ตอนที่ 10
แนนเลขาสาวของเปรมจิตเป็นตัวเลือกที่คิดไว้ เยี่ยมยุทธรู้ดีว่าอีกฝ่ายบ้าแบรนด์เนมและมีปัญหาฉ้อโกงเพราะเบี้ยวสินค้าพรีออเดอร์จึงยื่นข้อเสนอช่วยแก้ปัญหาแลกกับการหารหัสตู้เซฟของเปรมจิต
สถานการณ์ของแนนบีบให้เธอรับข้อเสนอสืบหารหัสตู้เซฟของเปรมจิตจากสมุดโน้ตเล่มเล็กๆที่ประธานธนาคารสาวใหญ่พกติดตัวเสมอ เยี่ยมยุทธเห็นภาพจากสมุดโน้ตที่แนนถ่ายส่งมาแล้วพูดไม่ออก
“รหัสก็คือวันก่อตั้งธนาคารนี่เอง ผู้หญิงอะไรวะรักงานยิ่งกว่าลูกอีก หายใจเข้าออกมีแต่เรื่องธนาคาร”
เอกสารในตู้เซฟมีแต่ภาพถ่ายเก่าๆและประวัติธนาคาร เยี่ยมยุทธเครียดมากเพราะเอกสารส่วนมากเขาเคยเห็นหมดแล้วตั้งแต่ตอนค้นห้องอนุสรณ์ของธนาคาร พลันภาพความทรงจำตอนแอบสำรวจบ้านพีระก็ผุดในหัว เขาจำได้ว่าเปรมจิตชอบเขียนข้อความหลังภาพถ่าย
หัวใจเยี่ยมยุทธเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและ
ตาโตเมื่อเห็นข้อความด้านหลังภาพของนนท์ โตมรและเปรมจิต
“เราจะดูแลช้างสีชมพูให้คุณอย่างดี ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต...”
เยี่ยมยุทธปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างรวดเร็วแล้วพบว่าช้างสีชมพูน่าจะเป็นโค้ดลับหมายถึงน้องสาวของเขา
“วางเพลิงฆ่าพ่อแม่เขา ลูกคนโตส่งไปเลี้ยงบ้านเด็กกำพร้าเพราะกลัวซัดทอดมาถึงตัวเอง แต่ลูกคนเล็กเก็บไว้เลี้ยงเองเพื่อชดใช้ความผิด...ผู้หญิงเลือดเย็น!”
ooooooo
เยี่ยมยุทธแทบคลั่งเมื่อคิดถึงน้องสาวคนเดียว เขาพยายามตามสืบจากบ้านเด็กกำพร้าแต่ไม่พบเบาะแสใดๆ แนนจึงเป็นที่พึ่งของเขาอีกครั้งให้หาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กในอุปการะของเปรมจิตแลกกับเงินช่วยปลดหนี้
นอกจากเบี้ยวสินค้าพรีออเดอร์จนเกือบถูกจับแนนยังมีหนี้สินอีกหลายก้อนเพราะความบ้าแบรนด์เนมของตัวเอง เยี่ยมยุทธรู้จุดอ่อนนี้ดีและเสนอให้ยืมเงินปลดหนี้แลกกับข้อมูลของเปรมจิต
แนนยอมบอกเรื่องมูลนิธิบ้านเปรมจิตซึ่งเป็นองค์กรเอกชน เปรมจิตออกทุนสนับสนุนทุกอย่าง
เยี่ยมยุทธจึงสืบค้นไม่ได้เพราะไม่มีในระบบของราชการ เยี่ยมยุทธดีใจมากเพราะเชื่อว่าน้องสาวคนเดียวถูกเก็บไปเลี้ยงที่นี่
เยี่ยมยุทธยื่นเอกสารกู้เงินให้แนนเซ็นยอมรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ และอดไม่ได้จะเตือนสติ
“คุณเดินเข้ามาเฉียดคุกแล้วนะคราวนี้ ถ้าขืน
มีนิสัยบ้าแบรนด์อย่างเก่า...แฟนคุณ เพื่อนคุณ ทุกคนจะทิ้งคุณ คุณจะกลายเป็นคนเลว ทำเรื่องเลวได้ทุกอย่างเพื่อเงินเหมือนดาวเด่น”
แนนส่ายหน้าไม่สำนึก “คนบ้าแบรนด์ก็มีเหตุผลของเขา คุณรู้ไหม...แบรนด์แต่ละแบรนด์มีประวัติ มีสตอรี่ แล้วแบรนด์แต่ละชิ้นก็ประณีต มีคุณภาพ เข้าใจกันบ้างสิ”










