ผอ.กกต.กทม.ยันพรรค ปชน. เปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ หลังตรวจพบลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วผู้สมัครใหม่ยังคงได้รับหมายเลข ผู้สมัครเดิม แค่ต้อง ชำระค่าสมัครใหม่ 1 หมื่นบาท นักร้องเจ้าเก่าจี้ กกต.สอบเส้นเงินโยงถึงโทษยุบพรรค “เท้ง” ลุยหาเสียงต่ออ้อนชาวปทุมฯ ขอ สส.ยกจังหวัด “ยศชนัน” เดินตลาดเจอแม่ค้าหอมแก้มฟอดใหญ่ ปลื้มคนเริ่มจำชุดนโยบายเพื่อไทยได้ “จุลพันธ์” ค้าน กกต.ไม่ควรให้ถอนตัว คดีทำลายป้ายเป็นหน้าที่ตำรวจ “อนุทิน” ขอเลือกตั้งแฟร์ๆ ฉุนสื่อจี้ถามสัมปทานซื้อขายไฟ กฟภ.บริษัทลูกชาย กำชับ ครม.ใส่เกียร์ทำงาน “อภิสิทธิ์” ชี้เลือกตั้ง 69 แข่งเดือด มุ่งเพิ่ม สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่าที่ ร.ต.สัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผอ.กกต.กทม. ชี้แจงยืนยันพรรคประชาชนสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 บางกอกน้อย-บางพลัดได้ หลังพบว่าผู้สมัครคนเดิมลาออกจากสมาชิกพรรค ปชน.แล้ว โดยผู้สมัครรายใหม่ยังคงได้รับหมายเลขผู้สมัครเดิม เพียงแต่ต้องชำระค่าสมัครใหม่ในอัตรา 10,000 บาทกกต.กทม.ยัน ปชน.เปลี่ยนตัวได้เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 ธ.ค. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ว่าที่ ร.ต.สัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ. กกต.กทม.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาชน (ปชน.) เปลี่ยนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม.เขต 33 บางกอกน้อย-บางพลัด หลังผู้สมัครคนเดิมถูกจับในคดีฟอกเงินและค้ายาเสพติดว่า ตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้สมัครคนเดิมลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ส่งผลให้เป็นผู้ที่ไม่ได้สังกัดพรรค การเมืองนั้นอีกต่อไป เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย ทำให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินการถอนและเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้พรรค การเมืองจะดำเนินการทำไพรมารีโหวตและคัดเลือกผู้สมัครมาแล้ว แต่การถอนและเปลี่ยนแปลงผู้สมัครในช่วงเวลาที่กฎหมายเปิดโอกาสให้กระทำได้ ยังถือว่าเป็นไปตามระเบียบได้เบอร์เดิม–จ่ายค่าสมัคร 1 หมื่นว่าที่ ร.ต.สัมพันธ์กล่าวว่า ผู้สมัครรายใหม่ยังคงได้รับหมายเลขผู้สมัครเดิม มีเพียงขั้นตอนเพิ่มเติมคือการชำระค่าสมัครใหม่ในอัตรา 10,000 บาท หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2560 และมีการปรับใช้มาต่อเนื่องในปี 2562, 2566 และ 2568 ไม่ได้จำกัดเฉพาะในพื้นที่ กทม.เท่านั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่าในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ก็มีกรณีการถอนตัวผู้สมัครเช่นกัน แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัครรายใหม่ ทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ข้อ 93ร้องจี้ กกต.สอบเส้นเงินโยงพรรคต่อมาเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องแจ้งเบาะแสแก่ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ไต่สวนสอบสวนพรรคประชาชนกรณีนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. เขต 33 ถูกตำรวจ บช.ปส.จับกุม พัวพันคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ เป็นข้อห้ามตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ พรรคประชาชนในฐานะพรรคต้นสังกัดนายบุญฤทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้ เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้เป็นผู้สมัคร สส.