ตอนที่ 16
ตุลถ่ายทอดคำพูดของสุนิดาให้ป้องกุลฟังอย่างครบถ้วน...สุดแล้วแต่เพื่อนจะตัดสินใจอย่างไร
ooooooo
ตกเย็นหมอเอกขนกระเป๋าเสื้อผ้าของอาริสาเข้ามาในบ้านโดยที่เจ้าตัวเดินตามหลังมายกมือไหว้ลัดดาในห้องรับแขก
“ในที่สุดก็กลับบ้านสักทีนะ”
“คุณแม่ครับ” หมอเอกรีบเบรกเพราะกลัวแม่จะหาเรื่องอาริสาให้ไม่สบายใจอีก
“แม่พูดดีๆไม่ได้เหน็บเลย แหม...หวงเมียซะจริง” ว่าแล้วลัดดาค่อยๆลุกเดินมาลูบท้องอาริสา...อาริสาชะงักไม่คิดว่าคนที่เคยเกลียดชังจะทำแบบนี้กับตน
“ในที่สุดก็สมหวังกันสักทีนะ”
“ครับคุณแม่” หมอเอกยิ้มรับหน้าบาน ขณะที่อาริสามองลัดดานิ่ง ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะรู้แก่ใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกหมอ
ยิ้มเพิ่งกลับเข้ามาในบ้านหลังจากไปเปิดประตูรั้วให้หมอ ทำท่าจะหยิบกระเป๋าอาริสาไปเก็บ ลัดดาสั่งทันที
“นังยิ้ม...ต่อไปจะถูบันไดบ้าน แกต้องเช็กให้ดีว่ามันแห้ง ถ้าฉันเห็นว่าไม่แห้งฉันจะให้แกเอาเสื้อเช็ด”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่ใช่แค่บันไดนะคะ ยิ้มจะดูแลพื้นทุกตารางเมตรให้แห้ง ไม่ให้คุณริสาเดินแล้วล้มจนกระเทือนถึงน้องในท้องเด็ดขาด”
ลัดดาถลึงตาและทำท่าจะตีปากยิ้ม “อย่ามาพูดเรื่องล้มนะ ปากเสีย”
“ขอโทษค่ะ” ยิ้มพูดจ๋อยๆ
“ต่อไปเอกจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างที่เอกรอมาตลอดสักทีนะ”
ลัดดาพูดพลางมองเลยไปที่อาริสาอย่างเมตตา อาริสาไม่สบตาแต่เหลือบมองหมอเอกอย่างละอายใจที่เอาลูกคนอื่นมาให้เขาดูแล
ooooooo
ค่ำแล้ว...สุนิดานั่งลุ้นอยู่ภายในผับประจำที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่มและนักเที่ยวมากหน้า หลายตาเหมือนเคย เธอนั่งที่โต๊ะคนเดียวคอยมองประตูและมองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือบ่อยๆเพื่อรอป้องกุล
เวลาเดียวกันป้องกุลอยู่ที่บ้านอย่างลังเล คิดย้อนถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กับตุลก่อนหน้านั้น
“ถ้าแกรับงานพี่นิดาคืนนี้ นอกจากได้เงินแล้วแกยังจะได้ข่าวพี่ริสาด้วยนะ”
คิดไปคิดมาป้องกุลสับสนตัดสินใจไม่ได้ ระหว่างนี้เกศิรินถือถุงข้าวของมากมายเข้ามาพูดจาหน้าระรื่น
“ป้องดูสิ...แม่ซื้ออะไรมาฝาก”
เกศิรินวางถุงแล้วหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาอวด “นี่สวยไหม แม่ซื้อมาฝาก เพื่อนแม่ที่อเมริกาแนะนำยี่ห้อนี้มา นางบอกว่ากันหนาวเริ่ด ลุกขึ้นมาลองสิลูก”
“เอาไว้ค่อยลองนะครับ ผมร้อน ผมจะอาบน้ำนอนแล้ว”
ตอบเสร็จป้องกุลเดินหนีไปเลย เกศิรินไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนัก คิดแต่ว่าลูกชายยังลืมอาริสาไม่ได้
ผ่านไปอีกครู่เกศิรินเช็กอีเมลที่เพื่อนส่งรูปอพาร์ตเมนต์ที่อเมริกามาให้ดู ท่าทางเธอถูกใจมากรีบโทร.คุยกับเพื่อนทันที
“นี่คืออพาร์ตเมนต์ที่อยู่ใกล้ๆที่ลูกฉันจะเรียนใช่ไหม...ชอบสิชอบ ชอบเกือบทุกที่เลย เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้ลูกดู ขอบใจมากนะที่ช่วยหาที่อยู่ให้ฉันกับลูก”
เกศิรินวางสายจากเพื่อนแล้วเดินยิ้มหน้าบานเข้าไปในห้องลูกชาย
“ป้อง...เพื่อนแม่ส่งรูปอพาร์ตเมนต์ที่อเมริกามาให้เลือก”
เกศิรินร้องบอกพร้อมกวาดตามองในห้อง ปรากฏว่ามีแต่ความว่างเปล่า ประตูห้องน้ำเปิดกว้างไม่มีคนอยู่ เกศิรินนิ่วหน้าสงสัยว่าป้องกุลหายไปไหน?
ooooooo
สุนิดานั่งรอป้องกุลนานจนหงุดหงิด และในที่สุดเธอก็ยอมแพ้หยิบกระเป๋าตั้งท่าจะกลับ แต่ทันใดนั้นเองป้องกุลเดินฝ่าผู้คนที่อยู่ในผับ
มาที่โต๊ะของเธอ พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า
“คุณต้องการคุยอะไรกับผม”
สุนิดาฉีกยิ้มกว้างอย่างสมใจ ถามเสียงใสว่า “สั่งอะไรดื่มก่อนไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้”
“ผมไม่ดื่ม” ป้องกุลตอบอย่างหงุดหงิดเพราะรู้ว่าสุนิดาแกล้งลีลา
“ที่มาเนี่ย...เพื่อจะมาฟังเรื่องอาริสาอย่างเดียวใช่ไหม”
“เปล่า ผมมาเพื่อจะบอกว่าคุณอาริสาไม่มีอะไรเกี่ยวกับผมอีกแล้ว อย่าเอาเขามายุ่งกับผมอีก ผมไม่อยากโดนด่าว่าเป็นชู้กับเมียใคร ผมจะมาบอกคุณแค่นี้”
พูดจบป้องกุลจะเดินไปทั้งที่ใจจริงอยากรู้มากว่าสุนิดามีข่าวอะไรเกี่ยวกับอาริสา แต่ทำวางฟอร์มเอาไว้ จนกระทั่งสุนิดารีบพูดต่อทำให้เขาหยุดชะงัก
“เธอจำได้ไหมว่าตั้งแต่วันแรกที่เธอมีความสัมพันธ์กับริสาจนถึงตอนนี้ถึงสองเดือนหรือยัง”
“คุณถามทำไม”
“ถามเพื่อเช็กระยะเวลาไง ว่ามันตรงกับเรื่องที่ฉันได้ยินมาไหม”
“เรื่องอะไร”
“อาริสาท้องสองเดือน”
ป้องกุลตะลึงงัน! จ้องหน้าสุนิดาที่ยิ้มตาพราวราวกับผู้ชนะ
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้นอาริสาใส่ชุดนอนเพิ่งออกจากห้องน้ำ เธอจับตามองหมอเอกที่จัดที่นอนเอาหมอนใบเล็กหนุนหลังมาวางเพิ่มให้อย่างเอาใจใส่ ก่อนถามเขาว่า
“คืนนี้หมอนอนห้องนี้ด้วยกันเหรอคะ”
“เปล่า ผมนอนห้องนอนแขก แต่ผมมาจัดที่นอนให้ริสาน่ะ จะมาดูด้วยว่ายิ้มเอาน้ำมาวางให้ริสารึยัง ริสาต้องดื่มน้ำมากกว่าปกตินะ”
“ริสารู้แล้วค่ะ”
“ผมเอาหมอนใบเล็กมาให้เผื่อริสาหนุนตอนปวดหลัง ตอนนี้ริสาเริ่มปวดหลังรึยัง”
“ยังค่ะ แค่สองเดือนท้องไม่ใหญ่ยังไม่ปวดหลัง”
“เออใช่...ผมตื่นเต้นมากไปสินะ”
“ริสาง่วงแล้วค่ะ”
“งั้นริสานอนนะ เดี๋ยวผมขอนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนี้สักพัก ตอนนี้คุณแม่ยังไม่หลับ ผมไม่อยากให้คุณแม่รู้ว่าเราแยกห้องนอน”
หมอเอกเดินไปปิดไฟกลางห้อง อาริสาสงสัยถามว่า
“หมอปิดไฟแล้วจะอ่านหนังสือยังไงคะ”
“ไม่เป็นไร ผมใช้โคมไฟบนโต๊ะก็พอ ริสานอนเถอะ”










