“อนุทิน” ส่งสัญญาณ รธน.ผ่านวาระ 3 ยุบสภา ยกผลงานปราบแก๊งสแกมเมอร์ โต้เสียงวิจารณ์ โอ่ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้เท่ารัฐบาลนี้ งัดผลโพลในอดีตสวนเพื่อไทย เย้ยโชคดีแล้วที่ไม่มาที่ 1 “เอกนิติ” ย้ำอีกไม่เกี่ยว “เบน สมิท” “ไอติม” แนะโละหลักสูตรสร้างคอนเนกชัน ทำเลทองเอื้อสแกมเมอร์เชื่อมต่อผู้มีอำนาจ “โรม” โร่ฟ้องประชาชน “ผู้กอง” ใช้กฎหมายปิดปากฝ่ายตรวจสอบ ถามจะปกป้องชาติหรือทุนเทา “อิ๊งค์” โพสต์ “อดทนไว้นะคะพ่อ” พท.จวก “เสี่ยหนู” หนีความจริง ฉะเคลมผลงานรัฐบาล พท.เป็นของตัวเอง เย้ย 3 เดือนพิสูจน์ชัด “พูดแล้วทำไม่ได้” “อนุสรณ์” ยกสารพัดข้อหายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังปรากฏภาพถ่ายชนชั้นนำของไทย ร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท นักธุรกิจที่ถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ โดยเฉพาะตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ล่าสุดนายอนุทินท้าทายด้วยการยกผลงานช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลชุดไหนกล้าปราบปรามเท่ารัฐบาลนี้อีกแล้ว“อนุทิน” ปธ.ทำบุญถวายในหลวง ร.9เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 5 ธ.ค. ที่ท้องสนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อม น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภรรยา เป็นประธานพิธีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรม ราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธ.ค.2568 มีคณะองคมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รองนายกรัฐมนตรีและภริยา คณะรัฐมนตรีและภริยา ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมพิธี จากนั้นนายกฯถวายเครื่องไทยธรรมและผ้าไตรแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ก่อนร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 189 รูป ต่อมาเวลา 08.30 น. ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นายอนุทินเป็นประธานพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะส่งสัญญาณ รธน.ผ่านวาระ 3 ยุบสภาต่อมาเวลา 08.05 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเทศกาลปีใหม่มีแผนจะไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ ว่า 3 ปี หลังเป็น รมว.มหาดไทยไม่ได้ไปไหน ตรวจจราจรคนเดินทางกลับบ้านก็เหมือนเที่ยวแล้ว เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะเปิดประชุมวิสามัญวันที่ 10-11 ธ.ค. คาดหวังจะสำเร็จหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า สําเร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กําหนด วันที่ 10 ธ.ค. จะเข้าวาระ 2 แล้ว เมื่อผ่านวาระ 3 จะประกาศยุบสภา เมื่อถามว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนโหวตวาระ 3 จะทําอย่างไร นายอนุทินตอบว่า เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสําคัญ ทุกพรรคมีดำริแก้ไข ผ่านวาระ 1 มาแล้วก็ช่วยกันผลักดันไประยะเวลานิดเดียว เมื่อถามว่า มีกลุ่มบ้านใหญ่หลายกลุ่มไหลเข้าภูมิใจไทย จะมีปัญหาการจัดสรรพื้นที่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่กังวล ทุกอย่างบริหารจัดการได้หมด เมื่อถามว่า มองสถานการณ์ที่ถาโถมมายังพรรคภูมิใจไทยอย่างไร นายอนุทินตอบว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เดือน ม.ค.2569 ยุบสภาแน่นอน ขั้นตอนการเตรียมผู้สมัครพร้อมหมดแล้ว ทุกพรรคที่เอาแต่สาดโคลนใส่กันควรไปเตรียมตัว สร้างนโยบาย เตรียมพร้อมเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอนโอ่ผลงานปราบทุนเทารอบ 2 เดือนนายอนุทินยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ที่กำลังถาโถมเข้ามาว่า ถาโถมตรงไหน มีใครเคยอายัดเงินและทรัพย์สินหมื่นล้าน และกล้าประกาศรายชื่อคนที่อยู่เมืองไทยมานาน ไม่มีใครกล้าประกาศชื่อ ทุกคนเงียบหมด มีรัฐบาลใดทําได้เช่นนี้ ตอนบ่ายวันที่ 3 ธ.ค.ประกาศรายชื่อสแกมเมอร์ ยึดทรัพย์ บ้าน ที่ดิน เรือยอชต์ ใบหุ้น เงินสด 1.2 หมื่นล้านบาท พออายัดเสร็จบอกทําไมไม่ดําเนินคดี คนถามก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง การอายัดก็ดําเนินคดีต่อทันที วันเดียวกันไปจับเครื่องขุดบิทคอยน์ มูลค่า 3-4 พันล้านบาท พวกนี้นอกจากทําชั่ว ทําความเสียหายให้บ้านเมือง ก่ออาชญากรรม ยังลักไฟฟ้าใช้ เสียหายประมาณ 2 พันล้านบาท ไม่มีรัฐบาลไหนไปดูแล เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.เชิญผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บอกให้ไปดําเนินการว่ามีขาใหญ่รายอื่นอีกหรือไม่ ที่ลักไฟใช้ จีนเทา จีนสับปะรังเค พวกนี้เป็นต่างชาติยังแอบใช้ ขาใหญ่ในประเทศไทยมีหรือไม่ ต้องไปดู มีการขยายผลมากมาย เป็น 2 เดือนที่ทํางานกันหมดทุกคนงัดผลโพลสวนคำวิจารณ์เพื่อไทยผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าที่ปรับนายอนุทินออก เพราะทํางานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เกี่ยว กับการไม่ให้สัญชาตินายเบน สมิท นักธุรกิจที่ถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ นายอนุทินตอบว่า เขาคงลืมอ่านโพลผลสำรวจในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นอกจากนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธารแล้ว ตนก็เบอร์ 2 และทิ้งเบอร์ 3 ห่างด้วย พูดไปเรื่อยเพราะไม่รู้เรื่อง คิดอะไรไม่ออกก็โทษนู่นนี่ ถ้าห่วยจริง ไม่มีประสิทธิภาพ คนที่ขอให้ออกจากมหาดไทย ไปดูแลประชาชน ถ้าเอาคนห่วยๆไปดูกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวกับชีวิตประชาชน ไม่ยิ่งหนักกว่าหรือ ถ้าไม่ได้เรื่องคนแต่งตั้งนี่แย่เลย แสดงว่าไม่ได้ห่วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกฯและ รมว.คมนาคม ยังบอกทํางานดี ทุกคนชม จับโกหกได้หลายอย่าง โพลก็บอกว่ามาที่ 2 โชคดีแล้วที่ไม่มาที่หนึ่งสวนอย่าไปฟังคนที่ไม่รู้เรื่องพูดเมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารโพสต์คำว่า “เอ๊า” หลังนายกฯยอมรับรู้จักนายเบน สมิท นายอนุทินตอบว่า ท่านรู้เรื่องดีหมด เวลาที่คุย มีตน น.ส.แพทองธาร และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างผ่านไปหมดแล้ว อย่าลืมไม่ได้ถูกปลดแต่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล คนที่ไม่รู้เรื่องแล้วมาพูดอย่าไปฟัง เมื่อถามว่าเต็มสิบให้ตัวเองกี่คะแนน นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า “เดี๋ยวจะหาว่าคุย”“เอกนิติ” ย้ำอีกไม่เกี่ยว “เบน สมิท”นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวชี้แจงอีกครั้งถึงภาพถ่ายร่วมเฟรมกับนายเบน สมิทว่า ไม่มีอะไร วันนี้ขออนุญาตอาจไม่เหมาะสม ได้อธิบายไปแล้วเนื่องจากเป็นอาจารย์ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ“ไอติม” ชงโละหลักสูตรคอนเนกชันที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ชี้แจงเรื่องภาพถ่ายร่วมเฟรมกับนายเบน สมิท ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษบางคำว่า หากนายอนุทินอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ อยากให้ประสานความร่วมมือกับนานาชาติ ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล พูดคุยวางมาตรฐานเรื่องการฟอกเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เท่าที่ฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจมักบอกว่าเจอกันตามหลักสูตรต่างๆ ทั้ง วปอ. หรือหลักสูตรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวน หรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรที่จัดโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ของศาลยุติธรรม หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นปยส.) ของ ป.ป.ช.เป็นต้นเป็นทำเลทองเอื้อแก๊งสแกมเมอร์นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า เคยตรวจสอบผ่านกลไกกรรมาธิการเชิญหน่วยงานมาชี้แจง เราตั้งคำถามว่าได้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่กับข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณภาษีประชาชน หรือความเสี่ยงในการหล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ เพราะผู้เข้าร่วมหลักสูตรเหล่านี้มักมาจากหน่วยงานหรือภาคส่วนที่ต้องตรวจสอบซึ่งกันและกัน จึงตั้งคำถามว่าประโยชน์มีจริงหรือไม่ เพราะกลายเป็นว่าหลักสูตรเหล่านี้รวมตัวแทนรัฐจากหลายหน่วยงาน และภาคเอกชน อาจเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์กัน หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นทำเลทอง หรือศูนย์บริการครบวงจร One Stop Service ให้สามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงประเทศ กลับถูกตั้งคำถามกลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศหวัง สส.–สว.ร่วมใจกันแก้ รธน.นายพริษฐ์ยังกล่าวถึงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค.ว่า หวังว่าองค์ประชุมจะไม่มีปัญหา พรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมวิปฝ่ายค้านในวันที่ 9 ธ.ค. หารือกันถึงกรอบเวลา เชื่อว่าวาระ 2 จะจบภายใน 3 วัน พรรค ปชน.พร้อมปฏิบัติหน้าที่ หวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกภาคส่วนจะเข้าใจถึงหน้าที่พื้นฐานของตัวเองในการเข้าร่วมประชุม เมื่อถามว่าการใช้กลไกตรวจสอบรัฐบาลหมายถึงการยื่นซักฟอกหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า พอรัฐสภากลับมาเปิดการประชุมในห้องใหญ่ ก็มีการประชุมกัน กลไกต่างๆ ที่เราสามารถใช้ได้ก็จะนำมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบรัฐบาลมากขึ้น เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 3 เนื่องจากเจอหลายมรสุม นายพริษฐ์ตอบว่า ขอย้ำว่าถ้ารัฐบาลยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ ไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชน และตัวนายกฯแน่นอน“โรม” ซัด “ธรรมนัส” ฟ้องปิดปากนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ภาพเอกสารการฟ้องร้องพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า ขอเอาคำฟ้องที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ฟ้องตนที่ จ.พะเยา มาเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชน และผู้สนใจด้านกฎหมายอ่าน เราจะได้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้เป็นรองนายกฯว่ามีพฤติกรรมการใช้กฎหมายปิดปากฝ่ายตรวจสอบอย่างไร ต้องย้ำว่าวิธีการแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ สส.ฝ่ายค้านเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วไปต่อพี่น้องสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชน ยืนยันอีกครั้งว่าต้องการปกป้องประเทศไทยจากทุนเทายึดประเทศ ออกมาพูดเรื่องนี้แม้จะรู้ว่าอำนาจมืดนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร น่าคิดว่าที่ทำอยู่เป็นการปกป้องใคร “ชาติ หรือทุนเทาสแกมเมอร์”ปปง.