สว.สีน้ำเงินกอดอำนาจเสียง 1 ใน 3 เห็นชอบร่าง รธน.ดาหน้าค้านหักดาบ สว. “พิสิษฐ์” อ้างเป็นเบรกนิรภัยป้องกันเผด็จการรัฐสภา ใช้เสียงข้างมากลากไปร่าง รธน.ตามอำเภอใจ ยกคำวินิจฉัยศาล รธน.วางบรรทัดฐาน ต้องมีเสียง สว.ร่วมเห็นชอบผูกพันทุกองค์กร “ภิญญาพัชร์” ขู่ฮึ่มหักอำนาจ สว.โหวตวาระ 3 ร่วงแน่ “นันทนา”จวกพวกขโมยอำนาจ ปชช. ทำกลไกบิดเบี้ยวขวางแก้ รธน. ภท.พลิ้วโหวตเอาใจ สว.หักมติวิปรัฐบาลกับ กมธ.ยกร่างฯ “เท้ง” ขอนับแต้มขานชื่อใหม่ ท้ายุบสภาไปเลย วิ่งโร่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติซักฟอก “เพื่อไทย” นัด 16 ธ.ค. เปิดตัว “ยศชนัน-จุลพันธ์” แคนดิเดตนายกฯโชว์วิชันยกเครื่องประเทศไทย พท.ทำได้การประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระที่ 2 เป็นวันที่สอง สว.อภิปรายอย่างเข้มข้นคัดค้านการให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จแล้ว ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา ไม่ต้องมี สว.ร่วมให้ความเห็นชอบ 1 ใน 3 อาจนำไปสู่การที่ร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ไม่ผ่านรัฐสภา“รัชนีกร” ขยี้เบี้ยประชุมครั้งละหมื่นเมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 11 ธ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระที่ 2 เป็นวันที่สอง ตามที่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภาพิจารณาเสร็จแล้ว เริ่มพิจารณามาตรา 256/21 ที่ กมธ.เสียงข้างมากให้เบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และคณะ กมธ.รับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน พ.ร.ฎ. โดย น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. กมธ.เสียงข้างน้อยอภิปรายว่า เบี้ยประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญถูกมองให้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนแก่ กมธ.ช่วง 1 ปีที่ยกร่าง ครั้งที่แล้วใช้ถึง 800 ล้าน ให้ครั้งละ 6,000 บาท ครั้งนี้ กมธ.เคยพูดว่าสภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป อาจไปกำหนดให้เบี้ยประชุมครั้งละ 10,000 บาท ไม่เห็นด้วยควรลดเหลือ 1,500-3,000 บาท เท่าเบี้ยประชุม สส.และ สว.ขณะที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ที่ประชุม กมธ.ไม่เคยมีมติให้เพิ่มเบี้ยประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญครั้งละ 10,000 บาท เพื่อเป็นผลประโยชน์ตอบแทนให้ฝ่ายใด ค่อยไปพิจารณาต่อไปแก้มติให้ถ่ายทอดประชุม กมธ.ต่อมาที่ประชุมพิจารณา มาตรา 256/25 ที่กำหนดให้ประชุมร่วมกันระหว่าง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมฯ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สอดคล้องความต้องการของประชาชน แต่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรค ปชน.กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า การประชุมระหว่าง กมธ.ทั้ง 2 คณะเดือนละ 1 ครั้ง ควรประชุมเปิดเผย และถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อประเภทอื่นๆ ที่ประชาชนรับชมได้ทั่วถึง ขณะที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. อภิปรายเสนอให้ถ่ายทอดการประชุมร่วมเดือนละ 1 ครั้ง ให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขเนื้อหา ให้มีการถ่ายทอดตามที่ กมธ.เสียงข้างน้อยเสนอมา จากนั้นสั่งพักประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อไปปรับแก้ไขเนื้อหาแต่หลังเปิดประชุมอีกครั้งยังไม่สามารถสรุปเนื้อหาที่จะแก้ไขได้ จึงให้ที่ประชุมโหวตลงมติ ในที่สุดที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นด้วยกับความเห็น นพ.เปรมศักดิ์ที่ให้ถ่ายทอดการประชุมร่วมฯเดือนละ 1 ครั้งเพื่อไทยฝังใจศาล รธน.อำนาจล้นฟ้านายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญใหม่ควรจำกัดขอบเขตการใช้ดุลพินิจองค์กรอิสระ เพราะถูกตั้งคำถามมากมาย เรื่องอำนาจล้นฟ้าของศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ควรให้อำนาจวินิจฉัยเฉพาะการพิจารณาบท บัญญัติที่ขัดรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่วินิจฉัยแถมให้ประเทศวุ่นวาย ล่าสุด วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญแถมไม่ให้รัฐสภาเลือกผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ประชาชน ยังจดจำวลีของตุลาการรัฐธรรมนูญคนหนึ่งได้ดีว่า ให้ประเทศหมดถนนลูกรัง ค่อยมีรถไฟความเร็วสูง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจชี้นำการบริหารประเทศของรัฐบาล จึงควรมีกลไกป้องกันและตรวจสอบการใช้อำนาจตามอำเภอใจขององค์กรอิสระสีน้ำเงินต้านหนักตัดเสียง สว. 1 ใน 3กระทั่งเวลา 16.10 น.ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณามาตรา 256/28 สาระสำคัญคือการให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จแล้ว ให้ที่ประชุมรัฐสภาใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย มติเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 60 ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาและมี สว.ร่วมให้ความเห็นชอบ 1 ใน 3 โดย สว.สีน้ำเงินขึ้นมาอภิปรายทางเดียวกันให้คงเสียง สว. 1 ใน 3 ให้ความเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้างป้องกันเสียงข้างมากลากไปจนเกิดเผด็จการรัฐสภา และยึดหลักการคำนึงถึงเสียงข้างน้อยอ้างติดเบรกกันใช้เสียงข้างมากลากไปนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.กมธ.เสียงข้างน้อยอภิปรายว่า การมีเสียง สว. 1 ใน 3 เห็นชอบ แก้รัฐธรรมนูญสร้างดุลสภา 4 ด้าน 1.ป้องกันเผด็จการรัฐสภาเป็นเบรกนิรภัยให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากมี 2-3 พรรครวมเสียงได้มากกว่า 350 เสียงของ 2 สภา ทำให้แก้รัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์พวกพ้องได้ง่าย สภาฯเหมือนคันเร่ง วุฒิสภาเป็นเบรก หากตัดเสียง สว. 1 ใน 3 เท่ากับขับรถยนต์มีแต่คันเร่งแต่ไร้เบรก 2.เสียง สว. 1 ใน 3 ไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นหลักประกันคุณภาพว่าการแก้กติกาประเทศผ่านหลักวิชาการ ไม่ใช่เพราะมติพรรคสั่ง 3.รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขยากกว่ากฎหมายทั่วไป เพื่อเสถียรภาพระบอบ ประชาธิปไตย 4.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวางบรรทัดฐานถึง 4 ครั้งในราชกิจจานุเบกษาว่า ต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 ร่วมเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญ จึงมีผลผูกพันทุกองค์กร หัวใจสำคัญการแบ่งแยกอำนาจแตะต้องไม่ได้ การคงเสียง สว. 1 ใน 3 ไม่ใช่ ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ แต่คุ้มครองเสียงข้างน้อยขู่หักอำนาจ สว.โหวตวาระ 3 ร่วงน.ส.ภิญญาพัชร์ ศันสนีย์ชีวิน สว. อภิปรายว่า การตัดอำนาจ สว.ลงมติเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งยอมไม่ได้ ทำให้เผด็จการเสียงข้างมากกลับมา เขียนเช็คเปล่าให้ผลักดันเนื้อหารัฐธรรมนูญ ยืนยัน สว.ไม่มีอะไรต้องรักษาอำนาจเพื่อตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบัน สว.ไม่มีทางกลับมาเป็น สว.ได้ เป็นได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต หากการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่รอบคอบ จะเปิดช่องให้คนมีอำนาจเปลี่ยนกติกาเพื่อตัวเอง การตัดกลไก สว.ในการกลั่นกรองอาจทำให้วาระ 3 ที่เป็นวาระชี้ขาด ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ ขอให้ทุกคนพิจารณาหลักการถ่วงดุลอำนาจให้รอบคอบ ก่อนถึงจุดชี้ขาดวาระ 3ซัดเสียง 1 ใน 3 ทำกลไกบิดเบี้ยวน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า การมีเสียง สว. 1 ใน 3 เป็นอุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ การแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามอาณัติ ของประชาชน ไม่แก้ง่ายหรือยากเกินไป จนไม่สามารถแก้ไข ต้องฉีกทิ้งโดยคณะรัฐประหารเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆมา ปัญหา สว.คือ ที่มาไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงขาดความชอบธรรมในฐานะตัวแทนประชาชน แต่การใช้เสียง สว. 1 ใน 3 เป็นความบิดเบี้ยวที่ถูกร่างโดยเนติบริกร และมาจากการรัฐประหาร การมอบอำนาจให้ สว. จึงไม่ใช่การถ่วงดุล แต่ขโมยอำนาจประชาชนไปให้กลุ่มก๊วนการเมือง ไม่อาจมอบอำนาจ 1 ใน 3 ให้ สว.ได้ การใช้เสียงรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งถือว่า ดีกว่าข้อเสนอ สว.ที่กินรวบอำนาจ ขอชวน สว.ร่วมแสดงจุดยืนว่า ไม่ได้เป็น สว.เพื่อประโยชน์ตัวเอง แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชน“วิโรจน์” แซะ สว.เหยียบเบรกถี่เกินต่อมาเวลา 17.25 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า สว.หลายคนเข้าใจผิดว่าตัดการถ่วงดุลออกไป ไม่ใช่ แต่การตัดเสียง 1 ใน 3 ของ สว. แล้วใช้เสียง สว.และ สส.มีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากันในการแก้รัฐธรรมนูญ จัดถ่วงดุลอย่างได้สัดส่วน มีศักดิ์และสิทธิเท่ากัน สส.มาจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52 ล้านคน ขณะที่ สว. มาจากการคัดเลือก 48,000 คน เหลือเพียง 200 คน อำนาจที่ยึดโยงกับประชาชนน้อย มาจากทางอ้อม อำนาจจึงต้องลดหลั่นตามสัดส่วนลงมา สว.ระบุเป็นเบรก เคยนั่งรถที่ขับไปเหยียบเบรกไปจนคนโดยสารอ้วกแตกไม่ถึงที่หมาย จะเบรกอะไรนักหนา สว.บางคนดึงเบรกมือ รถหมุนคว่ำ รถยนต์ประเทศไทยจะไปสู่จุดหมายได้อย่างไรภท.เสียงแปร่งพลิกโหวต ม.256/28นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภท.กมธ.อภิปรายว่า ฟัง สว.หลายคนคาดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 15 วันข้างหน้า จะปล่อยอุปสรรคจากความเห็นต่างประเด็นเล็กน้อยทำลายเป้าหมายหรือไม่ วิงวอน สส.ทุกพรรคและ สว. ก่อนตัดสินใจจะเลือกทางที่พูดเพื่อได้คะแนนนิยม หรือเลือกทางที่มีบาดแผล แต่ทำให้ภาพใหญ่ประสบความสำเร็จ ยืนยันไม่ได้พูดเอาใจ สว.หรือกลัวคำขู่ สว.ที่จะลงมติแบบใดในวาระ 3 ที่พูดเพราะกังวลว่าเป้าหมายที่สร้างจะล้มเหลวและกลับบ้านมือเปล่า พรรค ภท.อยากทำให้สำเร็จ จึงเลือกทางเดินนี้เพื่อรักษาผลลัพธ์มากกว่าภาพลักษณ์ แม้จะเจ็บตัวบ้างแต่หากทำให้เป้าหมายสำเร็จก็ยินดี สิ่งที่อยากเห็นคือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทำได้จริง อยู่บนโลกความจริง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญในฝันหรืออุดมคติ“ณัฐพงษ์” เรียกร้องนายกฯยุบสภาเวลา 19.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน.และผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า การลงมติมาตรา 256/28 จะเป็นจุดตัดสำคัญว่าคำว่าพูดแล้วทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นจริง เชื่อได้หรือไม่ เพราะพรรค ภท.คงสนับสนุนให้ใช้เสียงโหวต สว.1 ใน 3 แก้รัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่พรรคปชน.ยอมรับไม่ได้ ถ้าให้ใช้เสียง สว.1 ใน 3 กลับมติวิปรัฐบาลและมติ กมธ.เสียงข้างมาก ถ้าผลโหวตเป็นเช่นนี้ขอให้นายกฯยุบสภา ขอให้ชั่งน้ำหนักดีๆ ถ้ายังยืนยันโหวตเอาเสียง สว.1 ใน 3 เชื่อไม่ได้ว่า การโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 3 จะเป็นจริงผลโหวตพลิกหนุนใช้เสียง สว.1 ใน 3จากนั้นที่ประชุมลงมติจะเห็นด้วยกับเนื้อหามาตรา 256/28 ที่ให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ที่ประชุมลงมติ ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหามาตรา 256/28 ด้วยคะแนน 312 ต่อ 290 เสียง งดออกเสียง 6 ยังคงต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ร่วมเห็นชอบอยู่ แต่นายณัฐพงษ์ขอให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อลงคะแนน ตามข้อบังคับการประชุม ทำให้ต้องนับคะแนนใหม่ โดยการขานชื่อลงคะแนนปชน.เดินเกมยื่นซักฟอกทันที ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากอาคารรัฐสภาว่า ภายหลังจากการโหวตมาตรา 256/28 ที่มติที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้กลับไปใช้เสียง สว. 1 ใน 3 มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเสียง สส.พรรค ภท. ไปร่วมโหวตพลิกมติ กมธ.เสียงข้างมากด้วย ล่าสุด เวลา 20.00 น. แกนนำพรรค ปชน.ได้ตามตัว สส.พรรค ปชน.ให้ไปร่วมลงชื่อเพื่อเสนอญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 แบบลงมติทันทีพท.ขอรัฐสภาชง ครม.ทําประชามติขณะที่เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. พร้อม กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กมธ.สัดส่วนพรรค พท.ร่วมแถลงเสนอญัตติด่วนขอให้ประธานรัฐสภามีหนังสือแจ้งให้นายกฯดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติ เพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การจัดทำประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจทำ พร้อมกันในคราวเดียวได้ กับการออกเสียงประชามติจะต้องดำเนินการไม่เร็วกว่า 90 วัน และต้องไม่ช้ากว่า 120 วัน นับแต่วันที่นายกฯได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาและมีมติให้ประธานรัฐสภามีหนังสือแจ้งไปยังนายกฯ หลังรัฐสภาผ่านวาระ 2 เสร็จสิ้น เพื่อให้มีการออกเสียงประชามติต่อไป“ไชยชนก” โบ้ยสินบน 40 ล้านอยู่ที่ ป.ป.ช.เมื่อเวลา 09.15 น. ที่รัฐสภา นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยก่อนเข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ วาระการปราบปรามสแกมเมอร์ว่าพร้อมตอบทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้จริงๆ ที่ผ่านมาได้พูดคุยกัน มีประเด็นที่นายรังสิมันต์เผยแพร่ผ่านสื่อ เป็นประเด็นการเมือง ตนและ รมว.ยุติธรรม เคยเชิญนายรังสิมันต์มาให้ข้อมูล แต่ท่านไม่ได้มา จึงหวังว่าครั้งนี้จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจัดการเครือข่ายสแกมเมอร์จริงจัง หวังว่าจะไม่ใช่เกมการเมือง ส่วนคดีสินบน 40 ล้านบาท จบจากกระบวนการของตนไปนานแล้ว เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช.น่าจะไปสุดทาง จึงไปโฟกัสเรื่องอื่นต่อ ในฐานะผู้ให้ข้อมูลไม่ได้มีอะไรที่ทำได้เพิ่มเติม ใครเป็นคนผิด ไม่แน่ใจ ทราบมาว่ามีการเชิญบุคคลที่ตกเป็นข่าวมาให้ข้อมูล ออกหมายเรียกแล้ว 2 ครั้งยังไม่มา จะออกหมายจับได้หรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของตนใครเอี่ยว MOU บ.สิงคโปร์ต้องแจงเองนายไชยชนกกล่าวต่อกรณีภาพถ่ายการลงนาม MOU ของอดีตปลัดกระทรวงดีอีกับบริษัทสิงคโปร์ มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.กระทรวงดีอี และ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศธ.และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิทร่วมเป็นพยานว่า ปลัดกระทรวงรายงานหลังลงนามไปแล้วไม่ได้มีกิจกรรมใดๆร่วมกัน จึงไปตรวจสอบเองดูภาพกล้องวงจรปิดภายในอาคารกระทรวง ดูระบบต่างๆ เจอข้อมูลเพิ่มขึ้นจากภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่บันทึกเป็นอัลบั้ม ใครเชิญมา ใครรู้จักกับใคร อาจต้องไปสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเอง ตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่องนี้แล้ว ยังไม่ได้สอบถาม ร.อ.ธรรมนัส ถ้าเจอจะถามเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ท้ายที่สุดอยู่ที่แต่ละคนจะออกมาชี้แจง แต่ละคนที่มีตำแหน่งรองนายกฯและ รมต.คงมีเหตุผลที่แจงได้ป้องแม่โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลคู่กรณีนายไชยชนกยังกล่าวถึงกรณีนางกรุณา ชิดชอบ มารดา นำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้วิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาครอบครัวชิดชอบมีส่วนเกี่ยวข้องกับกาสิโนในฝั่งกัมพูชา มาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่า เพิ่งทราบเรื่อง ได้สอบถามมารดาแล้ว ยืนยันจะดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการอยู่แล้ว ถึงจะรักมากและเป็นแม่ ถ้าใจไม่แข็งพอจะไม่สามารถปราบปรามสแกมเมอร์ได้แน่นอน ได้ตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) พบว่าข้อมูลส่วนตัว PDPA ที่ถูกปล่อยออกมา เป็นข้อมูลที่ผู้ปล่อยข้อมูลควรจะได้ มีการมอบอำนาจให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี จึงไม่ผิด พ.ร.บ. PDPA เนื่องจากมีการมอบอำนาจในการดำเนินคดี สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทำรายงานรวบรวมส่งมาให้ PDPA ทราบว่า มีการลงโทษภายในแล้ว แต่ไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของ สตช.พท.ชู “ยศชนัน-หนิม” แคนดิเดตนายกฯวันเดียวกัน เฟซบุ๊กพรรค พท.ประกาศกำหนดการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยภายในงานจะนำเสนอกรอบวิสัยทัศน์ “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้!” ซึ่งจะเป็นทิศทางหลักในการตอบโจทย์วิกฤติประเทศทั้งในปัจจุบันและระยะยาว ผ่านกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ บนข้อมูลที่ตรวจสอบได้และตั้งอยู่บนความเป็นไปได้จริง รายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.ประกอบด้วยนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นอกจากนี้จะเป็นบุคคลในพรรค พท. คือนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรค อีกรายชื่อจะเป็นบุคคลภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ อยู่ระหว่างรอการตอบรับ4 เดือน “ทักษิณ” ปรับตัวดีขึ้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อเวลา 09.45น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เป็นตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร เป็นครั้งที่ 24 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณเข้าเยี่ยม 1 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.แพทองธารเปิดเผยว่า พูดคุยกับคุณพ่อหลังอยู่ในเรือนจำย่างเข้าเดือนที่ 4 พบว่าปรับตัวได้ดีขึ้น แต่ที่ต้องติดตามคือเรื่องสุขภาพ เช่น ยังมีภาวะอาการจากโรคความดันขึ้นและลง ความเครียด ตนได้นำเรื่องของหลานๆไปเล่าให้ฟังคุณพ่อยิ้มและหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นเรื่องประเทศเพื่อนบ้าน มีเพียงการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของหลานว่าจะเข้าเรียนที่ไหน ผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นการจัดงานซีเกมส์อยู่ในช่วงรอยต่อการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย น.ส.แพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถามแค่เพียงยิ้มก่อนขึ้นรถกลับไป“อนุทิน” ย้ำวินัยการเงินเรื่องสำคัญเมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมรอยัล บอลรูม ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้านการงบประมาณ OECD Asian Senior Budget Officials Meeting ครั้งที่ 19 จัดโดยสำนักงบฯร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และผู้บริหารระดับสูงจากประเทศสมาชิก OECD และประเทศอื่นๆ อาทิ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย ภูฏาน บรูไน กาตาร์ เข้าร่วม โดยนายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลถือว่าวินัยการคลัง ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ เป็นหัวใจสำคัญของการบริหารประเทศ มีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดสำคัญ ต้องการให้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนจากนั้นเวลา 11.25 น.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อะฮ์มัด ซาฮิด บิน ฮามีดี รองนายกฯและ รมว.การพัฒนาชนบทและส่วนภูมิภาคมาเลเซีย แลกเปลี่ยนความเห็นประเด็นสำคัญร่วมกัน เช่น สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ และหารือความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่