หลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมักถูกสวดอยู่เป็นประจำแต่ละยุค แต่ละสมัยไม่มีความชัดเจนแน่นอน บางปีชักบันไดหนี บางทีต่อบันไดเลื่อน ขึ้นอยู่กับ “ผู้กุมอำนาจ” ที่ขาดคุณธรรมสุดท้ายคนทำงาน โดนระราน เพราะไม่มีโอกาส วิ่งเต้น ใช้เส้นสายสร้างความเสียหายในภาพรวม ส่งผลกระทบถึงประชาชนเป็นวงกว้างการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษา “แผนผ่าร่างองค์กรสีกากี” เวอร์ชั่นล่าสุด กำหนด “กฎเหล็ก” ขั้นตอนของการเติบโตไว้น่าสนใจหลักเกณฑ์กลาง ทุกคนต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานเพื่อเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณา ยึดอาวุโส ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ต้องดำรงตำแหน่งในโรงพักไม่น้อยกว่า 2 ปี ทำคดีไม่น้อยกว่า 70 คดีเมื่อดำรงตำแหน่งในโรงพักระดับ 1 แล้วจะไปโรงพักระดับ 2 ไม่ได้เว้นแต่เจ็บป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือถูกลงโทษทางวินัยเกินกว่าภาคทัณฑ์ ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก กรณีปฏิบัติงานตามหน้าที่และอยู่ระหว่างอุทธรณ์/ฎีกาหากให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ขั้นตอนการเติบโต ผู้ที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือปริญญาตรีด้านกฎหมาย ต้องเริ่มดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวน ปฏิบัติงานอย่างน้อย 2 ปี ถึงมีสิทธิเลื่อนเป็นสารวัตรโรงพักระดับ 2 แล้วเลื่อนโรงพักระดับ 1 เช่นเดียวกับตำแหน่งรอง ผกก.และ ผกก. ต้องไต่จากโรงพักระดับ 2 ถึงจะขึ้นโรงพักระดับ 1นอกจาก สอบได้ลำดับ 1 ของแต่ละรุ่นในหลักสูตรสารวัตร หลักสูตรผู้กำกับผู้จะเป็น ผกก. ผบก. ผบช. (ฝ่ายปฏิบัติการ) ไปถึงยอดตำแหน่ง ผบ.ตร. ต้องผ่านงานสอบสวน 2 ปี และต้องร่วมรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนมาไม่น้อยกว่า 70 สำนวนหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งตำรวจเหล่านี้จะ “ตีตราเป็นกฎหมาย”ทั้งนี้ ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ เป็นข้อบังคับแต่งตั้งตามวาระประจำปีอย่างเคร่งครัดไม่ใช่คิดจะเรียนทางลัด กระโดดชกข้ามรุ่น หมกมุ่นแย่งเก้าอี้ เพราะมี ผู้กุมอำนาจ คอยหนุนหลังทำระบบแต่งตั้งโยกย้ายพังพินาศ ขาดความเป็นธรรม!!!สหบาท