ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ การที่รัฐบาลดำเนิน โครงการคนละครึ่งพลัส ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน จะทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายกับผู้ประกอบการรายย่อย ร้านค้าปลีก หาบเร่แผงลอย นอกจากนี้ยังมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นอื่นๆ เช่น ช็อปดีมีคืน หรือนำใบเสร็จการใช้จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ไปลดภาษีได้ รายได้หลักจากการท่องเที่ยว ควรจะเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศมากกว่าที่ยังแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะเป็น หนี้ในระบบ หรือ หนี้นอกระบบที่กลายเป็นความท้าทาย เนื่องจากหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 95.5% ต่อจีดีพี ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 จนปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 87.5% ก็ยังสูงกว่าเกณฑ์สากลที่ต้องไม่เกิน 80% อยู่ดี แม้รัฐบาลจะมีนโยบาย ลดภาระหนี้ประชาชน ผ่านโครงการแก้หนี้ที่มีหนี้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท การบริหารจัดการภายในระยะเวลา 4 เดือนไม่ใช่เรื่องง่าย ที่มาของเงินที่จะลดภาระหนี้ดังกล่าว เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ระบุว่า จะนำเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่มาจากธนาคารพาณิชย์ส่งเงินสมทบเข้ากองทุน โดยมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 26,000 ล้านบาท ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ในการซื้อหนี้ NPL ของประชาชนออกมาปรับโครงสร้างใหม่ ตั้งเป้าว่าจะลดหนี้ครัวเรือนลงได้กว่า 87% วิธีการปรับโครงสร้างใหม่ ได้แก่ ยืดหนี้ ลดดอกเบี้ย ลดจำนวนการผ่อนต่อเดือน เพื่อไม่ต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบปลัดคลัง ลวรณ แสงสนิท ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เงินกองทุนฟื้นฟูที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ เป็นวงเงินที่เหลืออยู่จากโครงการคุณสู้ เราช่วย โดยจะนำมาเป็นเงินทุนในการบริหารหนี้เสียที่มีมูลหนี้ไม่เกินรายละ 1 แสนบาท มีอยู่จำนวน 3.8 ล้านราย มูลหนี้ 1.2 แสนล้านบาท เป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ 1.4 ล้านราย มูลหนี้ 3.5 หมื่นล้าน และลูกหนี้ Non-Bank อีก 2.4 ล้านราย มูลหนี้ 8.5 หมื่นล้านบาทการบริหารหนี้เสียจะมี 3 รูปแบบ คือ ให้ธนาคารพาณิชย์ ตั้ง AMC เข้ามาดูแลลูกหนี้ของแบงก์ ดำเนินการผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด และบริษัทสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด และบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ รองรับลูกหนี้จากแบงก์ขนาดเล็กและแบงก์รัฐอย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากข้อมูลที่ รมช.คลัง วรภัค ธันยาวงษ์ ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า หนี้ครัวเรือนไทยมีมูลค่า 13.55 ล้านล้านบาท หรือ 90% ของจีดีพี และพบว่าร้อยละ 50 เป็นหนี้ที่ไม่มีหลัก ประกัน และเป็นหนี้ NPL แล้วกว่า 9% อีก 8% เคยเป็นหนี้ NPL มาแล้วและผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว อยู่ในขั้นเฝ้าระวังอีก 4%ที่ผ่านมาการแก้หนี้นอกระบบและในระบบไม่ได้ผลเพราะพฤติกรรมของลูกหนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย รีไฟแนนซ์ยันลูกบวช ดังนั้นการแก้หนี้แต่ละครั้งแบงก์และนอน-แบงก์เลยสบายตัวไปเยอะ.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม