึ้น...
แม้หลิวจะได้สติแต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้ จางเหาจึงจำเป็นต้องให้เธออยู่บ้านซ้อซาไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของเธอเองโดยที่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก บอกแค่ว่าเธอเป็นคนที่สำคัญมากคนหนึ่ง แล้วนึกขึ้นได้ว่าตอนเป็นปกติเธอชอบกินอาหารฝีมือเขา ก็เลยเข้าครัวทำอาหารหวังว่าจะฟื้นความจำของเธอ แต่ต้องผิดหวังที่เธอยังจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม หลิวขอให้จางเหาเล่าเรื่องของเธอให้ฟังเผื่อจะจำอะไรได้บ้าง
“คุณกับผม...เราเป็นเพื่อนกัน”
หลิวอยากรู้มากกว่านั้น เช่นทำไมถึงมีคนตามล่าเธอ ทำไมเขาถึงต้องพาเธอหนี จางเหาเล่าเพียงคร่าวๆว่าคนที่ตามล่าเธอเป็นคนไม่ดีและที่แจ้งความไม่ได้เพราะเราไว้ใจใครไม่ได้แม้กระทั่งตำรวจ หลิวอดถามไม่ได้ว่าแล้วซ้อซาญาติของเขาไว้ใจได้หรือเปล่า จางเหายังไม่ทันตอบคำถาม ซ้อซากลับเข้ามาเสียก่อน ท่านเห็นหลิวฟื้นคืนสติก็ดีใจเข้ามาทักทายและใช้
คำว่า “อี๊” แทนตัวเองทุกคำ หลิวชะงักมองหน้าจางเหา
“อาซ้อเองก็เป็นญาติของคุณด้วยเหมือนกัน” คำพูดของจางเหาทำเอาหลิวอึ้งที่รู้เรื่องนี้
ooooooo
ตี๋เล็กไม่รอช้านำเรื่องที่จะแต่งงานกับรุจีมาบอกแม่ เต็งล้อมาทันได้ยินพอดี เผลอตัวร้องห้ามเสียงลั่นว่าแต่งไม่ได้ เหมยเห็นด้วยกับเต็งล้อ ตำหนิตี๋เล็กสถานการณ์แบบนี้ยังคิดเรื่องอื่นอีกหรือ เต็งล้อเห็นเขาชักสีหน้าไม่พอใจรีบบอกว่าตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ เขาต้องไปประชุมที่สมาพันธ์แทนนายน้อย ตี๋เล็กดีใจเนื้อเต้น
“คราวนี้นายเล็กรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมถึงยังแต่งงานตอนนี้ไม่ได้”
“ได้...อั๊วจะไปประชุมแทนอาเจ้เอง”
เต็งล้อแกล้งถามแล้วจะทำอย่างไรกับรุจี ตี๋เล็ก จะโทร.ไปเลื่อนการแต่งงานออกไปก่อน ไม่ได้ยกเลิกคงไม่มีปัญหา แล้วรีบเดินออกไป เหมยต่อว่าเต็งล้อว่ารู้ทั้งรู้ว่าตี๋เล็กไม่มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งนั่นจะยังดึงดันอีก
“อั๊วรู้ แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องการแต่งงานของนายเล็กก่อนไม่ใช่หรือ” เต็งล้อยกเรื่องนี้มากลบเกลื่อนการผลักดันตี๋เล็กขึ้นเป็นใหญ่ของตัวเอง...
ในเวลาเดียวกัน จางเหาทำแผลให้หลิวเสร็จก็เก็บอุปกรณ์ใส่กล่องปฐมพยาบาล เธอสังเกตเห็นนิ้วมือของเขาหายไปหนึ่งนิ้ว ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เขาตัดมันทิ้งเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้ผู้หญิงคนหนึ่งเห็น อยากให้เธอเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าเขาทำ
อยู่ๆภาพในอดีตตอนที่จางเหาตัดนิ้วตัวเองแวบเข้ามาในสมองของหลิว แต่ภาพเบลอทำให้เห็นสิ่งต่างๆไม่ชัด อาการปวดหัวจี๊ดกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
หลิวต้องเอามือกุมขมับทั้งสองข้างไว้ร้องโอ๊ยลั่น จางเหาเป็นห่วงถามว่าเป็นอะไร เธอแค่ปวดหัวไม่เป็นอะไรมาก เขาเห็นอาการเธอไม่ค่อยดี ขอร้องอย่าเพิ่งถามอะไรอีก เอาไว้ให้เธอแข็งแรงกว่านี้เราค่อยคุยกัน เธอพยักหน้า รับคำ แต่อดสงสัยกับภาพที่ตัวเองเห็นไม่ได้...