ในนามพรรคไปแล้ว โดยเฉพาะเส้นทางเงินของนายบุญฤทธิ์ ต้องตรวจสอบว่ามีการบริจาคให้พรรคด้วยหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 44 และมาตรา 45 หรือไม่ อาจนำไปสู่การเสนอเรื่องเพื่อยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 (3)“เท่าพิภพ” กรอกใบสมัคร สส.แล้วที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ มหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เมื่อเวลา 10.00 น. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เข้ายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งสส.กทม. เขต 33 แทนผู้สมัครคนก่อนที่ถูกแจ้งข้อหาในคดีฟอกเงิน-ยาเสพติด มีนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค ปชน. ร่วมสังเกตการณ์ นายเท่าพิภพกล่าวว่า ถึงชาวบางพลัดและบางกอกน้อย ยืนยันว่าพรรค ปชน.ไม่ได้คิดว่าส่งใครมาลงก็ชนะ จะนำประสบการณ์และความมุ่งมั่นมารับใช้ประชาชน มาที่นี่เพื่อการเปลี่ยนแปลง เป็นหนึ่งในทางเลือกให้ชาวบางกอกน้อยและบางพลัด เข้าสภาฯไปลงมติให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นนายกฯ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยนายพิจารณ์กล่าวว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นคือเมื่อพรรคพบว่ามีผู้สมัครมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริต แม้ยังไม่ใช่คำวินิจฉัยสูงสุด ยังคงเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่พรรคเปลี่ยนตัวผู้สมัครทันที เพราะไม่จำเป็นต้องปกป้องใคร ต้องการหาตัวผู้สมัครที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ให้มั่นใจได้ว่า สส. รัฐมนตรี และ ครม.ของพรรค ปชน. จะไม่ทุจริตและจะทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ ยืนยันอีกครั้งว่าคำว่า “มีส้มไม่มีเทา” ไม่ได้เป็นแค่สโลแกนหาเสียง แต่ออกมาจากวิธีคิด และวิธีการทำงานของพรรคประชาชนจริงๆ“เท้ง” ลุยหาเสียงอ้อนยกปทุมธานีช่วงสายที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อม ผู้สมัคร สส.ปทุมธานี ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ ผู้สมัครเขต 8 นายธันยนันท์ ไพบูลย์สุข ผู้สมัครเขต 7 และนายเอกศักดิ์ หอมชื่น ผู้สมัครเขต 3 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดไอยรา เชิญชวนประชาชน ให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง นายณัฐพงษ์กล่าวว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 40 วัน จะมีการเลือกตั้ง พี่น้องชาวปทุมธานีเคยเลือกพรรคก้าวไกล มาเป็นอันดับ 1 ได้ สส.ทั้งสิ้น 6 คน จาก 7 เขต และคะแนนบัญชีรายชื่อกว่า 360,000 คะแนน เท่ากับ สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน มาคราวนี้เป็นพรรค ปชน. ต้องขอคะแนนพี่น้อง ประชาชนชาวปทุมธานีอีกรอบ เพื่อให้พรรค ปชน. สามารถปักธงใน จ.ปทุมธานี อีกครั้ง เพื่อพวกเราจะได้รักษาแชมป์เขตเดิม เพิ่มเติมเขตใหม่ได้ จึงขอ ให้ประชาชนกาพรรค ปชน. 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้รัฐบาลประชาชนได้เข้าไปบริหารประเทศแม่ค้าหอมแก้ม “ยศชนัน” ฟอดใหญ่วันเดียวกันที่ตลาดวัดเกาะ เขตสายไหม กทม. นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ นำ น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ผู้สมัคร สส.กทม.เขต 11 และผู้สมัคร สส.กทม.อีกหลายเขต ลงพื้นที่หาเสียง ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มีประชาชนมารอมอบดอกกุหลาบ พวงมาลัยดอกดาวเรือง และขอถ่ายรูปเซลฟี่กับนายยศชนันกันคึกคัก ทั้งนี้ มีแม่ค้ารายหนึ่งเข้ามาสวมกอด พร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ ทำให้นายยศชนันถึงกับยิ้มเขิน และทั้งหมดยังได้ร่วมทำบุญตักบาตร ก่อนเดินหาเสียงจนถึงท้ายตลาด และมานั่งดื่มกาแฟพูดคุยรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ปลื้มคนเริ่มจำชุดนโยบายเพื่อไทยนายยศชนันให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ว่า บรรยากาศครึกครื้นได้กำลังใจล้นหลาม สิ่งสำคัญประชาชนเริ่มจำนโยบายของพรรคได้ แสดงให้เห็นว่า เป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชน แนวทางนโยบายคือ การลดรายจ่าย หากเศรษฐกิจดี รายได้เพิ่มขึ้นรายจ่ายน้อยลง และมีนโยบายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อีกอันเกี่ยว กับหนี้ ทุกคนยังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ต้องทำเรื่องนี้ก่อน และอีกตัวที่ทำได้เลยและเป็นความแตกต่างคือ นโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สามารถทำได้เลย เรื่องเกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งในจุดที่ไม่มีรถไฟฟ้า จะเป็นฟีดเดอร์ที่สามารถยึดโยงได้ เป็นเรื่องราคา 10 บาท เป็นนโยบายที่สำคัญและประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญคือการทำให้นโยบายเกิดขึ้นทันทีหลังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในวันที่ 8 ก.พ.“จุลพันธ์” เตือน กกต.ให้เปลี่ยนตัวผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาชน ที่เป็นคู่แข่งสำคัญ จนมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครใน กทม. จะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มองว่าจะส่ง ผลดีหรือไม่ เป็นสิ่งที่แต่ละพรรคต้องคัดสรรผู้สมัคร ยืนยันพรรคเพื่อไทยพยายามคัดสรรอย่างดีที่สุด มองการคัดสรรของพรรคประชาชนว่าอาจเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ ต้องมีการปรับแก้เอง แต่เป็นห่วง 2 เรื่อง คือ กรณีหาก กกต.ให้เปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้ และเมื่อเปลี่ยนตัวแล้วต้องให้ประชาชนพิจารณาว่าผู้สมัครและพรรคการเมืองใดตอบโจทย์ประชาชน หลักคิดไม่ให้มีการเปลี่ยนหลังจากสมัคร ในอดีตเคยมีการใช้อามิสสินจ้างไปขอกดดันเพื่อให้ ผู้สมัครถอนตัวเกิดขึ้นได้ หากเราเปิดช่องนี้ในอนาคตอาจเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่า ในพรรคเพื่อไทยดูแล้วกระบวนการสมัคร เมื่อสมัครแล้วไม่ควรมีการถอนตัวได้ถูกทำลายป้ายให้เป็นหน้าที่ตำรวจนายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงกรณีป้ายหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยใน กทม.ถูกทำลาย ซึ่งทุกเคส มักเกิดมาจากการลงมือของพรรคเดียวว่า ไม่ได้โทษ ผู้สมัคร เชื่อว่าไม่มีใครสั่งเช่นนั้น ด้วยความเคารพกัน และกัน ด้วยพรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์เลือกตั้งมา หลายครั้ง ระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการกำชับ ผู้สมัครห้ามทำลายป้ายของคนอื่น ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ“อนุทิน” ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดสุดท้ายของปี 2568 ว่า เป็นวันทำงานสุดท้ายของปี ขอบคุณทุกฝ่าย รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยกันนำเสนอข้อมูลข่าวสารว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ถือโอกาสอวยพรปีใหม่พี่น้องประชาชน ขอให้ทุกข์โศกสิ่งเคราะห์ร้ายที่ผ่านมาหมดไป ปีใหม่ 69 เป็นปีม้า ขอให้เป็นปีที่ทุกคนมีความคึกคัก โลดโผน โจนทะยาน กระโจนไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและแข็งแรง ประสบแต่ชัยชนะ มีความสุข มีสุขภาพที่ดี เมื่อถามว่าปีหน้าเป็นปีม้า จะขี่ม้าขาวเป็นนายกฯอีกสมัยหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า อยู่ที่พี่น้องประชาชน ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งเหลืออีกแค่ 38 วัน ขอให้ทุกฝ่ายหาเสียงเน้นเรื่องนโยบาย หรือสิ่งที่พี่น้องประชาชนควรได้รับทราบแข่งเลือกตั้งแฟร์ๆว่าตามเหตุผลต่อมาหลังการประชุม ครม. นายอนุทินเดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1 เพื่อทักทายสื่อมวลชน พร้อมทำท่า “พลัส” สัญลักษณ์หาเสียงของพรรค ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้สมัคร สส.กทม. พรรคประชาชน พัวพันคดีฟอกเงินและยาเสพติดว่า อย่าไปกังวลว่าจะเชื่อมโยงถึงใคร ไม่ว่านักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ นักเลง มอบให้ ผบ.ตร. เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ใช้หลักที่มอบไว้ คือ ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร เราดูตามสำนวน ดูตามพฤติกรรม ทั้งเส้นเงินและหลักฐานที่กระทำความผิด ถ้าปิดปุ๊บเปิดมาโดนใครก็จัดเต็ม ทางที่ดีที่สุดทุกพรรคต้องทำเหมือนพรรค ภท. คือทำงานของตัวเอง ไม่ต้องไปด้อยค่าหรือไปใช้วาทกรรมทำให้อีกฝ่ายเสียหาย เอาเหตุเอาผลเข้าว่ากัน ก็จะแข่งขันอย่างเข้มแข็งและแฟร์ๆ ไม่มีชกใต้เข็มขัด เมื่อถามว่าโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์สโลแกนพรรค ปชน. มีเราไม่มีเทา กลายเป็นดำไปแล้ว นายกฯตอบว่า “จะมาขิงกับผมเหรอ ไม่เอา แล้วแต่โซเชียล”ฉุนสื่อจี้ถามสัมปทานบริษัทลูกผู้สื่อข่าวถามถึงมีกระแสข่าวบริษัทของนายเศรณี ชาญวีรกูล หรือเป๊ก บุตรชาย ไปมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่ปี 2564 นายอนุทินย้อนถามว่า “ปีอะไรครับ” ผู้สื่อข่าวยืนยันว่าเป็นปี 2564 นายอนุทินจึงย้อนกลับอีกว่า “ดูให้ถูก” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะไม่ชี้แจงหรือ นายอนุทินกล่าวตัดบทว่า ไม่ต้องชี้แจง เพราะไม่ใช่เรื่องของตน ตั้งแต่ปีอะไร ให้ไปดูใหม่ เพราะว่าคุณเป็นคนเขียนข่าวเอง และเขียนว่าปี 2561 แล้วปี 61 ตนเป็นอะไรบินด่วนอุดรฯรับหัวใจส่งต่อผู้ป่วยจากนั้นช่วงบ่ายนายอนุทินบินด่วนโดยเครื่องบินส่วนตัวไปยัง จ.อุดรธานี ปฏิบัติภารกิจ “หัวใจติดปีก” รับอวัยวะหัวใจนำส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังได้รับการประสานจากทีมแพทย์ ไม่สามารถจัดหาเที่ยวบินที่เหมาะสมได้ทันตามกรอบเวลา ทำให้ต้องอาศัยการเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว เพื่อให้ภารกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างทันท่วงที ถือเป็นการปฏิบัติภารกิจหัวใจติดปีกดวงที่ 153กำชับ ครม.ใส่เกียร์ทำงานเต็มสูบน.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม. ว่า นายกฯยังคงให้ความสำคัญกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นพิเศษ แสดงความห่วงใยประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ย้ำมาตรการเยียวยาดูแลผู้ที่สูญเสียผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้เสียสละทั้งร่างกายชีวิตและจิตใจ รักษาอธิปไตย ขณะที่ ครม.ยังรักษาการอยู่ นายกฯสั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ฉะนั้นการทำหน้าที่ของ ครม.ทุกคน ยังคงทำหน้าที่ตามปกติ หากใส่เกียร์ว่างอยู่ขอให้ปรับใหม่ ให้เดินหน้าทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะบางอย่างยังมีความจำเป็นที่รัฐมนตรีต้องเซ็นอนุมัติเรื่องเร่งด่วนอยู่ย้ำ 6 แนวทางหน่วยงานรัฐหนุน ลต.น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน กกต. เสนอ 6 แนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง สส. และจัดให้มีการออกเสียงประชามติในวันเดียวกัน ขอให้หน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ และสนับสนุน เพื่อให้การเลือกตั้งเรียบร้อย และโปร่งใส ดังนี้ 1.ให้บุคลากรของรัฐทุกระดับ ปฏิบัติหน้าที่วางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด 2.ให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นหน่วยออกเสียง 3.ขอความร่วมมือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งทุกแห่งให้พร้อมให้บริการคนพิการ หรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ 4.