เมื่อ “คนอยากเลือกตั้ง” ประกาศจะนัดชุมนุม เมื่อพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ประกาศว่า “อย่าล้ำเส้น” นักข่าวรุ่นผม เคยมีความหลังอยู่กับสนามหลวง ก็คิดถึงต้นมะขามสนามหลวงใน “หมายเหตุประเทศสยาม” เล่ม 8 (บริษัท 959 พับลิชชิง จำกัด พ.ศ.2549) เรื่องที่ 378 เอนก นาวิกมูล เขียนเรื่องรื้อกำแพงวังหน้า เพิ่มพื้นที่สนามหลวง พ.ศ.2440สนามหลวง สมัย ร.1-ร.4 มีเพียงครึ่งเดียวของปัจจุบัน คือด้านพระบรมมหาราชวัง เพิ่งมาขยายเต็มที่ เมื่อรื้อกำแพงวังหน้า สมัย ร.5หนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13 มีเรื่องวังหน้า พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อกล่าวถึงแผนที่วังหน้า...ว่า เมื่อเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวร หรือวังหน้าแล้วต่อมา ป้อมปราการต่างๆ ก็ชำรุดทรุดโทรมลงโดยลำดับ ร.5 ทรงพระราชดำริว่า จะลงทุนบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้น ก็ไม่เป็นประโยชน์อันใด ควรรักษาไว้แต่ที่เป็นสิ่งสำคัญ“จึงโปรดให้รื้อป้อมปราการสถานที่ต่างๆ ส่วนชั้นนอกข้างด้านตะวันออกลง เปิดที่เป็นสนามหลวง”เมื่อเสด็จกลับจากประพาศนานาประเทศในยุโรปครั้งแรก รัตนโกสินทร์ศก 116 พ.ศ.2440 ทรงจัดการตกแต่งพระนครให้ไพบูลย์ขึ้น โปรดให้ข้างตะวันออกทำถนนราชดำเนินในและท้องสนามหลวงขยายต่อขึ้นไปข้างเหนือ จึงรื้อป้อมปราการสถานที่ต่างๆต่อไปอีกคงไว้แต่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสแต่เหตุใด รอบสนามหลวงต้องปลูกต้นมะขาม ทำไมไม่เป็นต้นอื่น...ส.พลายน้อย ตั้งคำถามนี้เป็นชื่อเรื่อง ไว้ในหนังสือ ร้อยแปดเรื่องเมืองไทย (สำนักพิมพ์สารคดี พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2545)ตามที่สังเกตจากพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 5 จะพบว่าถ้าเป็นต้นไม้มีดอก มีผล ต้องมีคนดูแลแล้ว โปรดให้ปลูกในเขตพระราชฐาน ส่วนต้นไม้ใหญ่ ทนแดดทนฝนจะอยู่ตามถนนต้นไม้ต่างๆ มีผู้น้อมถวาย เช่น ต้นมะขามเคยมีผู้ถวายคราวเดียว 200 ต้นจึงพอเข้าใจได้ว่า มะขามมีมาก หาง่าย เหมาะสำหรับปลูกรอบสนามหลวง และตามถนนพระราชดำเนิน เพราะจะหาต้นไม้อย่างอื่นมากๆได้ยากในพระราชหัตถเลขา ถึงเจ้าหมื่นเสมอใจราช (เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์) ตอนหนึ่งว่า ไปแลเห็นต้นมะขามตามถนนดวงตวัน (ปัจจุบัน ถนนศรีอยุธยา) ปลูกตลอดแล้ว ดูน่ารักส.พลายน้อย สรุปว่า เพราะต้นมะขามหาได้ง่าย มีขนาดไม่สูงปิดบังอาคาร มีความทนทาน เมื่อมีความสมบูรณ์ใบเขียวสดเป็นพุ่มงามตา บังแดดได้ดีจึงเป็นต้นไม้ชนิดเดียวที่ถูกเลือกมาปลูกไว้รายรอบสนามหลวง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2443จนถึงปี 2543 ครบ 100 ปี รอบสนามหลวง ยังมีต้นมะขามทั้งสิ้น 734 ต้นมะขามต้นหนึ่ง ในจำนวนนั้น ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เคยถูกใช้เป็นที่แขวนคอนิสิตนักศึกษาคนหนึ่ง โดยน้ำมือพวกคลั่งชาติภาพถ่ายภาพนี้ สำนักข่าวเอพีได้รางวัลพูลิตเซอร์ส่วนภาพหน้าหนึ่ง นสพ.ไทยรัฐ นอกจากมีภาพนักศึกษาถูกแขวนคอภาพเดียวกัน ยังมีไอ้บ้า...อีกคน โหนกิ่งมะขามถีบหน้า สะท้อนความชิงชังคั่งแค้น...มากขึ้นไปอีกผมนึกเรื่องนี้ แล้วก็ใจคอไม่ดี ทุกครั้งของโศกนาฏกรรมใหญ่ มักเริ่มจากใครฝ่ายหนึ่ง “ล้ำเส้น” ก่อน แล้วอีกฝ่ายก็ใช้เป็นเงื่อนไขใช้ความรุนแรงล้อมปราบก็ได้แต่ภาวนา โลกพัฒนาก้าวหน้ามาถึงวันนี้ หวังว่า เหตุแรงร้ายคล้าย 6 ตุลาฯ 19 จะไม่เกิดขึ้นอีก.กิเลน ประลองเชิง