ตอนที่ 16
หมอเอกเดินกลับมาสะบัดผ้าห่มรออาริสาขึ้นนอนบนเตียงแล้วห่มให้ จากนั้นเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะหยิบหนังสือเกี่ยวกับตำราแม่และเด็กมาอ่านเพื่อทบทวนวิชาตัวเองในการดูแลเธอ
อาริสาจะนอนแต่ยังแอบมองหมอเอกเป็นระยะ แต่ผ่านไปสักพักมีแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ของเธอสว่างและมีชื่อสายที่โทร.เข้ามาคือ “เด็กดื้อ” ซึ่งก็คือป้องกุลนั่นเอง เธอเหลือบมองหมอเอกเห็นเขายังอ่านหนังสือไม่ได้เหลียวมองมาจึงมีอาการลังเลว่าจะรับสายจากป้องกุลดีหรือไม่
คิดมาคิดไป...สุดท้ายอาริสาไม่รับสายป้องกุล วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วหันไปพูดกับหมอเอกว่า
“หมอนอนห้องนี้ก็ได้นะคะ ยิ้มบอกว่าพักนี้คุณแม่นอนดึกเพราะนอนพักช่วงกลางวัน กว่าหมอจะรอคุณแม่หลับคงดึก หมอมานอนเถอะค่ะ”
หมอเอกยิ้มบางๆดีใจที่อาริสายอมให้นอน ร่วมห้อง
“ขอบคุณนะครับ”
พูดจบเขาเดินมาล้มตัวลงนอนอีกด้านหนึ่งของเตียงและแอบยิ้มดีใจที่ได้นอนข้างผู้หญิงที่เขารัก
อาริสาตะแคงตัวหันหลังให้หมอเอก สายตาเธอจับจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอยังมีแสงเพราะป้องกุลยังโทร.เข้าอยู่ตลอดแต่ไม่มีเสียงเพราะเธอปิดเอาไว้
เมื่อเห็นว่าไม่มีท่าทีว่าจะหยุดโทร. อาริสาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือมากดบล็อกเบอร์ป้องกุลแล้วข่มตาหลับเหมือนต้องการให้ลืมและไม่สนใจเขาอีกว่าจะโทร.มาเพื่ออะไร?
ooooooo
ขณะนั้นป้องกุลยืนหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่หน้าผับ พยายามโทร.หาอาริสาเป็นสิบครั้งแต่ติดต่อไม่ได้
ระหว่างนี้เกศิรินโทร.มาหาป้องกุล เขามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วจะไม่รับสาย แต่สุดท้ายต้องรับเพราะไม่อยากให้แม่สงสัยอะไรถึงอาริสา
“ฮัลโหลครับแม่...ผมมาหาเพื่อนแต่กำลัง
จะกลับบ้านแล้วครับ”
ป้องกุลตอบแม่เสร็จก็ตัดใจเรื่องอาริสาไปก่อนเพราะตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติทั้งที่ในใจกระวนกระวายกับข้อมูลจากสุนิดาว่าอาริสาท้อง เกศิรินนั่งรอลูกอยู่ถามอย่าง
จับพิรุธทันที
“ทำไมป้องไม่บอกแม่ว่าออกไปหาเพื่อน”
“ผมเห็นแม่เข้าห้องนอนแล้ว”
เกศิรินมองป้องกุลอย่างไม่เชื่อ แต่ยังไม่คาดคั้นเพราะกลัวจะบีบคั้นลูกเกินไป ได้แต่ข่มความสงสัยแล้วพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อนอารมณ์หงุดหงิด
“แม่โทร.คุยกับเพื่อนที่อเมริกา เพื่อนแม่ส่งรูปอพาร์ตเมนต์ที่นั่นมาให้แม่ดู อยู่แถวมหาวิทยาลัยที่ป้องจะไปเรียน ป้องมาดูรูปสิ”
เกศิรินจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปอพาร์ตเมนต์ให้ป้องกุลดู แต่เขาไม่มีอารมณ์จะดูเพราะคิดแต่เรื่องอาริสาท้องจึงตอบเลี่ยงว่า
“ผมง่วง ผมขอไปนอนก่อนนะครับ”
พูดจบป้องกุลเดินผ่านไปทันที เกศิรินใช้ความอดทนอย่างมาก...คิดว่าไปอเมริกาแล้วป้องกุลก็จะลืมอาริสาได้เอง
