ตอนที่ 6
“พี่ชายของข้าไว้ใจออกหลวงผู้นี้มาก หาได้สงสัยเลยว่าไอ้หลวงสุรสาครมันไม่ซื่อ มันเข้ามาทำงานกับพี่ข้าเพราะหวังจะเข้าเฝ้าใกล้ชิดกับขุนหลวง”
“ขุนหลวงนารายณ์ของเราท่านโปรดปรานคนเก่ง หลวงสุรสาครมันฉลาด คิดดูมันคือไอ้ฝรั่งที่ร่อนเร่พเนจรมาจากเมืองต่างด้าวท้าวต่างแดน...เป็นฝรั่งเมืองกรีก
ไม่มีสกุล แต่ประจวบเหมาะได้เข้ารับราชการใกล้ชิดพระยุคลบาท ทำรายรับรายจ่าย ทำบาญชีสินค้า ซึ่งตามปกติเป็นงานยาก ไม่มีใครอยากทำ”
“รู้หรือไม่ออเจ้าทั้งสอง เมื่อแรกที่ออกหลวงผู้นี้รับราชการใหม่ๆ พ่อค้าแขกเทศมาทวงหนี้ที่กรมพระคลัง สินค้า เขาคิดกำไรขาดทุนหักกลบลบหนี้ การณ์ปรากฏว่า ไอ้เจ้าแขกเทศกลับเป็นหนี้กรมพระคลังสินค้าเสียฉิบ ขุนหลวงพอพระทัยมาก อวยยศให้มันรวดเร็วเกินผู้ใด”
หมื่นสุนทรเทวากับหมื่นเรืองเห็นจริง พระวิสุทธสุนทรหวั่นใจตอนนี้มีคนจับตาว่าหลวงสุรสาครจะชักชวนขุนหลวงเข้ารีตเข้าโบสถ์ไปด้วย เพราะท่านนิยมชมชอบชาวต่างชาติ เห็นว่าเก่ง คนไทยสู้ไม่ได้
“ท่านอาโกษาเหล็กล่ะขอรับ” หมื่นสุนทรเทวาสงสัย พระวิสุทธสุนทรตอบว่า
“พี่ชายข้าก็ยินดีกับมัน ถ้าขุนหลวงทรงยอมพี่ชายข้าอาจไม่คัดค้าน ทั้งๆที่ทุกครั้งที่ค้าน ขุนหลวงก็ทรงฟังเสมอมา”
ด้านเกศสุรางค์แอบมองจากหน้าห้อง ผินกับแย้มท้วงว่าไม่มีแม่หญิงคนใดอยากรู้เรื่องของผู้ชาย มีแต่อยากรู้เรื่องงานครัว กรองมาลัย จัดดอกไม้ ปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น เกศสุรางค์เถียงทันควัน
“ไม่ใช่ผู้หญิงยุคไอที...เข้าใจ๋...ว่าไง...เข้าใจ๋...”
ผินกับแย้มตบหน้าผากตัวเองอย่างอ่อนใจทั้งที่ไม่เข้าใจภาษา
ooooooo
วันต่อมา เกศสุรางค์เห็นว่าตัวเองหมดระดูก็เลิกผ้าขี่ม้า จะออกไปหาอะไรทำ...พอออกมาเจอจ้อยถือหีบใส่เครื่องแต่งตัวของหมื่นสุนทรเทวา ก็รี่เข้าไปถามว่าวันนี้ท่านหมื่นไปไหน พอรู้ว่าเข้าวังก็อยากไปด้วยเพราะไม่เคยเห็นวังมาก่อน จ้อยให้ไปขอท่านหมื่นดู
“ก็เนี่ยไง ยืนคอยจะขออยู่เนี่ย”
หมื่นสุนทรเทวาเดินออกมาเอ็ดจ้อยมัวยืนเว้าวอนกะใคร เกศสุรางค์ร้องอ้าว...ก็คุยอยู่กับตนไม่เห็นหรือ ท่านหมื่นตำหนิว่าทำให้จ้อยเสียงาน เกศสุรางค์อ้าปากจะขอไปด้วย ท่านหมื่นขัดอย่างรู้ทันว่าไม่ได้ หญิงสาวหน้าเจื่อนสลดลง ท่านหมื่นเห็นก็ใจอ่อนน้ำเสียงนุ่มนวลลง
“เห็นจะไม่ได้หรอก ด้วยว่าข้ามีราชการสำคัญ”
