ตอนที่ 16
อาริสาพาลัดดากลับเข้ามานั่งที่โซฟาพร้อมรายงานว่ายิ้มออกไปตลาด ถ้าลัดดาอยากได้อะไรเรียกตนได้
“ขอบใจ เธอจะไปทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันจะอ่านหนังสือ”
“วันนี้คุณแม่อยากทานอะไรเป็นมื้อกลางวันดีคะ เดี๋ยวริสาเตรียมให้”
“ฉันบอกยิ้มไปแล้ว”
“เย็นๆ คุณแม่ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันไหมคะ”
อาริสาพูดอย่างใจเย็นมากจนลัดดาอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า
“เธอไม่โกรธอะไรฉันเลยเหรอริสา ที่ผ่านมาฉันไม่ได้ทำเธอน้อยๆนะ”
“ตอนแรกริสาก็ไม่เข้าใจว่าคุณแม่จะเกลียดอะไรริสา จนตอนนี้...แค่ริสาท้องไม่กี่เดือน ริสาก็รักลูกมาก”
“ก็เธอรอเขามานาน พอเขามาเธอก็ต้องรักเขามาก”
อาริสามองลัดดาด้วยสีหน้าเจ็บ เศร้า แล้วตัดสินใจพูด
“แม่ทุกคนอยากให้ลูกมีความสุขที่สุดใช่ไหมคะคุณแม่”
ลัดดานิ่งไม่ตอบ...เท่ากับเป็นการยอมรับโดยดุษณี
ooooooo
ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของลัดดา เวลานี้ป้องกุลเปิดประตูรถเผยให้เห็นรูปอาริสาในกรอบใหม่และช่อดอกไม้สวยสด เขาหยิบของสองอย่างนั้นมาถือไว้แล้วตัดสินใจเดินหน้าเข้าไปทางประตูเล็กของรั้วบ้านด้วยความรู้สึกนึกคิดว่า “งานนี้เป็นไงเป็นกัน”
ป้องกุลเดินหน้าเข้าไปโดยไม่รู้ว่าเกศิรินจับตามองอยู่ข้างหลัง เธอขับรถสะกดรอยตามลูกชายตั้งแต่ออกจากบ้านจนมาถึงหน้าบ้านใหญ่หลังนี้ที่คุ้นเคย
อาริสาออกจากห้องลัดดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะคิดเรื่องลูก เธอเดินลูบท้องผ่านห้องโถงแล้วต้องชะงักสะดุดตากับรูปตัวเองในกรอบใหม่วางอยู่ที่หน้าประตูบ้าน พอจะก้าวเดินเข้าไปที่รูปก็ตกใจเพราะเห็นป้องกุลปรากฏตัว
“เธอเข้ามาได้ยังไง...ออกไป”
“ผมเอารูปมาให้ริสา” ป้องกุลพูดอ่อนโยนตั้งใจกลับมาเรียกสรรพนามตามเดิมเหมือนตอนรักกัน พร้อมยื่นดอกไม้มาตรงหน้าแต่อาริสาไม่ยอมรับและตอบกลับเสียงค่อนข้างแข็ง
“เอามาให้ฉันทำไม ฉันไม่ต้องการ”
“เพราะผมทิ้งของเก่าไปแล้ว ของเก่ามันพังเลยทำใหม่...เพื่อขอเริ่มต้นใหม่”
“ฉันไม่เอา” อาริสาคว้าดอกไม้โยนทิ้งแล้วเดินหนีทันที
ป้องกุลรีบตามไปดึงเธอมากอดแน่น อาริสาอึ้ง พอตั้งสติได้ก็ดิ้นและดันตัวป้องกุลออก
“ปล่อย!”
“ไม่!”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
ป้องกุลไม่ยอมปล่อยแถมยังกอดแน่นขึ้นอีก ซบหน้ากับไหล่เธอและพูดอย่างเว้าวอน
“ผมจะไม่ปล่อยคุณอีกแล้วริสา”
อาริสาทนไม่ไหวกัดที่แขนเขาอย่างแรง ป้องกุลเจ็บจนต้องปล่อยเธอพร้อมเสียงร้อง
“โอ๊ยยยยยย!!!”