ให้การสนับสนุนการจัดสรรงบฯจากรัฐบาลให้เพียงพอต่อการดำเนินการต่างๆ 5.กรณีสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้หน่วยงานรัฐจัดยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไปยังที่เลือกตั้งและนำส่งกลับ และ 6.ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง และอำนวยความสะดวกประชาชนใช้สิทธิล่วงหน้าในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิการมีส่วนร่วมทางการเมือง“อภิสิทธิ์” ชี้เลือกตั้ง 69 แข่งเดือดขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้แข่งขันสูง มีหลายพรรคตั้งใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นบททดสอบสำคัญว่าประชาชนต้องการให้การเมืองเป็นจุดเปลี่ยนหรือไม่ เพราะประชาชนเริ่มตระหนักว่าประเทศไทยพัฒนาช้ากว่าหลายประเทศ และจะเป็นโอกาสพลิกการเมืองไปสู่ความสุจริต หรือยังคงอยู่ในสภาพที่พรรคการเมืองพูดถึงแค่ข้อตกลงระหว่างกัน หากผลเลือกตั้งออกมาแล้วเป็นแบบเดิม เราจะอยู่ในสภาพการเมืองและเศรษฐกิจแบบที่เป็นอยู่ แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงได้ ก็จะเป็นโอกาสให้ประเทศเราเปลี่ยนแปลง และเดินต่อไปได้ ขณะนี้พรรคต่างๆ ยังวนอยู่กับพฤติกรรมเดิมๆ โดยเฉพาะพรรคขนาดใหญ่ที่กวาดต้อน สส.มาเข้าสังกัด รวมถึงบทบาทของทุนทางการเมือง ที่เข้ามาอย่างมหาศาลในครั้งนี้มุ่งเพิ่ม สส.ปาร์ตี้ลิสต์หลายเท่าเมื่อถามถึงจุดอ่อนพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พรรคที่อยู่มานานย่อมมีทั้งความสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งสิ่งที่คนชอบและไม่ชอบ เมื่อเราตัดสินใจเอาคนใหม่ๆเข้ามา แต่ประสบการณ์ทางการเมืองก็อาจน้อยลงไป ถือเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนก็ได้ ส่วนการตั้งเป้าจำนวน สส. พูดได้อย่างเดียวคือต้องทำให้ สส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นให้มากกว่าเดิมหลายเท่า ดูเหมือนเรามาถูกทางอยู่เมื่อดูจากโพล แต่ยังต้องทำงานหนัก เพื่อรักษาคะแนนเดิมและต้องขยายเพิ่มขึ้น ในอดีตเราเคยได้ประมาณ 11 ล้านเสียง ซึ่งคงยากที่จะกลับไปแบบนั้นในระยะเวลาแบบนี้ ครั้งล่าสุดเราได้เพียง 9 แสนคะแนน ส่วนสนาม กทม.เราค่อนข้างดีใจ ที่มีคนเก่งๆ และมีมุมมองในการแก้ปัญหาอาสาตัวเข้ามา อาจมีข้อเสียเปรียบคือไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ ยอมรับว่านโยบายประชานิยมช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยังมีความจำเป็น เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่ช่วยบรรเทาความลำบากของประชาชนได้จริงในช่วงวิกฤติ แต่ไม่สามารถหวังพึ่งได้ต่อเนื่องในระยะยาว“คริส” แจงแผนจัด “บิ๊กตี๋” อันดับ 10นายคริส โปตระนันท์ ประธานพรรคเศรษฐกิจ แถลงชี้แจงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในการจัดชื่อ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หรือ “บิ๊กตี๋” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 10 ว่า เป็นการตัดสินใจของ พล.อ.รังษีและพรรค พล.อ.รังษีเชื่อจริงๆว่าหากชนะเลือกตั้ง ได้เข้าสภาแค่ไม่กี่คน เราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย จึงปล่อยให้การตัดสินใจเป็นของประชาชน และวัดกันไปว่ารายชื่อลำดับที่ 10 จะได้หรือไม่ หาก พล.อ.รังษีจะได้เข้าสภาอย่างต่ำพรรคต้องได้ 3 ล้านเสียง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเล็กๆแบบนี้ ทำไมถึงกล้าใช้กลยุทธ์นี้ บางคนวิจารณ์ว่าไม่ได้สักที่นั่งสิ่งที่ พล.อ.รังษีพูดไว้ คือ สส.บัญชีรายชื่อ 1 ถึง 10 ต้องเข้าไปเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการแก้ไขกฎหมาย เรื่องนโยบายทุจริต ทั้งหมดนี้เราชี้แจงไปแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่