เกศสุรางค์อยากรู้ว่าราชการอะไร ท่านหมื่นทำตาดุ ...ออกญาโหราธิบดีเดินออกมากับจำปา ทักท่านหมื่นด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติ จำปาว่าเห็นจัดเครื่องแต่งตัวใหม่ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ออกญาพูดยิ้มๆว่าคงมีคนได้อวยโขในวันนี้ น่ายินดีจริงๆ เกศสุรางค์ยิ่งสงสัยใคร่รู้
“ขุนหลวงกลับมาประทับพระนครค่อยอุ่นใจ” จำปาเอ่ยขึ้น แต่ออกญากลับบอกว่า
“แม่จำปา พอท่านเสร็จพิธีวันนี้ก็กลับละโว้ตามเดิมนั่นแหละหนา”
“อพิโธ่ น่าจะประทับให้นานหน่อย ละโว้มีอะไรดีถึงโปรดเหลือเกิน...แม่การะเกด! ยืนอ้าปากฟังไม่กะพริบตา...
เอ้า...จะพูดอะไร” จำปาหันมาเห็นหน้าเกศสุรางค์เธอรีบขอตัวเดินไป จำปาบ่นไล่หลัง “แม่คนนี้ ข้าเหลือจะทนกับนางเสียจริ๊ง ดูทีรึ...นางหูตาว่องไวคอยฟังอยู่”
“คงอยากรู้เต็มประดาตามวิสัยนาง” ออกญามองตามอย่างขำๆ
ขณะที่หมื่นสุนทรเทวาจะลงเรือ ก็เอ่ยถามจ้อยว่า การะเกดคุยอะไรด้วย จ้อยตอบว่านางขอไปด้วย ท่านหมื่นแอบขำ เพราะรู้ว่านางคงอยากรู้ว่าตนทำงานที่ไหน ป่านนี้ผินกับแย้มคงต้องตอบคำถามเป็นสิงคลีอยู่ ซึ่งหมายความว่าวุ่นวายพัลวัน
จริงอย่างที่ท่านหมื่นคาด เกศสุรางค์กำลังซักไซ้ผินกับแย้มว่าทำไมพระนารายณ์ต้องไปอยู่เมืองละโว้ ผินรีบแก้ว่าต้องเรียกว่าขุนหลวงนารายณ์เพราะท่านเป็นกษัตริย์ นางถามอีกว่าท่านหมื่นเข้าวังทำไม แถมออกญายังพูดว่า มีคนได้อวยโขอยู่วันนี้ หมายความว่าอะไร ผินกับแย้มช่วยกันคิดแล้วสันนิษฐานว่า หมายถึงอวยยศ แต่แปลกใจว่าทำไมแม่นายถึงลืมมากขึ้น...
ที่ท้องพระโรงอยุธยา มีข้าราชการมากมายทั้งแขก จีน ฝรั่ง ต่างแต่งตัวตามธรรมเนียมชาติตัวเอง ขุนหลวงนารายณ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ ข้าราชการหมอบเฝ้าอยู่บนพรมเจียมเล็กๆ มีชุดเครื่องหมากวางอยู่ใกล้ๆ... เสียงแตรสังข์ดังขึ้น ทุกคนกราบบังคม ขุนหลวงนารายณ์พระราชทานผ้านุ่งสมปักให้ข้าราชการที่ได้อวยยศ
เย็นวันนั้น หมื่นสุนทรเทวาก้าวขึ้นจากเรือ เกศสุรางค์ปรี่เข้าถามทันทีว่าเขาได้อวยยศเป็นอะไร และหมื่นเรืองได้อวยยศด้วยหรือไม่ ท่านหมื่นจากที่ยิ้มก็หน้าตึงขึ้น ถามอยากรู้มากหรือ เธอตอบอย่างใจคิดว่าที่สุดเลย ท่านหมื่นตาขุ่นบอกให้รอถามเขาเอง ว่าแล้วก็เดินไป