แจงกลุ่มสถานภาพการเมืองอีกเรื่อง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกเอกสารข่าวประกาศสำนักงาน ปปง. เรื่องบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ที่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ก.พ.2569 มีสาระสำคัญคือการให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรรัฐระดับสูง เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ได้แก่ นายก รัฐมนตรี รองนายกฯ รัฐมนตรี ข้าราชการทางการเมือง หัวหน้าพรรคการเมือง กก.บห.พรรคการเมือง ประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา สส. สว. ผบ.ตร. ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของรัฐในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการในวงการตุลาการ และกระบวนการยุติธรรม เช่น ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อัยการสูงสุด (อสส.) ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผู้บริหารระดับสูงในรัฐวิสาหกิจ ยังครอบคลุมไปถึงประมุขแห่งรัฐ หรือรัฐบาล รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของต่างประเทศ เป็นต้น รวมถึงบุคคลข้างต้นที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่เกิน 1 ปี หรือพ้นมาเกิน 1 ปี แต่หากบุคคลนั้นยังคงมีอิทธิพลหรือความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองในปัจจุบัน หรือมีบทบาทในการตัดสินใจนโยบายสำคัญ ให้ถือว่าบุคคลนั้นยังคงมีสถานภาพทางการเมือง ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบการฟอกเงิน“อิ๊งค์” โพสต์ “อดทนไว้นะคะพ่อ”วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความพร้อมภาพที่ถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผ่านอินสตาแกรมระบุว่า “สุขสันต์วันพ่อ คุณพ่อสุดที่รักของลูก ลูกขอให้พ่อสุขภาพแข็งแรงทั้งกาย และใจ อดทนไว้นะคะพ่อ แล้วเราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกันซักทีค่ะ คิดถึงทุกวันเหมือนเดิม”พท.สวนกลับ “หนู” หนีความจริงน.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทยว่า การสร้างวาทกรรมอ้างผลโพล เป็นการหนีความจริงโยนความผิดให้ผู้อื่น ปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ หากมีผลงานจริง ประชาชนคงเห็นมาตรการตัดไฟ แก้ปัญหาสแกมเมอร์ ตั้งแต่เมื่อ ครม. มีมติวันที่ 2 เม.ย.2567 สมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ที่ให้เร่งปราบอาชญากรรมออนไลน์ แต่กระทรวงมหาดไทยไม่ขับเคลื่อนจนงานค้างสะสม กระทั่งรัฐบาล น.ส.แพทองธารมาบริหาร จึงประกาศตัดไฟทันที มาตรการเหล่านี้ไม่เคยถูกผลักดันจริงในยุคนายอนุทินเป็น รมว.มหาดไทยตอนนั้น การ แก้ปัญหายาเสพติดสมัยนั้นทำงานเหมือนหอยทาก ต้องให้ น.ส.แพทองธารกำชับซ้ำหลายครั้ง “พูดแล้ว ทำไม่เป็น” ชัดเจนขึ้นเมื่อนายอนุทินเป็นนายกฯ ไม่เร่งแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ทั้งที่สหรัฐฯและสหราช อาณาจักรคว่ำบาตร แต่กลับนิ่งเฉย รวมถึงเหตุวิกฤติ น้ำท่วมภาคใต้ ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก สะท้อนการขาดภาวะผู้นำ ตัดสินใจล่าช้า ไม่สามารถจัดลำดับ ความสำคัญปัญหา จนถูกตั้งคำถามยึดทรัพย์สแกมเมอร์ เพื่อกลบความล้มเหลววิกฤติน้ำท่วมภาคใต้หรือไม่3 เดือนพิสูจน์ชัด “พูดแล้วทำไม่ได้”น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า การอ้างผลโพลความนิยมในอดีต ทั้งที่ตัวเลขเหล่านั้นเป็นผลงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปัจจุบันผลโพลทุกสำนักชี้ชัด ประชาชนให้คะแนนสอบตกเกือบหมด การบริหารจัดการน้ำท่วม ล้มเหลวหนัก คะแนนนิยมส่วนบุคคลนายอนุทินเหลือ เพียง 4.38% พรรคภูมิใจไทยตกไปอยู่ลำดับที่ 6 เหลือ 5.32% ตอนนั้นรัฐบาลเพื่อไทยมีผลงานโดดเด่น แต่ผลงานกระทรวงมหาดไทยยุคนั้นไม่เป็นรูปธรรมจนถูก ปรับออกจาก ครม. วันนี้เมื่อนายอนุทินมีอำนาจเต็ม ประชาชนจึงเห็นผลงานจริงชัดเจนในวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ และผลโพลปัจจุบัน คะแนนยังร่วงลงต่อเนื่อง สะท้อนความจริงนายอนุทินพูดแล้วทำไม่ได้ขย่มภาพหลุดนายกฯ–เบน สมิทนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค เพื่อไทย กล่าวถึงภาพหลุดนายกฯ กับนายเบน สมิท ถูกตั้งคำถามว่า เป็นสาเหตุที่รัฐบาลไม่กล้าปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติว่า นายอนุทินยืนยันว่า รู้ว่าใครปล่อยภาพออกมา ประชาชนก็อยากรู้มี เป้าประสงค์อย่างไร การยอมรับเคยเจอนายเบน สมิท 5-6 ครั้ง ประชาชนสงสัยนายอนุทินพบนายเบน สมิท ครั้งหลังสุดเมื่อใด ถ้าเพิ่งพบกันเร็วๆนี้ ประชาชนจะได้รู้ชะตากรรมตัวเอง เพราะปัญหาสแกมเมอร์ดูเหมือนรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ขยับอะไร เกรงใจใคร หรือไม่ รวมถึงปมสินบน งดปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 40 ล้านบาท ประชาชนเฝ้ารอฟังผลสอบจะออกมากี่โมงสารพัดข้อหายื่นอภิปรายไม่ไว้ใจนายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่พรรค ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกจาก คดีสแกมเมอร์ ทุนเทา เขากระโดง ฮั้ว สว. ช่วงเวลา 2 เดือน เกิดเหตุสะเทือนศรัทธาประชาชนจำนวนมาก เพียงพอต่อการตั้งคำถามถึงความสามารถความโปร่งใสของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งงบประมาณจัด Moto GP 4 พันล้านบาท ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธระหว่าง สหรัฐฯ-ไทย วิกฤติน้ำท่วม เป็นบทพิสูจน์ความล้มเหลว ของรัฐบาล รวมถึงภาพถ่ายภาพหลุดต่างๆ ที่สั่นคลอน ความน่าเชื่อถือผู้นำรัฐบาลอย่างรุนแรง รัฐบาลจึงไม่ควร ยุบสภาหนี และไม่ควรนำประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันทางการเมือง“เป็นธรรม” บี้ “กัณวีร์” คืนเก้าอี้ สส.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กพรรคเป็นธรรม (ปธ.) เผยแพร่แถลงการณ์การให้สัมภาษณ์ของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ อดีตเลขาธิการพรรค ปธ. ว่า ตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ของนายกัณวีร์มาจาก คะแนนเสียงรวมของประชาชนที่เลือกพรรค ปธ. ไม่ใช่คะแนนส่วนบุคคล ดังนั้นหากสมาชิกประสงค์จะย้ายพรรคในอนาคต ย่อมต้องคืนตำแหน่งให้พรรคเดิมก่อน รวมถึงพรรคได้ให้สมาชิกแจ้งความประสงค์ลงสมัครเลือกตั้งครั้งหน้า โดยแจ้งไทม์ไลน์และขั้นตอนตามข้อบังคับให้สมาชิกที่เป็นกรรมการบริหารทุกคนเท่าเทียมกัน แต่นายกัณวีร์ไม่ได้ยื่นความประสงค์ภายในกำหนดเวลา ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการสรรหาคณะผู้บริหารชุดใหม่ จึงเป็นเหตุให้หัวหน้า พรรคต้องลาออกเพื่อปรับพรรคเตรียมพร้อมเลือกตั้ง และที่ให้สัมภาษณ์ได้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ย่อมทำให้สาธารณชนตั้งคำถามถึงความเหมาะสม หากยังคง สถานภาพนี้ต่อไป พรรคคงต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อความชัดเจน และสร้างมาตรฐานต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่