อาริสาได้โอกาสรีบถอยหนีและพูดใส่ป้องกุลอย่างเยาะหยัน
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเกลียดฉัน เธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉัน ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันใช้เธอแก้แค้นแม่เธอ...ปล่อยฉัน”
ป้องกุลไม่ยอมและไม่แคร์ว่าอาริสาจะพูดยังไง เดินหน้าตื๊อต่อไปอย่างอดทน
“ตอนนี้ผมไม่มีสมองให้จำเรื่องบ้าๆอะไรอีกแล้ว ตอนนี้อย่างเดียวที่ผมคิดคือริสากับลูก”
อาริสาอึ้งมากที่ป้องกุลรู้เรื่องตนท้อง แต่ทำไขสือถามว่า
“ลูกอะไร”
“ลูกของผมไง”
ในขณะที่อาริสากับป้องกุลจ้องหน้ากันนิ่งอยู่นั้น...หมอเอกกำลังจะขับรถออกสู่ถนนใหญ่หน้าหมู่บ้าน แต่แล้วเขาชะลอรถเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือ
“อ้าว...มือถือ” เขาบ่นพึมพำเมื่อหาโทรศัพท์ไม่เจอ และแน่ใจว่าต้องลืมมันไว้ที่บ้านจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับเข้าทางเดิม
ภายในบ้าน...อาริสาประกาศใส่หน้าป้องกุลอย่างเด็ดขาด
“ไม่มีลูกของเธอ ออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วยแล้วนะ”
“ริสาท้อง...ผมรู้เรื่องแล้ว”
“ฉันท้องแล้วไง เธอเป็นผัวฉันคนเดียวเหรอ”
ป้องกุลชะงักไปนิด แต่ก็ยังพยายามอ้อนวอนอีก “อย่าพูดอย่างนี้ริสา”
“ฉันพูดความจริง อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าระหว่างที่ฉันคบกับเธอ ฉันจะไม่นอนกับหมอเลย”
“ผมบอกให้หยุดพูดอย่างนี้ไง ผมรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง”
“เป็นคนยังไง รักเดียวใจเดียว ไม่สำส่อนเหรอ ตลอดเวลาที่ฉันรู้จักเธอ ฉันยังไม่หย่า เพราะฉะนั้นฉันจะนอนกับหมอได้ทุกเมื่อ”
“ผมไม่เชื่อ”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันต้องการคบกับเธอเพราะอะไร เพราะแก้แค้นแม่เธอและประชดหมอ เธอเป็นคนช่วยฉันเรียกร้องความสนใจจากหมอก็แค่นั้น ต้องให้ฉันแจงรายละเอียดไหมว่าวันไหนฉันนอนกับเธอ แล้ววันไหนฉันนอนกับหมอคืนละกี่รอบเพื่อเอาชนะแม่เธอ”
“พอได้แล้วริสา!!!”
“เธอนั่นแหละพอ หยุดบ้า...และเลิกคิดว่าฉันท้องกับเธอ เพราะมันไม่ใช่”
อาริสาเดินไปหยิบรูปที่ป้องกุลวางไว้ขึ้นมาชู
“เธออยากเริ่มใหม่กับฉันเหรอ”
พูดจบก็ปารูปในมือทิ้งจนกระเด็นออกไปนอกบ้าน แล้วยังหันมากระทืบช่อดอกไม้แหลกกระจายเหมือนที่ป้องกุลเคยทำกับเธอมาก่อน
“เธอกับฉันมันจบแล้ว ได้ยินมั้ย ออกไปจากบ้านของสามีฉันได้แล้ว”
ป้องกุลยังไม่ยอมออก มองหน้าอาริสาอย่างดึงดัน
“ไม่ออกใช่มั้ย”
อาริสาเดินผ่านป้องกุลออกจากตัวบ้านตั้งใจไปร้องขอความช่วยเหลือจริงๆ
ooooooo
เกศิรินแอบดูผ่านประตูรั้วบ้านด้วยใจระทึกระคนเจ็บปวดเสียใจที่ป้องกุลย้อนกลับมาหาอาริสาอีกจนได้
ระหว่างนี้เองรถของหมอเอกขับมาจอดหน้าประตูรั้ว เกศิรินหันมาเห็นก็ชะงักไม่คิดว่าเขาจะย้อนกลับมา ฝ่ายหมอเอกพอลงจากรถได้ก็ทักถามเกศิรินเสียงขุ่น
“เกศ! คุณมาทำไม”
ฉับพลันได้ยินเสียงอาริสาตะโกนดังจากหน้าประตูตัวบ้าน
“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย...”










