ผมอ่านข่าว กทม.ตัดงบสนับสนุน หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 40 ล้านบาท ทั้งที่เป็นหอศิลป์เพียงแห่งเดียว ที่แสดงถึง ความศิวิไลซ์ของกรุงเทพมหานคร ก็นึกถึงพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขึ้นมาทันที “อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า, ใครได้เห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย, ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย, จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสำราญ...”ศิลปะ คือ ความงดงามที่ทำขึ้นอย่างสร้างสรรค์อริสโตเติล นักปราชญ์ชาวกรีก 2,400 ปีก่อน ให้คำนิยามว่า “ศิลปะ คือการเลียนแบบธรรมชาติ” ธรรมชาติเป็นแม่บทสำคัญของศิลปะ ศิลปินอาจจะเพิ่มเติม ตัดทอน ใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปด้วย แต่ก็เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานศิลปะของมนุษย์วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา บริษัทจัดประมูล ซอธเธอบี้ส์ ฮ่องกง จัดประมูล ภาพแอ็บสแทรกต์ขนาดใหญ่ยาว 10 เมตร ชื่อ Juin-Octobre 1985 (มิถุนายน-ตุลาคม 1985) ของ จ้าว หวู่ กี (Zao Wou Ki) ศิลปินจีนฝรั่งเศส ถูกประมูลไปด้วยราคา 65 ล้านดอลลาร์ กว่า 2,100 ล้านบาท น่าจะเป็นภาพที่มีการประมูลแพงที่สุดของศิลปินจีนศิลปินจ้าว เกิดที่ประเทศจีน แล้วไปเติบโตที่ฝรั่งเศส ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก ชอบวาดภาพแอ็บสแทรกชัน ก่อนกลับไปใช้ชีวิตในเมืองจีน หันไปใช้เทคนิคพู่กันจีนและหมึกจีนในการวาดภาพ เขาเสียชีวิตในปี 2013Artprice ศูนย์รวมข่าวตลาดงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายงานว่า ตลาดของงานศิลปะสมัยใหม่ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงถึง 1,744% มีการประมูลงานศิลปะมากถึง 66,850 ชิ้น มากกว่าปีเกิดต้มยำกุ้ง 2000/2001 ถึง 5.5 เท่า ทำรายได้สูงถึง 1,900 ล้านดอลลาร์ 61,750 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยต่อชิ้นอยู่ที่ 28,000 ดอลลาร์ ประมาณ 910,000 บาทรายงานระบุว่า มหาเศรษฐีที่หันมาเล่นภาพศิลปะในยุคนี้คือ “คนจีน” โดยชิ้นงานศิลปะที่มีการประมูลขายใน จีน ฮ่องกง และ ไต้หวัน คิดเป็น 1 ใน 4 ของงานศิลปะที่มีการประมูลกันทั่วโลก โดยมียอดขายใน จีน และ ไต้หวัน เกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ 162,500 ล้านบาท ทำให้ชาวจีนได้ครอบครองงานศิลปะที่มีคุณค่าเป็นจำนวนมากในขณะที่ ศิลปินจีนรุ่นใหม่ ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียง จ้าว หวู่ กี ที่สามารถขายภาพแอ็บสแทรกต์ขนาดใหญ่ได้ในราคา 2,100 ล้านบาท ศิลปินดาวรุ่งรุ่นใหม่ก็ขายภาพได้ราคาแพงเช่นเดียวกัน เช่น จาง เสี่ยว กง, เจิ้ง ฟาน ฉี และ เจิ้น ยี่ เฟย หนึ่งในผลงานที่พวกเขาขายได้ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วคือ ภาพผู้หญิงเศร้าในชุดโบราณที่สวยงามสมจริงมาก สามารถขายได้ในราคา 22.7 ล้านดอลลาร์ กว่า 737 ล้านบาทคุณเธียร์รี เออร์มานน์ ผู้ก่อตั้งอาร์ทไพรซ์ เปิดเผยว่า วันนี้ศิลปินร่วมสมัยจีนราว 1 ล้านคน สามารถขายผลงานเพื่อเลี้ยงชีพได้ ไม่ใช่ศิลปินไส้แห้งอีกต่อไปแล้ว ศิลปินเหล่านี้กำลังครองตลาด และสามารถสร้างผลงานออกมาได้เป็นจำนวนมาก ตลาดงานศิลปะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งแล้ว วันนี้ศิลปินที่มีอายุเพียง 25–30 ปี ก็สามารถสร้างงานศิลปะออกมาประมูลได้แล้ว ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนอาร์ทไพรซ์ ยังพบว่า ราคาเฉลี่ยของผลงานศิลปินก็สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพลายเส้น ภาพวาด งานประติมากรรม วิดีโอ หรือ ศิลปะการจัดวาง มูลค่าเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปี 2000 จากราคาเฉลี่ยชิ้นละ 8,400 ดอลลาร์ มาเป็น 28,000 ดอลลาร์ ลอนดอน นิวยอร์ก ปักกิ่ง และ ฮ่องกง ครองส่วนแบ่งการประมูลงานศิลปะถึง 82% ของโลก แม้แต่ร่างลายเส้นการ์ตูน ของ เจ้าหนูปรมาณู แอสโตรบอย ของ โอซามุ เท็ตซึกะ ก็ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 269,400 ยูโร ราว 10.34 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่กรุงปารีสผมก็เก็บ ความศิวิไลซ์ของโลก มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ผู้บริหารบ้านเมืองซึมซับความศิวิไลซ์ ใกล้ชิดกับธรรมชาติและศิลปะมากขึ้น บ้านเมืองจะได้เจริญจริงๆ เสียที.“ลม เปลี่ยนทิศ”