ทางด้านจ่าเข้ามารายงานปราบว่าส่งคนไปตามหาจางเหาที่บ้านแปะคูแล้วแต่ไม่พบ ส่วนบ้านตี๋ซายังไม่ได้ไปดูเพราะคิดว่าเขาไม่น่าจะกล้ากลับไป ปราบเอ็ดลั่นบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ไปดูทุกที่ที่จางเหาเคยไป
“เอ่อ ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดชุดไปดูเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“ไม่เป็นไรไม่ต้อง เดี๋ยวผมจะไปเอง” ว่าแล้วปราบลุกออกไป...
ขณะที่ปราบมุ่งหน้ามายังบ้านตี๋ซา หลิวเดินสำรวจไปรอบๆบริเวณบ้านครุ่นคิดถึงภาพที่แวบเข้ามาในหัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นลิ้นชักโต๊ะแง้มๆอยู่ ก็เลยเปิดดูเจอปืนของซ้อซา หยิบขึ้นมาดูรู้สึกคุ้นเคย พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิด แต่ภาพเหล่านั้นขาดเป็นช่วงๆ จนมาถึงภาพตอนที่เธอยิงท่านเวคินจนกระสุนหมดแมกกาซีน รีบวางปืนลงสีหน้าหวาดหวั่น ครั้นหันไปเห็นรูปถ่ายของตี๋ซา อาการปวดหัวของเธอกำเริบขึ้นมาอีก
ooooooo
อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ซ้อซาอยากรู้ว่าจางเหาจะพาหลิวไปไหนต่อ เขาอยากพาเธอไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องเข่นฆ่าใครอีก ท่านสงสัยทำไมเขาไม่พาหลิวไปส่งบ้าน เขาไม่คิดว่าที่นั่นจะปลอดภัยสำหรับเธอ และที่สำคัญที่เธอต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา หลิวเดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่งเห็นทั้งคู่คุยกันรีบหลบมุมแอบฟัง
“ก็ดี ถ้าลื้อคิดได้ซะอย่างนี้ อาม้าค่อยสบายใจ อาม้าเองก็ไม่ได้อยากให้ลื้อรู้สึกกับอีเป็นอย่างอื่นไป”
“อาม้าไม่ต้องห่วง ยังไงอั๊วก็จำได้ว่าเธอเป็นลูกศัตรู”
หลิวได้ยินเต็มสองหู เข้าใจผิดคิดว่าจางเหากับซ้อซาจับเธอไว้ที่นี่เพื่อเป็นตัวประกัน อาการปวดหัวที่เป็นอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ถึงกับทรุดลงนั่งแปะกับพื้นต้องเอามือปิดปากตัวเองไม่ให้มีเสียงร้องออกมา จางเหาเห็นได้เวลาอาหารกลางวัน อาสาจะเข้าครัว ไปทำอะไรให้ซ้อซากิน แล้วเดินลิ่วจะไปเข้าครัว
หลิวเห็นเขาเดินตรงมาทางที่ตัวเองอยู่ ค่อยๆลากสังขารออกมาได้ทันก่อนที่เขาจะเห็นอารามปวดหัวมากหลิวเดินเซชนข้าวของล้ม
จางเหาได้ยินเสียงวิ่งไปดู เห็นหลิวหนีออกจากบ้านเร่งฝีเท้าตาม เธอเห็นเขาไล่ตามกระชั้นเข้ามา กัดฟันวิ่งหนีไปตามถนนซอยหน้าบ้าน เป็นจังหวะที่รถของปราบแล่นมาพอดี เห็นผู้หญิงวิ่งตัดหน้ารถกระชั้นชิด
โชคดีที่เบรกทัน ปราบรีบลงมาดูเห็นเป็นหลิวถึงกับตะลึงร้องทักเสียงลั่น เธอกลับนิ่วหน้าสงสัย นี่เรารู้จักกันด้วยหรือ สารวัตรหนุ่มมองเหล่คิดว่าเธอล้อเล่น
“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร คุณรู้ใช่ไหม”
ปราบพยักหน้า หลิวยังไม่ทันจะซักอะไรต่อ อาการปวดหัวจี๊ดกำเริบหนักจนหมดสติ เขาปราดเข้ามาประคองไว้ทัน ครั้นเห็นจางเหาตามมาสมทบก็ถาม
ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงเป็นอย่างนี้ หลังจากอุ้มหลิวไปไว้เบาะหลังรถแล้ว จางเหาเล่าให้ปราบฟังว่าเธอความจำเสื่อม สารวัตรหนุ่มนิ่งไปอึดใจ
“แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องจับกุมพวกนาย”
“มีคนต้องการกำจัดเธอ สารวัตรจำวันที่เธอนัดมิสเตอร์โจวได้ไหม ที่จริงแล้วเธอถูกซ้อนแผนให้โดนจับ เพื่อจะได้ฆ่าปิดปากเธอ สารวัตรเองก็เห็น”
แม้จะรู้แก่ใจดีว่าจางเหาพูดจริง แต่ปราบกลับเลือกที่จะไม่เชื่อ แถมขอให้เขาหาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอย จางเหาเริ่มเดือดปุดๆการระเบิดที่โรงพยาบาลยังพิสูจน์ไม่เพียงพออีกหรือว่ามีคนต้องการจะฆ่าหลิว ปราบอาสาจะจัดคนคุ้มครองเธอให้ จางเหา
ไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น ขอเป็นคนดูแลเธอเอง ปราบไม่ยอมเช่นกัน อ้างอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจปลอดภัยกว่า จางเหาย้อนถามเขาแน่ใจได้อย่างไร
“จะมีตำรวจที่ไม่ต้องการฆ่าเธออีก...ผมจะพาเธอกลับไปกับผม” ไม่พูดเปล่า จางเหาเดินไปอุ้มหลิว
ออกจากรถ ปราบตามมาย้ำถึงอย่างไรตนก็ต้องจับทั้งคู่ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับตนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จางเหาไม่สนใจขยับจะไป ปราบชักปืนขึ้นมา สั่งให้เขาวางเธอลงแล้วยกมือขึ้น จางเหาทำตามเพื่อให้ปราบตายใจ แล้วใช้ความว่องไวชักปืนยิงใส่ถูกหัวไหล่ข้างที่ถือปืนของปราบจนปืนหลุดมือ ก่อนจะถามว่าทำไมไม่ยิงตอบโต้
จากนั้นจางเหาเดินไปหยิบปืนที่ตกพื้นขึ้นมาดู พบว่าปืนไม่ได้ปลดเซฟ “สารวัตรตั้งใจไม่ปลดเซฟปืน”
“เท่านี้ระหว่างแกกับฉันก็ไม่มีหนี้บุญคุณกันอีก ไปซะ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” ปราบมองจางเหาที่อุ้มหลิวออกไปอย่างเจ็บใจตัวเองที่สุดท้ายก็ใจอ่อน
ยอมปล่อยทั้งคู่ไป โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามีนักสืบคนหนึ่งแอบสะกดรอยตามหลิวมาตั้งแต่ออกจากบ้านตี๋ซาแล้วและแอบถ่ายรูปเธอเก็บไว้ทุกอิริยาบถ
ครู่ต่อมา จางเหาพาหลิวกลับมาที่บ้านตี๋ซา ซ้อซา เห็นหลิวที่หมดสติในอ้อมแขนเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาขอผัดไปก่อน ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง แล้วอุ้มหลิวเข้าไปไว้บนเตียงในห้องพัก อีกมุมหนึ่งหน้าบ้านนักสืบคนนั้นยังคงตามมาซุ่มดูอยู่ไม่คลาดสายตา...
เฮียไฮ้กำลังนั่งดูเครื่องนับธนบัตรนับเงินอย่างมีความสุข ตอนที่มีเสียงเจ๊หยกดังขึ้นที่ประตูห้องทำงาน
“ดูจะสบายใจนะ ที่นังเด็กนั่นหายตัวไปแบบนี้”
“เจ๊ก็รู้ว่าผมมีความสุขอยู่สองอย่าง การได้เงินกับการได้รู้วิธีที่จะทำเงิน แล้วการที่ยัยนั่นมันหายไป เห็นๆอยู่ว่ามีเงินกองรออยู่ตรงหน้ามากมายเท่าไหร่”
เจ๊หยกย้อนถามแล้วรู้ใช่ไหมว่าความสุขของเธอคือการได้เป็นที่หนึ่ง เฮียไฮ้พยักหน้ารับคำ การหายตัวไปของหลิวครั้งนี้รับรองได้ว่าสมาพันธ์ต้องระส่ำ เราแค่รอเวลาให้เรือแตกแล้วค่อยช้อนเอาพวกที่ยังใช้ได้ขึ้นเรือเราแทน เจ๊หยกต้องการเห็นศพนังนั่นเพื่อความแน่ใจว่ามันจะไม่มีโอกาสเข้าร่วมประชุม 14K
“ผมตั้งค่าหัวไปแล้ว ไม่เกินสามวัน เจ๊ได้ฟังข่าวดีแน่” เฮียไฮ้พูดไม่ทันขาดคำ คุงใช้พานักสืบที่สะกดรอยตามหลิวเข้ามา เฮียไฮ้ขอดูรูปที่แอบถ่ายมาหน่อย นักสืบเปิดกล้องไล่ภาพหลิวที่แอบถ่ายมาได้ให้ดู เฮียไฮ้ยิ้มพอใจ สั่งให้คุงใช้พานักสืบไปซักถามรายละเอียดแล้ว
จัดการเรื่องเงินให้ด้วย เจ๊หยกรอจนนักสืบไปพ้นแล้ว จึงท้วงแน่ใจหรือว่านักสืบจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับพวกสมาพันธ์หรือ เฮียไฮ้แน่ใจ
“เพราะไอ้นักสืบนี่จะไม่ได้ออกจากบ้านผมแบบมีลมหายใจ อะไรที่เป็นความเสี่ยงผมย่อมระวังอยู่แล้ว”
ooooooo










