ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง จากข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ทหารไทยต้องเสียขาเป็นรายที่ 11 จากการเหยียบทุ่นระเบิด กองทัพเตรียมรวมหลักฐานเสนอเวทีโลก เขมรผิด อนุสัญญาออตตาวา รวมถึงการพบโดรนกัมพูชาล้ำอธิปไตยไทยกว่า 250 ลำ ลั่นอาจจำเป็นต้องทบทวนการปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา ด้านกระทรวงบัวแก้ว แถลงผลการประชุมสามฝ่าย “จีน-ไทย-กัมพูชา” จบลงด้วยดี จีนพร้อมให้ความช่วยเหลือ แทบทุกด้าน ทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปจนถึงช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทันทีแก่ผู้พลัดถิ่นในพื้นที่ชายแดนความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาหลังข้อตกลงจากการประชุม GBC ที่ จ.จันทบุรี ที่แม้ผ่าน 24 ชั่วโมงแรกไปด้วยดี แต่ก่อนครบ 48 ชั่วโมง ปรากฏว่าในช่วงสายวันที่ 29 ธ.ค. ทหารไทยต้องเสียขาอีกครั้งจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ เป็นขาที่ 11 โดยเมื่อเวลา 11.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจข่าวทหารโพสต์ข้อความว่า กองทัพบกรายงานว่าเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ทราบชื่อคือ จ.ส.ต.สุจินต์ จิตกรียาน สังกัดกองพันทหารช่างที่ 8 กองพลทหารม้าที่ 1 เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เหยียบกับระเบิดสังหารบุคคลขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างพื้นที่สัตตะโสม (อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ) ที่ยึดคืนมาได้ แรงระเบิดส่งผลให้ขาซ้ายขาด มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ตาซ้าย เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่ง รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลบึงมะลู ก่อนส่งต่อ รพ.กันทรลักษ์ และประสานเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายด่วนไปยัง รพ.สุรินทร์ต่อมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึง จ.ส.ต.สุจินต์ จิตกรียาน เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลขณะปฏิบัติภารกิจบริเวณเขาสัตตะโสม ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียขาซ้าย และมีบาดแผลบริเวณตาซ้าย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ายังมีทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาติดตั้งไว้ในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่ฝ่ายไทยเข้าควบคุมก่อนมีการประกาศหยุดยิง ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ด้วยความยากลำบากพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกองทัพบกจะส่งมอบข้อมูลทั้งหมดให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งรายงานไปยังคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team : AOT) เพื่อให้ตรวจสอบและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามกรอบการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง กองทัพบกขอยืนยันว่า หลักฐานการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในทุกกรณี บ่งชี้ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งถือเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาฯอย่างร้ายแรง ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกไม่อาจยอมรับได้โฆษก ทบ.กล่าวเพิ่มเติมในเวลาต่อมาถึงสถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค. ที่มีการตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) บินจากฝั่งกัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของประเทศไทยกว่า 250 ลำ พบการเคลื่อนไหวอย่างหนาแน่นในพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า เขาสัตตะโสม ซำแต โดนตวล ช่องกร่าง ปราสาทตาเมือนธม และช่องสายตะกู การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการยั่วยุ และละเมิดมาตรการลดระดับความตึงเครียด อันเป็นการไม่สอดคล้องกับถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) จากผลการประชุม GBC เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้โฆษก ทบ.ย้ำว่าพฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชายังคงกระทำในลักษณะยั่วยุ และมีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อฝ่ายไทย อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของกำลังพล รวมถึงประชาชนแนวชายแดน กองทัพบกอาจมีความจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการปล่อยตัวกำลังพลฝ่ายกัมพูชา 18 นาย ตามสถานการณ์และพฤติกรรมที่เกิดขึ้น กองทัพบกขอยืนยันว่าประเทศไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติ และให้ความสำคัญกับการลดความตึงเครียดผ่านกลไกที่มีอยู่ หากยังพบมีการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามหน้าที่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในการเดินทาง จ.บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ ว่า ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงและกองทัพ โดยทั่วไปเรียบร้อยดี ส่วนการกลับบ้านของประชาชนตามแนวชายแดนในส่วนที่ทางการเห็นว่าปลอดภัยเริ่มทยอยกลับแล้ว อย่างที่ จ.บุรีรัมย์ เกือบ 2 หมื่นคน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ได้รับรายงานว่า ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 2 พันกว่าคนส่วนการที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พบกับนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศของจีน ที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่าได้รับรายงานแล้วว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดี และจีนยังบอกถึงการให้เงินช่วยเหลือกัมพูชาในเรื่องความเสียหายจากสงคราม 20 ล้านหยวนนั้น ไทยก็ได้โดยจีนแจ้งมาจากนั้น นายอนุทินเดินทางไปที่ฐานปฏิบัติการเฝ้าระวังปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ร่วมทานอาหารกลางวัน และเดินดูชีวิตความเป็นอยู่ของกำลังพลก่อนเดินทางต่อไปยังบริเวณปราสาทตาควาย ทำความเคารพอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทย แวะสักการะรูปปั้นพระใหญ่ และพูดคุยทักทายให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ รวมถึงได้พูดคุยกับหลวงตาเยื้อน วัดเขาศาลา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ แล้วไปต่อยังเนิน 350 เพื่อให้กำลังใจและขอบคุณกำลังพลที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ เดินไปดูจุดที่ร่างของ 2 ทหารกล้า (จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน และพลฯภานุพัฒน์ เสาร์สา) เสียชีวิตที่ช่วงแรกยังไม่สามารถนำร่างลงมาจากเนิน 350 ได้ ซึ่งนายกฯได้ยกมือไหว้ เป็นการแสดงความเคารพ บริเวณจุดที่ทหารพลีชีพ ก่อนจะร่วมถ่ายภาพกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเนิน 350ขณะที่ตลอดวัน ศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ พากันทยอยปิดตัว หลังทางการประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเดินทางกลับบ้านได้ ทำให้ชาวบ้านที่เหลือจัดเก็บสัมภาระกลับบ้านด้วยความดีใจ อาทิ ศูนย์พักพิงชั่วคราว วัดแก่งหินเทิน ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รับผู้อพยพมาจาก จ.สระแก้ว ชาวบ้านเก็บสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่พามาด้วย ขึ้นรถยนต์ที่ทางการจัดไว้ โดยต่างบอกว่าดีใจที่ได้กลับบ้านอีกครั้งและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ดูแลเป็นอย่างดีสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยการปะทะ ผู้นำชุมชนและ ชรบ.ในแต่ละหมู่บ้านได้ออกสำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา โดยนางสาววิมล แข่งเพ็ญแข ผู้ใหญ่บ้านบ้านไทยสันติสุข ต.บักได ใกล้ปราสาทตาควาย หนึ่งในจุดกระสุนตกอย่างหนัก เปิดเผยว่า การปะทะกันในครั้งนี้หนักมาก มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายหนักๆประมาณ 4-5 หลัง และที่โดนสะเก็ดระเบิดอีกประมาณ 10 กว่าหลัง ส่วนพื้นที่ทางการเกษตรยังไม่ได้สำรวจ คาดว่าน่าจะเสียหายเยอะ ต้องรอชุด EOD เข้ามาสำรวจก่อน เช่นเดียวกับที่ บ.ไทยนิยมพัฒนา ที่อยู่ติดกันพบว่าศาลาการเปรียญวัดบ้านไทยนิยมพัฒนาราม และกุฏิด้านหลังวัด ถูกจรวด BM-21 ของทหารกัมพูชายิงมาตกใส่รอบที่ 2 พังเสียหายหนัก ส่วนทุ่งนาบริเวณทิศใต้ของหมู่บ้านด่าน ม.18 ต.ด่าน อ.กาบเชิง พบรอยลูกปืนใหญ่ไม่ทราบชนิดตกใส่เป็นหลุมกว้าง จำนวน 3 หลุม และพบเศษเหล็กของหัวระเบิดไม่ทราบชนิดตกอยู่ ซึ่งต้องรอชุด EOD เข้ามาตรวจสอบต่อไปขณะที่ จ.สระแก้ว มีการระดมเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีจากตำรวจภูธรภาค 2 และใกล้เคียง รวม 8 จังหวัดภาคตะวันออก เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงและเก็บกู้วัตถุระเบิดที่อาจหลงเหลือจากเหตุปะทะ พื้นที่เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ซึ่งพบวัตถุอันตรายทั้ง กระสุนปืน ค.40 ค.60 ค.82 RPG และจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ตกค้างจำนวนมากต่อมาในช่วงเย็น กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่แถลงการณ์การประชุมฟู่เสียน จีน-กัมพูชา-ไทย เป็นผลลัพธ์ของการประชุม 3 ฝ่าย ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ณ บริเวณทะเลสาบฟู่เสียน เมืองหยูซี มณฑลยูนนาน ในวันที่ 29 ธ.ค. มีสาระสำคัญในประเด็นที่จะเสริมสร้างความมั่นคงของการหยุดยิง และการร่วมมือกันเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อฟื้นฟูการติดต่อแลกเปลี่ยนตามปกติ สร้างความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างกันขึ้นใหม่ ปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคีกัมพูชา-ไทย และคุ้มครองเสถียรภาพของภูมิภาค โดยทั้งสามฝ่ายสนับสนุนบทบาทของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) จีนพร้อมให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดแก่กัมพูชาและไทยในการดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ผ่านคณะทำงานประสานงานร่วมและข้อตกลงทวิภาคีส่วนการร่วมมือเพื่อฟื้นฟูการติดต่อแลกเปลี่ยนตามปกติ นอกจากฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนและการสื่อสารในทุกด้านและทุกระดับแล้ว ยังรวมถึงการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้พลัดถิ่นในพื้นที่ชายแดน โดยจีนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยทันที เพื่อตอบสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของผู้พลัดถิ่นในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบขณะที่ความรับผิดชอบร่วมกันคือการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค กัมพูชาและไทยแสดงความมุ่งมั่นที่จะระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี และร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคในการรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายร่วมกัน ตามกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้งสามประเทศเห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน อาทิ การหลอกลวงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภูมิภาคต่อมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการหารือ 3 ฝ่าย ระบุการประชุม ฝ่ายจีนเป็นเจ้าภาพก็เป็นไปด้วยดี สำหรับฝ่ายไทยถือว่าบรรลุผลอย่างที่เราคาดหวัง บทบาทของจีนเขาไม่ได้เข้ามาแทรกแซง แต่มาอำนวยความสะดวกให้เราได้มาเจอกัน ไทยยืนยันมาตลอดว่าเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชาต้องแก้ไขระหว่างสองประเทศ ที่ต้องแก้ไขให้ได้ จุดนี้ที่สำคัญคือเรามีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว เราต้องการให้มีความยั่งยืน ประเด็นที่สำคัญที่สุดและเราย้ำคือความจริงใจที่มีต่อกัน ต้องพิสูจน์ด้วยการหยุดยิงที่ยั่งยืน ขั้นต่อไปคือการลดการเผชิญหน้า คือการลดกำลังทหาร ไม่ใช่ลดฝ่ายเดียวแต่ลดทั้งสองฝ่าย ลดอาวุธหนัก ถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นอีกขั้นที่เราต้องทำตามที่เราเคยตกลงกันไว้แล้ว เรื่องการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะขบวนการสแกมทั้งหลาย เพราะมันมีผลกระทบไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศทั้งสอง มีผลกระทบไปยังประเทศและภูมิภาคอื่นด้วย สุดท้ายมาดูการทำงานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) เรื่องปักปันเขตแดนต้องใช้เวลา แต่เราต้องเดินหน้าในสิ่งเหล่านี้ นายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า ถ้าหยุดยิง 72 ชั่วโมงไม่มีปัญหาอะไร เราจะเริ่มขบวนการมอบทหารกัมพูชา 18 คนให้กัมพูชา จะดำเนินการโดยมีคณะกรรมการกาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี) เป็นสักขีพยานด้วย เพื่อให้รับรองว่าระหว่างที่ทหารกัมพูชาอยู่ในการดูแลของฝ่ายไทย เขาได้รับการปฏิบัติอย่างดี ขอให้กัมพูชาพิจารณาเรื่องการอำนวยความสะดวกถ้ามีคนไทยติดค้างที่ปอยเปต ขอให้อำนวยความสะดวกให้คนไทยได้เดินทางกลับมาได้โดยปลอดภัยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่