สมาชิก

บุพเพสันนิวาส

ตอนที่ 6

ขุนศรีวิสารวาจาตัดบทให้คุยธุระราชการ พระวิสุทธสุนทรขำท่าทีของหลานชาย แบบนี้จะเข้าหอได้อย่างไร ขุนศรีวิสารวาจาเมินหน้าไปทางอื่น นัยน์ตาหวั่นไหวนิดๆ

ค่ำนั้น เกศสุรางค์ออกมาสีฟันแล้วฮัมเพลงโยกตัวไปมา พลันรู้สึกว่ามีคนมอง ก็รู้ได้ว่าไม่มีใครนอกจากขุนศรีวิสารวาจา จึงแกล้งหาความว่าทำไม่ถูก ต้องลงโทษ พาตนไปที่ที่อยากไป

วันรุ่งขึ้น ขุนศรีวิสารวาจาพาเกศสุรางค์มารับกระทะที่สั่งทำ เธอพึงใจมากแล้วสั่งให้ทำเครื่องกรองน้ำอีกอย่าง จีนฮงอ้าปากค้างเพ่งมองภาพที่เธอวาดออกมา เป็นกรวยปากกว้าง แคบลงมาเป็นที่น้ำไหลออกได้ มีขาหยั่งเหล็กสำหรับวางกรวย และให้ทำหม้อใบใหญ่รองน้ำด้วย

ด้านฟอลคอนมากำชับมะลิเรื่องแต่งงาน และจะเปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่ มะลิอ้างยังไม่อยากออกเรือน

อยากดูแลพ่อที่แก่เฒ่าลง ฟอลคอนกลับบอกว่า

“ไม่เป็นไรข้าจะช่วยในเรื่องนั้น สำหรับตัวเจ้า

ข้าจะจัดงานแต่งงานให้ใหญ่โต เจ้ามิต้องอายใคร ข้าจะยกย่องเจ้าเป็นเมียเอก”

“ท่านมีเมียพระราชทานที่เป็นข้าหลวงของพระธิดาขุนหลวง”

“อ๋อ เมียผู้นั้นข้าส่งกลับไปในวังอย่างเดิม เจ้าจะเป็นใหญ่ในเรือนข้าแต่ผู้เดียว เมียเล็กเมียน้อยของข้าเจ้ามิต้องพะวงถึงเลย” ฟอลคอนหันไปสั่งฟานิกตัดผ้าขายให้แก่เขา

เกศสุรางค์เห็นว่ายังหัววันจึงให้ขุนศรีวิสารวาจาพามาเยี่ยมมะลิที่ร้าน ท่านขุนแปลกใจที่รู้จักกัน เกศสุรางค์กำลังจะเล่า ฟอลคอนเดินมาพอดี พอเห็นเธอก็สาวเท้าเข้าประชิด ท่านขุนดึงเธอเดินเลี่ยง แต่ฟอลคอนยังตามมาขวาง เกิดการเผชิญหน้าของสองชาย สักพักฟอลคอนก็ยิ้มเยาะแล้วเดินจากไป ท่านขุนถอนใจนึกว่าจะแน่

เกศสุรางค์แอบขำ

พอสองสาวได้พบกันต่างดีใจ มะลิเห็นขุนศรีวิสารวาจาที่ตนชื่นชอบก็ชะงักเล็กน้อย เกศสุรางค์ฟังมะลิเล่าเรื่องฟอลคอนแล้วไม่ค่อยพอใจ ยุให้มะลิขับไล่อย่าไปกลัว

“ท่านออกหลวงสุรสาครมาสร้างความรำคาญให้ออเจ้า ก็อย่าได้เกรงกลัวไปหนา พระยาวิสูตรสาครผู้ดูแลความเรียบร้อยของร้านเรือนแพ เป็นบิดาของขุน

เรืองอภัยภักดี สหายของข้าจักช่วยว่ากล่าวตักเตือนได้” ขุนศรีวิสารวาจาสำทับและแนะนำ

มะลิขอบคุณ สบตาอย่างเอียงอาย เกศสุรางค์เห็นท่าทีแล้วรู้ได้ว่ามะลิมีใจให้ท่านขุน...สองสาวคุยกันสักพัก ท่านขุนก็เตือนให้กลับ มะลิเห็นสายตาเขาที่มองการะเกดแล้วใจแป้ว ยิ่งเห็นเขาจับแขนพาเดินไปลงเรือ ก็หน้าหมองเศร้าลง ฟานิกเข้ามาปลอบกึ่งเตือนลูกสาว

“ศักดิ์ตระกูลและเชื้อชาติเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เขา

ไม่ก้าวข้ามมาหาเราหรอก”

“มิใช่เลยพ่อข้า เขามิได้พึงใจข้าต่างหาก ถ้าเขาพึงใจ ศักดิ์ตระกูลฤาจะเป็นอุปสรรค”

“ตัดสินใจได้แล้วนะลูกพ่อ ท่านสังฆราชปัลลู

รอฟังคำตอบอยู่ทุกเมื่อ”

มะลิย้ำว่าไม่ได้รักฟอลคอน ผู้เป็นพ่อเห็นว่าอยู่กินกันไปก็รักกันเอง แถมเขายกย่องให้เป็นเมียเอก ถ้าเป็นขุนนางชาวสยามไม่มีทางยกย่อง มีแต่จะทำให้ช้ำใจเป็นเมียรอง มะลิฟังแล้วยิ่งสะเทือนใจน้ำตาปริ่ม

ถึงท่าน้ำบ้านก็ตะวันคล้อย เกศสุรางค์หลบให้จ้อยแบกกระทะเดินไปก่อน ทำให้เข้าไปชิดขุนศรีวิสารวาจา ผินกับแย้มทำหน้าเตือนให้ถอยห่าง เธอจึงเฉไฉคุยเรื่องพระจันทร์ว่าที่นี่ดวงโต ท่านขุนบอกว่าคงคนละดวง หญิงสาวเผลอท้วงว่าพระจันทร์มีดวงเดียวในโลก ท่านขุนทำหน้างง เธอรีบเปลี่ยนเรื่องถามว่าเขานัดขุนเรืองเมื่อใด ท่านขุนขุ่นเคืองทันที เธอจึงเย้า

“นัดดื่มสุรากันไงคะ...ไม่เมาเหล้าแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” ขุนศรีวิสารวาจาถามกล่าวกลอนนี้ด้วยเหตุใด เธอเย้า “กล่าวให้ใครก็ไม่รู้ ที่มีทั้งแม่หญิงจันทร์วาด ทั้งแม่มะลิ”

บุพเพสันนิวาส

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด