ปฏิทินเวลาปี 2568 เดินมาถึงจุดสิ้นสุด ครบรอบ 1 ปี รอส่งไม้ต่อเข้าสู่ห้วงเวลาปีใหม่ 2569 ท่ามกลางสารพัดเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นมากมายที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด และจุดพลิกผันการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจ ส่งผลให้การเมืองไทยดุเดือดทวีความร้อนแรงตลอดปี“ทีมการเมืองไทยรัฐ” ขอย้อนเวลาไปทบทวนความทรงจำถึงสถานการณ์สำคัญทางการเมืองรอบปีที่ผ่านมาประเดิมวัดพลังการเมืองกันตั้งแต่ต้นปี วันที่ 1 ก.พ. ผ่านเวทีเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 47 จังหวัด แม้จะเป็นสนามท้องถิ่น แต่ทุกพรรคส่งผู้สมัครแย่งเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นดุเดือด หวังต่อยอดสร้างความได้เปรียบในสังเวียนเลือกตั้งใหญ่สนามซ้อมใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยคว้าเก้าอี้นายก อบจ.ได้มากสุด 16 เก้าอี้ รองมาคือ พรรคภูมิใจไทย 14 เก้าอี้ แต่ที่พลาดเป้ามากสุดคือ พรรคประชาชน ได้แค่เก้าอี้เดียว ที่ จ.ลำพูนช่วงต้นปีพรรคเพื่อไทยประคองทรงดี ครองเจ้าสนามอบจ. จากแรงขับเคลื่อนของนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วยเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ยึดเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นภาคอีสาน ภาคเหนือ เป็นกอบเป็นกำบารมีนายใหญ่ฟูเฟื่องต่อเนื่อง นับจากได้พักโทษออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ปี 2567 ยันปี 2568 เล่นบท สทร.กำหนดทิศทางการเมือง เศรษฐกิจ เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของรัฐบาลควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ปกปักรัฐบาลลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ที่เริ่มระหองระแหงกับพรรคร่วมรัฐบาลในการทำงาน โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยที่ต่างฝ่ายต่างซ่อนมีดรอจ้วงหลังหากสบจังหวะสถานะ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ตบๆจูบๆ แต่ต้องทนหวานอมขมกลืน มีเรื่องให้ขัดแข้งขัดขากันตลอด ทั้งนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกรัฐบาล “แพทองธาร” หักดิบนำกัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติดขณะที่โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เรือธงใหญ่พรรคเพื่อไทย ถูกพรรคภูมิใจไทยปลุกกระแสสังคมต่อต้านการตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องถอยทัพถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรออกจากวาระไปพิจารณาทบทวนใหม่หรือการแก้รัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติที่พรรคเพื่อไทยเป็นตัวตั้งตัวตี แต่ถูกเตะถ่วงจากพรรคภูมิใจไทย กว่าจะตั้งลำได้ก็เสียเวลาไปมากมายแม้จะจัดดินเนอร์กระชับสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล แสดงความสามัคคี ยืนยันการทำงานยังราบรื่น แต่กลบเกลื่อนรอยร้าวไม่สนิทความสัมพันธ์ค่ายแดง-น้ำเงิน ช้ำเลือดช้ำหนองต่อเนื่อง เข้าสู่ช่วงกลางปี เดือน มิ.ย. ความแค้นสะสม 2 พรรค มาถึงจุดใกล้แตกหัก“นายกฯอิ๊งค์” เรียก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยขณะนั้น เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล เจรจาขอคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ต่อรองแลกเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข ขีดเส้นตายต้องให้คำตอบภายในเวลาที่กำหนด แต่ถูก “เสี่ยหนู” ปฏิเสธข้อเสนอดีลแฝงซ่อนเกมอำนาจ นายใหญ่ส่งสัญญาณชัด หัวเด็ด ตีนขาดยังไงต้องยึดเก้าอี้ มท.1 คืนให้ได้ เพื่อเตรียมการรองรับการเลือกตั้งในอนาคตจังหวะการเมืองตึงเครียด ในช่วงคาบเกี่ยวความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่เริ่มไต่ระดับความรุนแรง ตั้งแต่การปะทะเล็กน้อย ไปสู่การปิดด่านชายแดน กระทั่งเกิดเหตุวันเสียงปืนแตก 24 ก.ค. 2568 ทหาร 2 ฝ่ายเปิดฉากปะทะภาคแรก ซัดอาวุธหนักใส่กันหนักหน่วง อยู่ 5 วัน ก่อนจะไกล่เกลี่ยหยุดยิงผสมโรงไปกับคลิปหลุดบทสนทนา “หลานอิ๊งค์-อังเคิลฮุน เซน” ที่นายกฯหญิงไทยแสดงท่าทีอ่อนข้อ ขอยอมตามสิ่งที่ฮุน เซนอยากได้ และเปิดฉากซัด “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเราจุดพายุอารมณ์คนไทยรุมประณาม “นายกฯอิ๊งค์” ยับเยิน ไม่ปกปักผลประโยชน์ประเทศ วิกฤติศรัทธาถาโถมนายกฯหญิง แต้มความนิยมหายเกือบหมดหน้าตักมุมมองประชาชนคาใจวิกฤติความมั่นคงประเทศคือ ผลพวงเกมเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ความขัดแย้งผลประโยชน์ระหว่าง 2 ตระกูลผู้นำไทย-กัมพูชาฟาก “เสี่ยหนู” ฉวยจังหวะ “นายกฯอิ๊งค์” หมดแต้มความเชื่อมั่น ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถึงเวลาแตกหัก สิ้นสุดทางลากต้องปรับใหญ่ ครม.เดือน ก.ค. ดึงพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาเติมเสียงแทนพรรคภูมิใจไทย โยก นายภูมิธรรม เวชยชัย จาก รมว.กลาโหม เป็นรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยแต่บริหารงานต่อได้ไม่กี่อึดใจก็ติดบ่วงนิติสงคราม ถูก สว.สีน้ำเงินยื่นศาลรัฐธรรมนูญสอย “นายกฯอิ๊งค์” ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงคุยกับฮุน เซน ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ในที่สุดวันที่ 29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 6 ต่อ 3 ให้ “แพทองธาร” กระเด็นจากเก้าอี้นายกฯอวสานรัฐบาลเพื่อไทย รัฐมนตรีสิ้นสภาพยกคณะ การเมืองโกลาหล ต้องรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลใหม่พรรคเพื่อไทยเดินเกมจับขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ส่ง “ทักษิณ” เจรจาพรรคประชาชน ดีล “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ให้ค่ายสีส้มหนุน “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 รับช่วงนายกฯคนต่อไป แต่สุดท้ายพ่ายเหลี่ยมพรรคภูมิใจไทยที่ย่องล็อบบี้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เซ็นข้อตกลงเอ็มโอเอ หนุน “เสี่ยหนู” ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยไม่ขอรับโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือ พรรคภูมิใจไทยต้องร่วมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้เสร็จใน 4 เดือน แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ค่ายส้มพลิกบทจากฝ่ายค้านเป็นฝ่ายค้ำ ขานชื่อพร้อมเพรียงยกพรรค ส่ง “เสี่ยหนู” เป็นนายกฯคนที่ 32 พลิกสถานะหนูเป็นราชสีห์ตรงกันข้ามกับอาการกู่ไม่กลับของพรรคเพื่อไทย เสียทั้งเก้าอี้นายกฯ อำนาจรัฐบาลหลุดมือยังไม่พอ ฝั่งตัวพ่อ “ทักษิณ” ก็ถึงวันสิ้นอำนาจและอิสรภาพศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้ขาดกระบวนการพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ถูกต้อง พิพากษาส่งตัวกลับไปติดคุกจริง 1 ปี คอตกเข้าเรือนจำแต่ที่กระทบหนักหน่วงคือ พรรคเพื่อไทยเลือดทะลัก ลูกพรรคย้ายหนีไปตายดาบหน้าหักมุมกับ “นายกฯหนู” ที่นั่งเก้าอี้ผู้นำ ควบ รมว.