การยุบพรรคอนาคตใหม่ทำท่าจะวิวาทะระหว่างประเทศ เมื่อกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ ชี้แจงว่าการยุบพรรคเป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญไทย ยืนยันว่าประเทศไทยยังมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างคุณค่าประชาธิปไตย และเชื่อว่ามิตรประเทศจะเคารพอธิปไตยของไทย และสนับสนุนไทยในการปฏิบัติตาม ก.ม.สูงสุดแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหลังจาก ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ หลายประเทศออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รัฐสภาอาเซียน และรัฐบาลแคนาดา เป็นต้น สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯแถลงการณ์ว่าการยุบพรรคอาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิของผู้ที่ลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่กว่า 6 ล้านคนสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งเป็นตัวแทน ของ 28 ประเทศในยุโรปออกแถลงการณ์ว่า การยุบพรรคและตัดสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของ ส.ส. เป็นก้าวย่างที่ไม่สอดคล้องต่อการฟื้นฟูประชาธิปไตยของไทย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แม้แต่สหภาพรัฐสภาอาเซียน ซึ่งมี ส.ส.ติมอร์เลสเตอยู่ด้วย ก็สอนบทเรียนประชาธิปไตยไทยเป็นเรื่องของความเห็นต่างกระทรวงการต่างประเทศ อาจมองแบบไทยๆ มองว่าเมื่อเลือกตั้งแล้วก็คือประชาธิปไตย แต่ประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนา เห็นว่าแค่เลือกตั้งยังไม่พอ ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพจริง และอาจประหลาดใจว่ารัฐธรรมนูญไทยให้ยุบพรรคได้ด้วยหรือ เพราะประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนา ไม่มียุบพรรคแม้แต่ ส.ส.อาเบล ดา ซิลวา แห่งรัฐสภาติมอร์เลสเต ประเทศเล็กๆที่ไทยเคยเข้าไปรักษาความสงบ ในขณะที่มีสงครามกลางเมือง ก็ยังร่วมออกแถลงการณ์ “สอนมวยประชาธิปไตย” ไทยว่า ถ้าต้องการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในคำสัญญาที่จะคืนสู่ประชาธิปไตย ประเทศไทยควรทบทวน และแก้ไขกฎหมายที่กดขี่ ให้สอดคล้องมาตรฐานสากลกระทรวงการต่างประเทศอาจรู้สึกว่า กล้าดีอย่างไรถึงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของไทย แต่ไทยเคยถูกต่างประเทศแทรกแซงยิ่งกว่านี้ ในช่วงต้นของรัฐบาล คสช.หลังรัฐประหาร กลุ่มสหภาพยุโรปบีบให้แก้ไขกฎหมายประมงที่ผิดกฎหมายหรือไอยูยู ขณะที่สหรัฐฯบีบให้ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐ และแก้กฎหมายค้ามนุษย์ และไทยก็ยินยอมรัฐบาลยังอ้างจนถึงวันนี้ ว่าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายการค้ามนุษย์ และการแก้กฎหมายประมง เป็นผลงานชิ้นเอกของรัฐบาลอียูบอกเลิกการเจรจาความตกลงการค้ากับไทย นานถึง 5 ปี หลังรัฐประหาร เพิ่งจะกลับมาเจรจาใหม่ในขณะนี้ แต่หวังว่าคงจะไม่ถือว่ากรณียุบพรรคเป็นอุปสรรคสำคัญ.