แต่เปล่าเลย...เวลานี้ป้องกุลกำลังกระวนกระวายร้อนใจอยากเจออาริสามาก เขาเดินไปตรงมุมตู้เสื้อผ้าหยิบกล่องใส่เศษรูปและเศษดอกไม้เหี่ยวแห้งออกมาวางบนเตียง แล้วหยิบรูปที่ฉีกขาดจนไม่สามารถกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้อีกออกมาพิศดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจนำของสองอย่างนั้นออกไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้าน
ฝ่ายเกศิรินเมื่อเข้าห้องนอนก็ยังไม่เลิกคิดมากเรื่องระหว่างป้องกุลกับอาริสา พลันเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เกศิรินหยิบมาดูเห็นเป็นเบอร์สุนิดา
ก็เอามันวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงไม่ยอมรับ แต่สุนิดาเล่นสงครามประสาทโทร.หาไม่หยุด สุดท้ายเกศิรินก็ต้องรับสาย
“โทร.มาทำบ้าอะไร”
สุนิดากำลังเดินออกจากผับด้วยท่าทางเมามายมีความสุข ตอบกลับเกศิรินอย่างเยาะหยัน
“ฉันจะโทร.มาบอกว่า...แกกำลังจะไม่เหลือใครแล้ว” พูดจบสุนิดาหัวเราะร่วนใส่โทรศัพท์แล้วกดวางสายอย่างสะใจ
“อีบ้า! เพราะมึงบ้าอย่างนี้ไงผัวถึงทิ้ง”
เกศิรินด่าลั่นแล้วตัดสาย...แต่ใจยังคิดถึง
เรื่องป้องกุลหายออกจากบ้านและกลับมาก็ไม่สนใจเรื่องไปอเมริกาเท่าที่ควร จึงอดระแวงไม่ได้ว่าเขาแอบไปหาอาริสามาหรือเปล่า?
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้นอาริสาช่วยพยุงลัดดาเดินมาส่งหมอเอกที่กำลังจะออกจากบ้านไปทำงาน โดยอาริสาอาสาหมอด้วยความเต็มใจว่า
“วันนี้ริสาไม่ได้ทำงาน เดี๋ยวริสาดูแลคุณแม่เอง”
“ไม่เป็นไร ให้ยิ้มดูแลก็ได้ เดี๋ยววันนี้ผม
จะไปดูพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลคุณแม่อีกคน”
ลัดดาฟังแล้วอมยิ้ม แกล้งพูดเหน็บล้อลูกชาย “ไหนตอนแรกเอกไม่อยากให้มีพยาบาลพิเศษไง อยากให้ริสาดูแลแม่ ตอนนี้พอมีลูก แม่ไม่สำคัญ
แล้วสินะ”
“ไม่ใช่ครับคุณแม่ ในชีวิตผมมีผู้หญิงสองคนที่ผมห่วงที่สุด อะไรที่ผมทำให้ผู้หญิงทั้งสองคน
มีความสุขและไม่เหนื่อยได้ผมก็จะทำ”
“ระวังอย่าให้เหนื่อยมากเดี๋ยวจะเป็นอะไร ผู้หญิงสองคนจะลำบาก”
“ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรอกครับ เพราะมีกำลังใจน้อยๆอยู่นี่”
หมอเอกเอื้อมมือแตะท้องอาริสาด้วยสีหน้าอิ่มเอม แต่อาริสายังรู้สึกกระดากเพราะรู้แก่ใจว่า เด็กไม่ใช่ลูกของหมอ จึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“คุณหมอไปทำงานเถอะค่ะ ออกสายเดี๋ยวรถติด”
“งั้นผมไปนะ”
หมอเอกมองอาริสาด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ อยากจะหอมแต่ไม่กล้าจึงจับมือเธอเบาๆแทน ลัดดามองกิริยาอาการของสองคนแล้วได้แต่นึกสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาเพราะกลัวครอบครัวลูกชายจะมีปัญหาอีก
หลังจากหมอเอกขับรถออกจากประตูรั้วบ้านสู่ถนนโดยไม่ทันสังเกตเห็นรถตู้คันหนึ่งจอดแอบๆอยู่ แต่สายตาของคนในรถตู้มองตามหมอเอกไปจนสุดทาง เขาคือป้องกุลนั่นเอง!