มหาดไทย ก็ไล่ย้ายกลับอธิบดี ผู้ว่าฯที่เคยถูกเด้งสมัยนายภูมิธรรมเป็น มท.1 คัมแบ็กสู่ตำแหน่งเดิมสีน้ำเงินผงาดเต็มแผง คุมกลไกอำนาจรัฐ ก้าวเป็นหัวขบวนฝ่ายอนุรักษ์นิยม แม้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่บารมีครบเครื่อง เพียบพร้อมทั้งสรรพกำลัง อำนาจรัฐ กระสุนดินดำ และกำลังภายในบ้านสีน้ำเงินหัวกระไดไม่แห้ง ทีมบ้านใหญ่จากทุกพรรค กลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆตบเท้าร่วมทัพ เปิดตัวบิ๊กเนมแทบทุกวันทั้ง วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา 2 ขาใหญ่เมืองชลฯ “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม-“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ที่ยุบค่ายบ้านใหญ่-บ้านใหม่ มาสวามิภักดิ์ รวมทั้ง นิพนธ์ บุญญามณี จากค่ายประชาธิปัตย์ ไม่เว้นแม้กระทั่งคู่ปรับพรรคเพื่อไทย ก็พ่ายพลังดูด ย้ายขั้วมาหลายคนขุมกำลังภูมิใจไทยฟูเฟื่อง แต่ดันพลาดท่าสอบตกการบริหาร แพ้ภัยธรรมชาติ สำลักน้ำท่วมหาดใหญ่ โดนด่าหูชา แก้ปัญหาอุทกภัยภาคใต้ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยชาวบ้านจมน้ำตามยถากรรมด่างพร้อยพอๆกับการแก้ปัญหาโจรสแกมเมอร์ ถูกเพ่งเล็งไม่กล้าถอนรากถอนโคน เพราะมีภาคการเมืองเกี่ยวข้อง ถูกครหามัวหมองไปหลายคน อาทิ นายวรภัค ธันยาวงษ์ ต้องไขก๊อกเก้าอี้ รมช.คลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ติดบ่วงร่วมเฟรมถ่ายรูป เบน สมิท เจ้าพ่อขบวนการฟอกเงินกัมพูชานายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว อดีต สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม ถูก ปปง.อายัดทรัพย์พัวพันเว็บพนันออนไลน์ แม้กระทั่ง “นายกฯหนู” และ ครม.ในรัฐบาลก็พลอยแปดเปื้อน โดนขุดภาพเก่าในอดีตร่วมกับเจ้าพ่อทุนเทา เบน สมิท เพิ่มน้ำหนักให้สังคมยิ่งปักใจเชื่อ มีคนในรัฐบาลโยงทุนเทาไฟลนก้นผู้นำประเทศต้องรีบกู้ภาพลักษณ์ เร่งยึดทรัพย์เครือข่ายนายทุนที่เชื่อมโยงผลประโยชน์สีเทา ไล่ทุบหม้อข้าวผู้นำรัฐบาลกัมพูชากระตุ้นไฟสงครามไทย-กัมพูชา ปะทุรอบสองช่วงปลายปี หนักหน่วง ยาวนานกว่ารอบแรก ขยายแนวสู้รบจาก 4 จังหวัดภาคอีสานสู่พื้นที่ภาคตะวันออก ต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธหนัก รบกันเต็มรูปแบบ ยังไม่รู้จะจบลงอย่างไรขณะที่สงครามการเมืองช่วงปลายปีก็เดือดหนักไม่แพ้สมรภูมิชายแดน เกิดจุดพลิกผันพรรคภูมิใจไทยโหวตล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256/28 ให้คงอำนาจเสียง สว. 1 ใน 3 ในการแก้รัฐธรรมนูญ ฉีกเอ็มโอเอพรรคประชาชนค่ายเซราะกราวล่มฝันพรรคส้มในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องแลกมากับการชิงยุบสภา แก้เกมพรรคประชาชนที่เตรียมรุกฆาต ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่ในวิกฤติก็เหมือนเป็นโอกาสให้ “นายกฯหนู” ในฐานะรัฐบาลรักษาการ ได้คุมกลไกอำนาจรัฐ ชิงความได้เปรียบทางการเมืองก่อนถึงวันเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569“นายกฯหนู” ฉวยจังหวะปลุกกระแสชาตินิยม ปั่นแต้มสนุกมือ เปิดศึกปะทะเดือดสงครามไทย-กัมพูชา เร้าอารมณ์ความรู้สึกคนไทยที่อยากให้รัฐบาลใช้ความเด็ดขาดเผด็จศึกกองทัพกัมพูชา ให้มันจบที่รุ่นเราไม่สนยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยที่องค์กรสหประชาชาติ หรือผู้นำโลก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กดดันให้หยุดยิงภาวะที่ประเทศไทยต้องเดินเกมรัดกุมและรอบคอบ ควบคู่กันไปในมิติการสู้รบเพื่อรักษาอธิปไตย และการทูตเชิงรุกยุคใหม่ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นานาชาติรักษาสมดุลด้านความมั่นคงไปพร้อมกับมิติเศรษฐกิจ ไม่ให้ประเทศไทยเผชิญแรงกดดันจากนโยบายประเทศมหาอำนาจที่ใช้สงครามการค้ามาแทรกแซงให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเวทีโลกนานาเหตุการณ์ตลอดปี 2568 ที่เกิดขึ้น ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย มีทั้งจุดสิ้นสุดอำนาจเก่า และจุดเริ่มต้นอำนาจใหม่ภาพรวมปี 2568 จึงเป็นปีแห่งความผกผันอย่างแท้จริง ที่จะต้องขับเคี่ยวต่อไปอย่างเข้มข้นในปี 2569."ทีมการเมือง"คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม