อรุณรุ่งเช้าตรู่วันที่ 1 มกราคม แสงแรกของดวงอาทิตย์ให้ความรู้สึกสว่างไสวกว่าทุกวัน กระตุ้นอารมณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตฤกษ์งามยามดี นับหนึ่งประเดิมศักราชใหม่เริ่มต้นหน้าแรกปฏิทินของปีพุทธศักราช 2569 จังหวะออกตัว ณ จุดสตาร์ต ธรรมเนียมปฏิบัติของพลเมืองชาวโลก รวมทั้งประชาชนคนไทย จะได้ใช้โอกาสวันขึ้นปีใหม่ รวบรวมสติ ปลุกพลังกาย กระตุ้นพลังใจ พร้อมเผชิญวิถีชีวิตในอีก 365 วันข้างหน้าทั้งเรื่องดี ทั้งสถานการณ์ร้าย คละเคล้ากันไปถือเป็นโอกาสที่ “ทีมการเมืองไทยรัฐ” จะได้ประเมินความเป็นไป โดยเฉพาะในแง่มุมของเกมอำนาจทางการเมือง ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่โยงต่อเนื่องมาจากปีเก่า และเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นตามเงื่อนเวลาผันผ่านจับอาการประเทศไทยในห้วงปีมะเมีย หนีไม่พ้น“ม้าพยศ” เหนื่อยไม่พักกับสารพัดวิกฤติหนักหนาสาหัสที่ดักรออยู่เบื้องหน้า ในสภาพการณ์ที่ควันไฟสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคุกรุ่นรุนแรงไม่มีเค้าจะสงบง่ายๆกลายเป็นเชื้อโรค “เริม” ที่เป็นๆหายๆผลุบๆ โผล่ๆมาได้ทุกขณะ“ให้มันจบที่รุ่นเรา” เป็นแค่วาทกรรมปลุกเร้ากระแสชาตินิยมแบบไทยๆ ปลอบขวัญสร้างกำลังใจชาวบ้านผู้ประสบภัย สังเวยอารมณ์แค้นเพื่อนบ้านเขมรชั่วแต่ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ก็จะเห็นของจริงไม่ง่าย ตามรูปการณ์กองทัพไทยไล่บี้ไล่ต้อน ระดมสรรพกำลังทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ถล่มแหลกกองโจรเขมรจนราบเป็นหน้ากลองยิ่งบุก ยิ่งตี ยิ่งเจอ ไอ้ที่พังไปมันก็แค่ยอด “ภูเขาน้ำแข็ง” เท่านั้นกับหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทหารไทยบุกไปพบในแนวปะทะ สิ่งชั่วร้ายแฝงอยู่ใน “กองทัพโจรเขมรแดง” ของ “จิ้งจอกเฒ่าฮุน เซน” ด้วยอิทธิฤทธิ์ “เงินเทา” จ้างผีโม่แป้ง จ้างทหารฝรั่ง ช็อปอาวุธจีนแดงได้ไม่อั้นเขี้ยวเล็บอันตรายของ “ตระกูลฮุน” มาจาก “ขุมทรัพย์สแกมเมอร์” โดยแท้จริง ไทยพลาดเพราะผู้มีอำนาจเข้าไปพัวพัน ไม่ปราบปรามแบบเด็ดขาด เลยเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ในเล่ห์เหลี่ยมจอมโจร “แผ่นดินบาป”ตราบใดที่ “เงินเทา” ยังทรงอิทธิพล ปิดเกม “ตระกูลฮุน” ไม่ง่ายส่อเค้ากลายเป็นสงครามมิติซับซ้อน ยกระดับไปโยงกับศึกภูมิรัฐศาสตร์ เกมเพาเวอร์เพลย์ของมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศสประเทศไทยถูกลากเข้าไปอยู่ในเกมการเมืองโลกเต็มตัวในสถานการณ์นัวเนีย วิกฤติความมั่นคงโยงกระแทกเศรษฐกิจ เพิ่มโจทย์โคตรยากของ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นำรัฐบาลรักษาการ สถานะแกว่งๆจนกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ต้องประคองเกม “มหามิตร” ที่แฝงเหลี่ยมผลประโยชน์แทบมองไม่เห็นความจริงใจเกม “บีบให้เลือกข้าง” สไตล์การทูตสองหน้าไม่ง่ายเหมือนในอดีตตามสัญญาณที่ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จงใจเลือก “แทงหวย” เขมร เล่นเกมกดดันไทยไม่ให้หันไปฝักใฝ่เลือกอิง รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่จ้องฟาดด้วยมาตรการภาษี “ไม้ตาย” ที่ได้ผลชะงัดแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังมีทางผ่อนหนักเป็น เบา โอกาสถ้ารัฐบาลไทยแสดงความจริงจัง ในการดับเชื้อไฟปัญหา ไล่ถล่มแก๊งสแกมเมอร์ เน้นทำลายล้างกาสิโน ฐานที่มั่นแก๊งอาชญากรไซเบอร์โลกในกัมพูชารวมถึง “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” ที่โยงมาฟอกในไทยเล่นกระแสตามน้ำ “โลกล้อมแผ่นดินบาป” ปิดเกม “ฮุน เซน”ยกระดับความชอบธรรมในการเปิดสงครามถล่มเขมร แหล่งเงินเทาโลก แบบที่สื่อมวลชนไต้หวัน ฮ่องกง ยกธงเชียร์กองทัพไทยหย่อนระเบิด เล็งปืนใหญ่ ล็อกเป้ารังอาชญากรไซเบอร์ ช่วยกวาดแก๊งอันตรายให้ชาวโลกแต่นั่นก็ยังไม่อาจแสดงถึงความจริงจังจริงใจได้เต็มสูบในเมื่อผู้มีอำนาจในหมู่ชนชั้นนำ นักการเมืองขาใหญ่ทหารเฒ่า นักธุรกิจ ของไทยถูกลากไปเอี่ยวกับ “เบน สมิท-ยิม เลียก-ก๊ก อาน-ลี ยงพัด” ภาพถ่ายชัดๆประจานความสัมพันธ์ลึกไม่ธรรมดาหากตรวจเส้นเงินจริงๆจังๆมีหวังเจอจุดเชื่อมโยงถึงขั้นอายัด–ยึดทรัพย์“บิ๊กเนม” ขาใหญ่ ใครเป็นใครเห็นกันตำตาทั้งบ้านทั้งเมืองแน่นอน ถ้าไม่กล้าหยิกเล็บเจ็บเนื้อ คราบสกปรกของแก๊งโจรสแกมเมอร์ “แบล็กลิสต์” สหรัฐฯยิ่งฉุดความเชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจไทย ซ้ำเติมภาวะจีดีพีเหลือแค่ร้อยละ 1.5 แบงก์ชาติคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2569 ขยายตัวต่ำช้ำเลือดช้ำหนอง คนไทยมีหวังกระอักเลือดกันทั้งประเทศคนหาเช้ากินค่ำลำบากหนักหนาสาหัสแน่ ปากท้องชาวบ้านต้องเดือดร้อน สงครามชายแดนไร้จุดจบ ผู้อพยพยังคาราคาซัง ทำมาหากินไม่ได้ ไร้รายได้ เพราะผู้มีอำนาจทางการเมืองไปนัวเนียแก๊งเงินบาป “ฮุน เซน”ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ลามไปถึงการเมืองระดับโลกในขณะที่การเมืองภายในประเทศอยู่ในโหมดเลือกตั้ง บรรยากาศของการหาเสียงที่เร้าไปกับภาวะสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคาบลูกคาบดอกลุ้นเสียงระเบิดตูมตามได้ตลอดเวลา ระแวง “หมาลอบกัด”แต่ “เดอะโชว์มัสต์โกออน” ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญกำหนด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันพร้อมรองรับสถานการณ์สู้รบไว้หมดแล้ว การเข้าคูหากาบัตรสามารถดำเนินไปโดยไม่มีเหตุให้ต้องสะดุดถ้าไม่ถึงขั้นฟ้าถล่มดินทลาย 8 กุมภาพันธ์ 2569 ได้เข้าคูหากาบัตรกันชัวร์แต่ที่ไม่ชัดก็คือรัฐบาลชุดต่อไปจะออกมาหน้าตาแบบไหน ในสภาพการแบ่ง “ขั้ว” แยกข้างตะลุมบอนกันชัดๆเหมือนเดิม“ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม” กับ “ขบวนแห่เสรีนิยม”ที่เปลี่ยนไปก็แค่ “ผู้ถือธงนำขบวนการเมืองโบราณ” กลายเป็น “อนุทิน” กัปตันก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทย ได้สิทธินำทีมแทนพรรคเพื่อไทยถือตั๋วเฉพาะเจาะจงผู้ถูกเลือกให้ได้โปรฯอำนาจพิเศษตามฟอร์ม “เต็งจ๋า” วงพนันโคตรเซียนเลือกตั้งทุ่มเดิมพัน แทงเต็งก๊วนเซราะกราวที่โกย “แต้มต่อ” ไว้ล้นสองมือ ทั้งอำนาจรัฐ ตัวช่วยขุมข่ายข้าราชการมหาดไทย ตำรวจ อำนาจเงินที่กลุ่มทุนธุรกิจแห่วาง “มัดจำ” ล่วงหน้ากองกำลังบ้านใหญ่ กวาดต้อนไว้ล้นคอก “นายฮ้อยเขากระโดง”นักเลือกตั้งอาชีพหน้าเดิมๆหน้าช้ำๆตั้งแต่อดีตยุคไทยรักไทย เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก็ยังเวียนว่ายมาโผล่อยู่ในค่ายภูมิใจไทยตามกลิ่นอายโอชะของ “ศูนย์กลางอำนาจ” อนุรักษ์นิยมโบราณสถานการณ์ “น้ำเงิน” เข้มขึ้นมาเบียด “ส้ม” กองทัพเด็กรุ่นใหม่ ภายใต้การนำของ “กุมารเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่โหนกระแสสารพัดโพลยกเป็น “เต็งหนึ่ง” ขึ้นแท่นแชมป์มหาชน“หัวคะแนน” ธรรมชาติเต็มพรึบไปทุกหัวเมืองใหญ่แต่ต้อง “แห่แต้มฟรี” บดบี้กับ “เสียงหมาหอน” พื้นที่ไกลปืน เที่ยงยังเป็น “จุดบอด” ของกองทัพส้ม “ฐานคะแนนจัดตั้ง” ของ “บ้านใหญ่” ยังเป็นโจทย์หนักหนาสาหัสของค่ายประชาชนยิ่งรอบนี้ยิ่งหนักหนา ต้องฝ่าแนวรบ “เงินเทา”อิทธิฤทธิ์แก๊งโจรสแกมเมอร์ที่แทรกซึมเข้ามายึดกุมอำนาจประเทศไทยผ่านสนามเลือกตั้งใหญ่ ยิ่งได้แบบไม่อั้น แบบที่แฉกันจ่ายหัวละ 5 พันไปแล้วแนวโน้มยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเอเวอเรสต์ ทีมส้มตั้งธงโกย 250 เสียงเกินครึ่งสภา กระโดดข้ามด่านสกัดอำนาจอนุรักษ์โบราณ ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวชนะที่หนึ่งน่ะ “มีลุ้นเยอะ” แต่ไปให้ถึงธงเกินครึ่งยากน้ำหนักจึงไหลไปตกที่ “ตัวแปร” ตามสมการชั้นเดียวง่ายๆที่มีตัวอย่างโจทย์จากรอบที่แล้วๆมา ในสภาพ “แดง” ที่เจือจางลงตามภาวะการเมือง “ขาลง” พรรคเพื่อไทยต้องสูญเสียสถานะ “หัวขั้ว” อำนาจไปโดยสัจธรรมอำนาจโอกาสดีสุดของลูกก๊วน “เถ้าแก่ใหญ่” คือลุ้นเข้าป้ายในลำดับที่ 3ตามสถานการณ์ขอให้ได้เกาะร่วมขบวนรัฐบาล ค่ายเพื่อไทยต้องประกันความอยู่รอดปลอดภัยให้ “นายใหญ่” ที่ยังเป็น “พยัคฆ์ในกรงขัง”พร้อมแบะท่าให้เสียบ ไม่ว่าจะเป็นหัวขั้วไหนแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานการณ์ไหลมาถึงวันนี้รู้สึกได้ว่า ระดับความเข้มข้นในการ “ตั้งแง่” ใส่กัน ดูจะลดโทนลงไป เมื่อเทียบกับยุคอดีตไม่เผาผีกัน ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่แต่ละฝ่ายได้มีโอกาสทำงานในสภาร่วมกันมาในหลายปีหลังๆ โดยเฉพาะระหว่างนักเลือกตั้งอาชีพด้วยกันได้เรียนรู้ธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ เปิดใจกันมากขึ้นสูตรผสมเกมอำนาจรัฐบาลรอบต่อไป ไม่ได้ “ติดล็อกตาย” เหมือนรอบที่ผ่านมาสมการรัฐบาลล็อกตายไว้แค่ “มีส้ม ไม่มีเทา”ตามสภาพ “ต้องห้าม” มีพรรคประชาชนต้องไม่มีพรรคกล้าธรรม เพราะไม่มีทางที่กองทัพส้มจะผสมพันธุ์กับทีม“ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ร่วมรัฐบาลกับโจทก์ที่อยู่ในโลกการเมืองคนละมิตินอกนั้นเป็นไปได้หมด “ส้มบวกน้ำเงิน–น้ำเงินบวกแดง–ส้มบวกแดง ฯลฯ”เกมจัดรัฐบาลใหม่พลิกผันได้ตามตัวเลขหน้างานโดยสภาพไร้ความแน่นอน จากสภาพการเลือกตั้งที่พลิกผันได้ตามเงื่อนไขสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา โยงศึกภูมิรัฐศาสตร์มหาอำนาจโลก ชนวนลุยล้างโจรสแกมเมอร์ผูกติดกับสภาพการณ์เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะผู้อพยพชายแดนยังไม่รู้จะกลับไปสู่ภาวะปกติสุขได้ตอนไหนรัฐบาลใหม่ไม่ว่าสูตรผสมสีใด ก็ต้องมาแบกรับโจทย์หนักหนาสาหัสสีช้ำเลือดช้ำหนองปี 2569 “ทีมการเมืองไทยรัฐ” ของเราฟันธง เป็น “ปีพลิกคว่ำพลิกหงาย”.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม