‘Thailand’s direction remains status quo. No ceasefire’ ทิศทางประเทศไทยคงเหมือนเดิม ไม่มีการหยุดยิง “เต็มสิบ” ถ้าให้คะแนนบท “ผู้นำในภาวะวิกฤติ” ปลุกเชื่อมั่น ความมั่นใจทหารหาญและผู้คนในชาติ “นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” โดดเด่น รวมพลังเป็นเอกภาพ “รักสามัคคี ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ในภาวะต้องต่อกรอริราชศัตรู ปะทะเดือดตลอดแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา ผู้นำต้องเล่นบท “นำเข้มแข็ง”แต่แน่นอน ในมุมมองอื่น “อนุทิน” ไม่พ้นเจอข้อติติง “ดีแต่พูด พูดแล้วทำ” แต่คำถามคือ “ทำอย่างไร” แค่ไหน เพราะแค่ไฟเขียว “ทหารนำ-การเมืองตาม” นั่นคงยังไม่พอเพราะเอาเข้าจริงฝ่ายกองทัพ การทหารกำหนดได้แค่วางยุทธวิธี ยุทธการการสู้รบส่วน “ยุทธศาสตร์” ฝ่ายนโยบาย รัฐบาลต้องชี้ทิศชี้ทางจะเอาอย่างไรกับมหันตภัยรุกรานมาตุภูมิ การรุกรบจะขับเคลื่อนไปถึงขีดสุดขั้นใด ปักหมุดเดินหน้าทำให้ศัตรู “หมดสภาพการรบ ไม่เป็นภัยคุกคามไปอีกนานแสนนาน” หรือจะ “ให้มันจบในรุ่นเรา”จะเปิดศึก เบา-ช้า-หนัก-เบา รุกลึกไปถึงขั้นไหนจุดใด ลากการสู้รบยาวก่อนเจรจา หรือสุดท้ายไม่เกี่ยงถ้าต้องยกระดับประกาศ “สงครามระหว่างประเทศ”ต้องคนเป็น “ผู้นำ” ต้องปักหมุดตีธงให้ชัดเพราะถ้าเอาแค่พูดขึงขังฮึกเหิม นอกจากจะถูกมองว่าเล่นบทซ้ำซีนเดิมๆ ขึงขังไว้ก่อน ตามที่ “พี่รัก” เนวิน ชิดชอบ ผู้นำความคิดภูมิใจไทย กระซิบบอก หรือแค่เล่นกระแสล้อเสียงเชียร์ แต่ “ออกหมัดเองไม่เป็น” ไม่ได้จะมุ่ง “หาแสง” กับ “โจทย์หนัก” ของประเทศไม่ได้ เพราะถึงเวลาล้อกระแสไปวันๆ กระแสก็อาจพลิกกลับมาบีบมาคั้นกดดันให้ตัดสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลากสถานการณ์ “ไฟชายแดน” ต่อไป สารพัดปัจจัยแทรกซ้อน เงื่อนไขบีบจะยิ่งถาโถมเข้ามานอกจากคนไทยจะยิ่งหงุดหงิด ไม่มีใครอยากอยู่ในภาวะระทึกขวัญกันนานๆ ต้องปรับวิถีชีวิต พลัดที่นาคาที่อยู่ อพยพนานๆก็คงไม่ไหวยังไม่รวมปัจจัยเบิ้มๆ “มหาอำนาจโลก” จดจ้องร่วมวง โดยล่าสุด “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่เคยมาเป็น “ตัวกลาง” หย่าศึก บีบไทย-กัมพูชาลงนามเอ็มโอยู “แนวทางสู่สันติภาพ” ที่ถูกฉีกทิ้งไปเรียบร้อยคาวบอยเฒ่ารายนี้ คงไม่ยอมหน้าแหก เสียเครดิต “ผู้นำสร้างสันติภาพโลก”ฉะนั้น “เสียงจากทรัมป์” ที่ประกาศแกมขู่ จะสายด่วนถึงผู้นำทั้ง 2 ประเทศคู่กรณี และ “นายกฯอนุทิน” ของประเทศไทย ไม่รับสาย ไม่คอนเนกต์ด้วยได้จริงหรือถึงยังไงเงื่อนไขบีบด้วย “อัตราภาษีโหดๆ” ผู้นำไทยต้องแคร์ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะบีบเข้ามาถึงผู้นำประเทศไทย มีเงื่อนเวลาแรงกระตุก “จะทำอะไรก็รีบทำ”นั่นก็ไม่ต่างจากไทม์ไลน์การเมืองในประเทศของ “นายกฯอนุทิน” เวลานี้เหมือนจะเร่งเครื่องกันเต็มสตีม แม้อยู่ในภาวะภัยความมั่นคงประเทศแผนต่ออำนาจรอบหน้ามากันเป็นชุดๆ ตั้งแต่ระดมบ้านใหญ่เข้าพรรคภูมิใจไทย เปิดตัวกันเป็นระลอกๆ เร่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ วางแผงผู้ว่าฯ นายอำเภอ ตำรวจ กันครบรวมทั้งแผนเศรษฐกิจที่ผ่าน ครม.แล้ว และที่ตั้งเรื่องเข้าฟลอร์ รอไฟเขียวอีกแพ็กเกจใหญ่ไม่แปลกที่ผู้คนจะจับตา กับกระแสข่าว “ยุบสภา” ก่อนกำหนดตามสัญญาใจ “31 ม.ค.2569” โดยที่พูดกันกระหึ่ม แผนเลือกตั้งอาจร่นมาที่ 15 ม.ค.2569“อนุทิน” ก็ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ แพลมไต๋ เตรียมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาไว้แล้วแต่นั่นก็เป็นโจทย์บังคับ สถานการณ์ปะทะเดือดชายแดน ไทย-กัมพูชา ต้องอยู่ในจุดได้เปรียบแบบที่ต้องเอื้อต่อแผนใหญ่ “เร้าชาตินิยม เอื้อภูมิใจไทย”ได้โชว์ฝ่าไฟสงคราม กลับมาเบิ้ลเก้าอี้กันสวยๆอีกรอบ.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม