ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ลงโทษจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก” อดีตเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลา 6 ปี บวกโทษเก่าอีก 4 เดือน สั่งจำคุก “ศรีสุวรรณ” นักร้องเรียนชื่อดังและภรรยา พร้อมพวกคนละ 4 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุน ร่วมกันรีดเงินผู้เสียหาย 3 ล้านบาท มีหลักฐานมัดแน่นทั้งคลิปเสียงและภาพ 40 คลิป ข้อความในไลน์และหมายเลขธนบัตรของกลาง ศาลอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้งหมดมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ด้านอธิบดีกรมการข้าวเผย คู่กรณีก่อกรรมมาเยอะสุดท้ายหนีกรรมไม่พ้นศาลสั่งจำคุกนักร้องเรียนคนดัง “ศรีสุวรรณ” พร้อมพวก คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมข้าว ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ศาลนัดพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามคดีทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และอดีตข้าราชการการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องเรียนชื่อดัง น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกลักษณ์ วารีชล คนสนิทนายศรีสุวรรณ และนางณพัชญ์ปภา จรรยา ภรรยานายศรีสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเรียกรับทรัพย์สิน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวศาลอ่านคำพิพากษาว่า พิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งหมดกระทำความผิดจริง ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบ มีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด ทำคลิปเสียง คลิปภาพ ข้อความแชตในแอปพลิเคชันไลน์ และหมายเลขธนบัตรที่นำไปมอบให้นายศรีสุวรรณที่บ้านเป็นหมายเลขเดียวกันกับที่ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เบิกจากธนาคารมาเพื่อเป็นหลักฐานในการส่งมอบเงินในวันเกิดเหตุทั้งนี้ นายยศวริศ ชูกล่อม จำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุเป็นคณะทำงานตรวจราชการที่ 11 และได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นฟังไม่ขึ้น คดีนี้โจทก์อ้างคลิปบันทึกภาพและเสียง 40 คลิป จากภรรยาของผู้เสียหาย ศาลได้ส่งตรวจพิสูจน์แล้วไม่มีการตัดต่อ และจำเลยที่ 1-3 ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปและภาพดังกล่าวเป็นความจริง อีกทั้งคลิปและภาพดังกล่าวแสดงเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องกับที่ผู้เสียหายและภรรยาเบิกความ จึงมีน้ำหนักรับฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา จำเลยที่ 2 แถลงข่าวที่รัฐสภาว่า กรมการข้าวมีการทุจริตและจะทำการตรวจสอบ ก่อนโทร.หาผู้เสียหายพูดจูงใจให้ยอมจ่ายเงินเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง โดยจำเลยที่ 2 ให้เหตุผลว่าจะพิสูจน์ว่า ผู้เสียหายไม่มีความผิดและในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ได้โทร.หาภรรยาผู้เสียหายเพื่อเรียกเงิน แต่ได้ต่อรองจนเหลือราคา 1.5 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท และขอให้จ่ายก่อนปีใหม่พยานหลักฐานบทสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์เกี่ยวกับการนัดหมายและเรียกรับเงินหลายครั้ง เป็นการสนทนาระหว่างจำเลยที่ 3 ที่เป็นเลขาของจำเลยที่ 1 และยังมีการเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ทั้งบทสนทนาและหลักฐานการโอนเงิน รวมทั้งในวันที่ 26 ม.ค.67 ภรรยาผู้เสียหายได้นำเงินจำนวน 5 แสนบาทใส่ถุงพลาสติกมาแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านของจำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 5 ได้นำถุงกลับเข้ามาในบ้าน โดยมีการหยิบใส่ถุงพลาสติกสีดำอันมีลักษณะปกปิดและมีพฤติกรรมน่าสงสัย เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 5 ทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 5 เป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่ฯ และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี และให้บวกโทษของจำเลยที่ 1 ในศาลอื่นอีก 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 ปี 4 เดือนส่วนจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการทำผิด ต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี ริบเงิน 160,000 บาท ที่จำเลยทั้ง 5 ได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้องโดยให้จำเลยทั้ง 5 ชำระเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลภายใน 30 วันนายศรีสุวรรณกล่าวก่อนเข้าไปฟังคำพิพากษาศาลว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองต้องการเตะตัดขา เพราะไม่ต้องการให้ตนทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน ที่ผ่านมาไม่สามารถใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนมาตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงได้มากนัก ทำให้นักการเมืองดีอกดีใจ กระพือปีกกระดี๊กระด๊า ทำอะไรโดยอำเภอใจแล้วย่ามใจต่อมาหลังจากจำเลยฟังคำพิพากษาศาลเสร็จสิ้น จำเลยทั้ง 5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ตีหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 600,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้านนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ไม่ได้ไปศาลในวันนี้ ที่ผ่านมาได้ให้การไปกับศาลทั้งหมดแล้ว รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งคลิปเสียง แชตไลน์ คลิปวิดีโอ ส่วนตัวมองว่าเป็นกรรมของเขาเพราะว่าเขาทำกรรมมาเยอะแล้ว คนเราทำอะไรก็หนีกรรมไม่พ้น ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวมองว่าเฉยๆ เพราะตนโดนกระทำมาเยอะ ถูกใส่ร้ายมาเยอะ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าวค่อยๆ แก้กันไป เพราะไม่ได้กระทำความผิด แต่อาจจะมีบ้างที่ไปขัดผลประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม ส่วนตัวต้องยอมรับความเป็นจริง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แค่รู้ตัวเองว่าไม่ได้กระทำความผิดแค่นี้ก็เพียงพอ เมื่อถามว่า มีอะไรจะฝากถึงนายศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิกหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์กล่าวว่า ขอปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนตัวไม่มีอะไรติดใจ เพราะถือว่าทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุดแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่