"อนุทิน" ระดมทุกหน่ยงานร่วมตรวจเช็กคุณสมบัติ รมต.รอบสุดท้าย ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย มั่นใจทุกรายชื่อถูกต้อง ก่อนควง “บิ๊กน้อย” สักการะศาลหลักเมือง-พระแก้วมรกต หยอกนักข่าว “เอาบุญมาฝาก” “สิริพงศ์” โชว์พลิ้ว อ้างคุมเสียง สว.ไม่ได้ ลั่นจุดยืน ภท.-ปชน.เห็นตรงก็ยืนร่วมกัน เห็นต่างก็แค่รวมเสียงให้มากพอ สวนกลับ พท. MOA ไม่มีผลทางกฎหมาย “วิโรจน์” น้อมรับคำครหา “นั่งร้าน” จัดทีม สส.ไว้รอชำแหละวันแถลงนโยบาย ยันไม่มีข้อตกลงเรื่องโควตา รมต. สว.สำรองบุก ปชน.เบรกสายบุรีรัมย์นั่ง รมว.ยุติธรรม หวั่นล้มคดีฮั้ว สว. “คุณหญิงอ้อ” ปลุกขวัญ พท. ให้กำลังใจสมาชิกสู้ๆ ราชทัณฑ์แจงมื้อเช้า “ทักษิณ” ยังเป็นไข่ต้ม-กาแฟดำ “วิญญัติ” รุดพูดคุยเรื่องคดีพรรคภูมิใจไทยเริ่มออกลีลาพลิ้ว เมื่อนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องดูเนื้อหาแก้ไขที่เป็นไปได้ ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคไหนไปคุย แต่อยู่ที่เนื้อหาว่าฝั่ง สว.รับได้หรือไม่ สวนกลับพรรคเพื่อไทยเรื่องทำ MOA กับพรรคประชาชน ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แค่มีผลต่อความรู้สึกระดมทุกหน่วยเช็กคุณสมบัติ รมต.เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางมายังตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อนำรายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี มาส่งให้ น.ส.ณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นเวลา 12.55 น. หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เดินทางมายังตึก สลค. คาดว่ามาช่วยตรวจคุณสมบัติ อาทิ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. รวมถึงตัวแทนกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กระทั่งเวลา 13.08 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นั่งรถยนต์ส่วนตัวโรลส์รอยซ์ ทะเบียน วอ 3333 เข้ามายังตึก สลค.“อนุทิน” สักการะศาลหลักเมืองต่อมาเวลา 14.25 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อ ครม.เสร็จ มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รอต้อนรับ จุดแรกนายอนุทินสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หอพระ ระหว่างนั้น พล.อ.ณัฐพลที่เดินตามหลังมา ลื่นล้มทั้งตัวที่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้น แต่รีบลุกอย่างรวดเร็วไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จากนั้นนายอนุทินผูกผ้าแพร 3 สี ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง สักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 และเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองต่างตะโกนให้กำลังใจ ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณเช็กบัญชีรายชื่อ ครม.รอบสุดท้ายนายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าทำเนียบว่ามาประชุมกับหน่วยงานต่างๆที่ สลค.ส่งชื่อไปตรวจสอบให้เรียบร้อย เป็นการประชุมรอบสุดท้าย คาดว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเลขาธิการ ครม. จะทำเอกสารเพื่อกราบบังคมทูลฯ เพื่อขอพระกรุณาให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ครม. คิดว่าเย็นวันเดียวกันนี้น่าจะทำเสร็จ เมื่อถามว่ารายชื่อรัฐมนตรีที่เสนอมีปัญหาหรือไม่ นายกฯตอบว่า ตอนนี้ไม่มี เมื่อถามย้ำว่าลงนามไปแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ยังครับ ตอนนี้รายชื่อครบหมดแล้ว แต่ต้องมีการกรอกแบบฟอร์มให้ตรงกับการนำเสนอเพื่อทูลเกล้าฯถวาย”มั่นใจตรวจสอบถูกต้องภายใต้ รธน.ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่าบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี มีความสุ่มเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติ นายอนุทินตอบว่า ยืนยันว่าได้ตรวจสอบทุกอย่าง คนที่ถูกนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีข้อร้องเรียนตามมาทีหลังใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เราไปห้ามตรงนั้นไม่ได้ แต่มั่นใจว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำตามกฎหมายและทำตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าที่รายชื่อรัฐมนตรีล่าช้า เพราะมีการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก นายอนุทินตอบว่า “อย่าไปตั้งข้อสังเกตเลย ทำไมบอกว่าล่าช้าละ ผมก็ไปนั่งเทียบอยู่ทุกวันกับ ครม.ชุดเดิมๆ นั่งเช็กกับเลขา ครม.มันมีขั้นตอนของมัน ของเรายังเร็วกว่าคนอื่นอยู่”หยอกล้อนักข่าว “เอาบุญมาฝาก”จากนั้นนายอนุทินและ พล.อ.ณัฐพลเดินข้ามถนนมายังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ทางประตูสวัสดิโสภา เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระบรมมหาราชวัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ตามมาว่า “เอาบุญมาฝาก” เมื่อถามว่ามีภารกิจไปไหนต่อ นายอนุทินตอบว่ารอลงนาม นัดกับเลขาธิการ ครม.อยู่ เมื่อถามย้ำว่าที่ไหน นายอนุทินกล่าวหยอกล้อว่า “ร้านลาบ” วันนี้เสร็จภารกิจเกี่ยวกับการทูลเกล้าฯ ครม.แล้ว ถือว่าผ่านไปอีกเปลาะ ระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวตุรกีที่เห็นและทราบว่าเป็นนายกฯจึงเข้ามาขอถ่ายภาพกับนายอนุทิน“สิริพงศ์”พลิ้วคุมเสียง สว.ไม่ได้ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญที่ สว.อาจไม่เอาด้วยว่า ต้องดูเนื้อหาแก้ไข ที่เป็นไปได้ การไปขอเสียง สว.ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคไหนไปคุย แต่อยู่ที่เนื้อหาว่าฝั่ง สว.รับได้หรือไม่ วันนี้ต้องทำใจให้เป็นธรรมหากจะขอมือคะแนนโหวตให้ ต้องมีข้อเสนอที่รับได้ เช่น การพิจารณาอะไรก็แล้วแต่ อำนาจ สว. อาจเป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่ยกมือสนับสนุน พรรค ภท.กับพรรคประชาชน (ปชน.) ต้องคุยแนวทางกันว่าจะทำแบบไหน หากเห็นตรงกันเราอาจยืนร่วมกัน แต่ถ้าเห็นต่างกัน พรรค ภท.ต้องรวมเสียงให้มากพอ ให้สามารถยืนได้ เมื่อถามว่าชัดเจนหรือยังว่าจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่มีเลย นายสิริพงศ์ตอบว่า ส.ส.ร.ต้องเป็นทางอ้อมแน่นอน เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถเลือกทางตรงได้ ส่วนจะมาจากอะไรให้รัฐสภาเลือกร่วมกัน หรือเลือกตั้งตัวแทนเข้ามา แล้วมาเลือกอีกที ก็ต้องคุยกันอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะไปในทิศทางที่ดี ธงของพรรค ภท.มองว่า วาระแรกต้องพิจารณาในสมัยประชุมนี้ ช่วงปิดสมัยประชุมให้เป็นหน้าที่ของ กมธ.พิจารณาสวนกลับ พท. MOA ไม่มีผลทาง ก.ม.นายสิริพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีมีผู้ยื่นคำร้องขอให้เอาผิดพรรค ปชน.และพรรค ภท. เรื่องทำ MOA ว่า ลักษณะของ MOA เป็นความเข้าใจและข้อตกลงร่วมกัน อาจไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่มีผลทางความรู้สึก และมีผลต่อความรับรู้ ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันที่จะรับเงื่อนไข MOA ของพรรค ปชน.เช่นกัน เมื่อถามว่าคำร้องดังกล่าวสะท้อนอย่างไร นายสิริพงศ์ตอบว่า แต่ละพรรคมีแฟนคลับของตัวเอง เมื่อถามว่าคำร้องที่ยื่นไป ระบุว่าการเซ็น MOA เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เพื่อเป็นสารตั้งต้นในการยุบพรรค นายสิริพงศ์ตอบว่าไม่ได้มีถ้อยคำอะไรที่เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้มีการระบุถึงอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าทำไม่ได้ และเราไม่อาจก้าวล่วงองค์กรใด“วิโรจน์” น้อมรับข้อครหา “นั่งร้าน”ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า กรณีพรรค ปชน.ถูกครหาเป็นนั่งร้านให้พรรค ภท.จัดตั้งรัฐบาลน้อมรับเคารพเสียงวิจารณ์ หากยกมืออีกฝ่ายก็กล่าวหาว่าเป็นนั่งร้านให้อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ดี เข้าใจดีถึงความอึดอัดกับโฉมหน้า ครม.บางคนที่ถูกข้อกังขาจากสังคม แต่เชื่อว่าด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยรัฐสภาเสียงปริ่มน้ำ ต่อให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหน้าตารัฐมนตรียังคงวนเวียนอยู่กับกลุ่มเดิม การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้ประชาชนคือการยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ชอบธรรมมาจากการเลือกตั้ง ขอน้อมรับข้อต่อว่าท้วงติงจัดทีม สส.ไว้รอชำแหละนโยบายผู้สื่อข่าวถามว่ามีการจัดผู้อภิปรายในวันแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายวิโรจน์ตอบว่า จะมีการท้วงติงเพื่อเตือนหรือส่งสัญญาณว่าสิ่งใดไม่ควรทำในระยะเวลา 4 เดือน ตนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งการฮั้ว สว. เขากระโดง และการเข้ามาของนายทุน ที่เชื่อมโยงไปถึงทุนฝั่งกัมพูชา ตนและ สส.อย่างน้อย 36 คน จะรวบรวมข้อมูลอภิปรายท้วงติงพร้อมปักหมุดตรวจสอบ ครม.อนุทิน 1 ไว้ล่วงหน้า ให้ดูที่เนื้อหาสาระ เราได้รับมอบหมายโดยไม่ต้องคำนึงถึงนายอนุทิน ไม่ต้องคำนึงถึงเจ้าของปราสาทสายฟ้าดำเนินการตามเนื้อผ้า เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจบทบาทของพวกเรามากขึ้นจากการอภิปราย และการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆยันไม่มีข้อตกลงเรื่องโควตา รมต.เมื่อถามว่ารักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ปชน. ระบุว่า เป็นเพราะพรรค ปชน.จึงได้โควตารัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดีๆเข้ามาอยู่ใน ครม.อนุทิน 1 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการตกลงตำแหน่งรัฐมนตรีกันมาก่อนหรือไม่ นายวิโรจน์ตอบว่า น.ส.รักชนกคงให้สัมภาษณ์เชิงคณิตศาสตร์มากกว่า แต่การเจรจาไม่มีในส่วนนี้ ขอตอบสั้นๆว่าเราไม่ร่วมรัฐบาล ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีต่อให้เป็นซุปเปอร์แมนถ้าอยู่ในสภาวะที่สภาฯปริ่มน้ำแบบนี้ ขับเคลื่อนไปได้ยากพอสมควร เชื่อว่าหน้าตารัฐมนตรีที่ดีอย่างน้อยก็สามารถประคับประคอง จะไม่ถูกการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนจะทำงานให้ราบรื่นขึ้น ยืนยันว่าจะใช้กลไกสภาทั้งตั้งกระทู้ถามสด เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา กรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ามีความชัดเจนชัดแจ้งจะยกมือคว่ำรัฐบาลสว.สำรองบุก ปชน.หวั่นล้มคดีฮั้วขณะที่นายธนวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง นำคณะ สว.สำรอง เข้ายื่นหนังสือถึงพรรค ปชน. ขอให้ติดตามตรวจสอบนายกฯ และ รมว.ยุติธรรมคนใหม่ เพื่อป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงคดีฮั้ว สว. มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ปชน. เป็นตัวแทนรับเรื่อง นายธนวัฒน์กล่าวว่า พวกเรากังวลจึงมาแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับคดีฮั้ว สว. กลัวเรื่องการแทรกแซง เพราะได้ข่าวมาว่าเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยาน 1,200 ปาก แต่ถูกสกัดโดยมือที่มองไม่เห็น ขอตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นปรามตั้งลูกหาบนั่ง รมว.ยุติธรรมนายวิโรจน์กล่าวว่า พรรค ปชน.ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ มีการติดตามว่ามีการแทรกแซงหรือมีความพยายามอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะเข้าไปขัดขวางการพิจารณาคดี หรือกระบวนการยุติธรรมกรณีการเลือก สว.หรือไม่ ย้ำว่าเราติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หาก รมว.ยุติธรรมคนใหม่เป็นคนที่อยู่ในเครือข่ายใกล้ชิดกับปราสาทสายฟ้า หรือพรรค ภท. จะบอกว่าไม่แทรกแซงคงไม่มีคนในสังคมเชื่อ จุดเริ่มต้นที่จะทำให้สังคมสบายใจคือการแต่งตั้ง รมว.ยุติธรรมที่มีความเหมาะสมและยืนยันจะไม่เข้าไปแทรกแซงทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ได้รับเรื่องร้องเรียนมาพอสมควรว่ามีการกดดันไปที่ข้าราชการ แม้กระทั่งอธิบดีดีเอสไอก็เริ่มถูกกดดัน ต้องติดตามต่อไป รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในดีเอสไอ และออกระเบียบเกี่ยวข้องกับเอกสารคำสั่งต่างๆ เป็นโจทย์สำคัญที่พรรค ปชน. มีทีมงานติดตามสอดส่องอย่างใกล้ชิด ยินดีทำงานกับกลุ่ม สว.สำรอง และเครือข่ายต่างๆ ยืนยันว่าหากมีหลักฐานชัดเจน และเชื่อมโยงถึงพรรค ภท. ก็ไม่อาจไว้วางใจให้เป็นรัฐบาลต่อไปได้“ชลน่าน” ชี้ถ้า สว.ไม่เอาด้วยจบเห่ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการหารือพบว่าทุกพรรคเห็นตรงกันว่าต้องร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากระยะเวลาที่มีอยู่เชื่อว่าสามารถทำได้ทัน ขั้นตอนแรกคือยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปสู่การทำคำถามประชามติ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนต้องทำ คือถอนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 ที่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับเดิมที่ค้างอยู่ในระเบียบวาระออกมาก่อน พร้อมเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 เข้าไปใหม่ หากทุกพรรคจริงใจสามารถรับหลักการพร้อมตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาก่อนปิดสมัยประชุมนี้ พอเปิดสมัยประชุมหน้าในเดือน ธ.ค. ก็สามารถพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ได้เลย แต่ที่น่าเป็นกังวลคือ สว.จะเห็นชอบด้วยหรือไม่ หาก สว.ไม่เห็นชอบด้วยทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดก็จบ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องได้รับความเห็นชอบจาก สว.ไม่ต่ำกว่า 67 เสียงหรือ 1 ใน 3 ของจำนวน สว.ที่มีอยู่ ดังนั้น หาก สว.ไม่เอาด้วยก็ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทุกอย่างที่ทำมาไปต่อไม่ได้แน่นอนดักคอรัฐบาลใหม่ย้ายล้างบางนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าย้อนฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศหลายครั้งว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรจะไม่มาเป็นนายกฯในฐานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ก็พลิกลิ้นกลืนน้ำลาย ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ที่บอกว่าไม่ได้เลือกนายอนุทินไปทำงานบริหาร แต่เลือกให้ไปยุบสภา ดังนั้น งานอื่นที่อยู่นอกเหนือจากการยุบสภาฯ ก็ให้พรรคประชาชนไปติดตามตรวจสอบกันเอง ส่วนท่าทีของนายอนุทิน ที่ทำให้สังคมกังวลว่าจะเข้าไปแทรกแซงคดีเขากระโดง คดีฮั้ว สว.หรือไม่ ก็ต้องให้พรรคประชาชนไปตรวจสอบ และข้อตกลง 5 ข้อที่ตกลงกันไว้ยังอยู่ครบหรือไม่ เมื่อถามว่านายอนุทินมีการส่งสัญญาณเตรียมย้ายล้างบางในบางกระทรวง เข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการ นายอนุสรณ์ตอบว่า คนทั้งประเทศเห็นว่าหากเข้าไป 4 เดือนแล้วย้ายล้างบาง หรือเอาเฉพาะคนที่ผ่านการทำงานในจังหวัดของผู้มากบารมีในพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น สังคมจะอยู่กันอย่างไร การเมืองในภาวะที่ไม่ปกติ เอาเจตนารมณ์ของประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำ เอาไปโหวตตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิมน่าจะจริง เพราะได้นายอนุทินเป็นนายกฯ ได้รัฐบาลเสียงข้างน้อยทำอะไรไม่ได้ ต้องรับผิดชอบกันเอง พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยว“คุณหญิงอ้อ” ให้กำลังใจ พท.สู้ๆเวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค เป็นประธานการประชุม สส. เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค เดินเข้าห้องประชุมไปนั่งร่วมกับแกนนำพรรค สมาชิกพรรคได้ปรบมือให้กำลังใจ นายสุริยะกล่าวว่า วันนี้แม้มีคนออกไป แต่ไม่กระทบกับพรรค พรรคยังเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น เป็นสถาบันการเมือง เราพร้อมสู้ต่อทุกสนามเลือกตั้ง เน้นทุกสนาม โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งใหญ่ ขอให้สมาชิกทุกคนช่วยกันปฏิรูปพรรค ช่วงแรกอาจต้องปรับตัว ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้ว เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้านตัวจริง และจะเป็นหลักให้กับประเทศ เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคสู้เต็มที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังปิดประชุมก่อนที่สมาชิกจะเดินออกจากห้องประชุม คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินเข้ามาให้กำลังใจสมาชิกพรรคสั้นๆว่า “สู้ๆนะคะ” ทำให้ สส. ยืนขึ้นปรบมือทั้งห้องประชุม เพราะเข้าใจหมายความว่า “ชินวัตร” ยังสู้ต่อเต็มที่ในสนามการเมือง“สามารถ” เชื่อ “อภิสิทธิ์” ไม่แย่งชิงนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เพิ่งลาออกไปว่า มีอดีต สส.หลายคนโทรศัพท์มาหาว่าจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ จึงวิเคราะห์ให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ากลุ่มอำนาจเดิมที่เป็นผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน ยังคงควบคุมเสียง สส.ปัจจุบัน และเสียงคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดปัจจุบันอยู่ในมือ ไม่มีทางที่ผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์จะหักด่านขึ้นนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ พูดง่ายๆ ถ้ายังมีการแข่งขันโดยกลุ่มขั้วอำนาจเดิมที่หวังจะยึดพรรคต่อ แต่ปรับพรรคให้เป็นพรรคภูมิภาคนิยม คือ ได้กลุ่ม สส.ในจังหวัดสงขลา และกลุ่ม สส.นครศรีธรรมราช หวังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตลอดไปแบบนี้ พรรคจะยิ่งตกต่ำลง จึงฟันธงว่าถ้ายังมีการแข่งขัน นายอภิสิทธิ์คงไม่มาให้เปลืองตัว“ชัยชนะ” อวย “มาร์ค-กรณ์-เดียร์”นายชัยชนะ เดชเดโช เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนการประชุม สส.พรรคว่า เพื่อหารือกำหนดวันเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระแสข่าวจะกลับมาหรือไม่ นายชัยชนะตอบว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่มีความสามารถ เป็นบุคคลสำคัญทางการเมือง เป็นบุคคลต้นแบบ มีอุดมการณ์รักษาสัจจะ เหมาะสมจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ยอมรับว่ามีการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์อยู่ตลอด พบกันทานข้าวและกินกาแฟร่วมกันเป็นเรื่องปกติ รวมถึงนายกรณ์ จาติกวณิช นางวทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ และคนอื่นๆที่เหมาะสมเช่นกันมื้อเช้า “ทักษิณ” ไข่ต้ม-กาแฟดำอีกเรื่อง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เป็นวันเยี่ยมญาติวันแรกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดนายทักษิณยังคงอยู่ในแดนพยาบาล เป็นพื้นที่สำหรับควบคุมผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยโรคไต จากการเยี่ยมญาติพบว่ามีกำลังใจ และมีบ่นคิดถึงหลาน ส่วนอาการความดันยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับเมนูอาหารวันนี้ มื้อเช้ารับประทานไข่ต้มและดื่มกาแฟดำ มื้ออื่นๆทั่วไป เช่น ก๋วยเตี๋ยว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ญาติยังได้นำหนังสือธรรมะ และหนังสือภาษาอังกฤษมาให้นายทักษิณไว้อ่าน ส่วนกรณีที่เรือนจำมีการเปิดทีวีให้ผู้ต้องขังรับชมระหว่างวัน ผ่อนคลายความเครียดนั้น ทีวีจะเปิดเมื่อขึ้นบนเรือนนอน ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. เป็นรายการหลากหลาย ที่ผ่านการตรวจสอบว่าไม่มีผลต่อความมั่นคง“วิญญัติ” รุดพูดคุยเกี่ยวกับคดีช่วงบ่ายที่เรือนจำกลางคลองเปรม นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณว่า พูดคุยเรื่องงานที่ต้องดูแลเกี่ยวกับคดี ไม่มีอะไรพิเศษ ดูมีอาการอิดโรย เพราะตอนบ่ายเป็นช่วงที่ต้องพักผ่อนอ่านหนังสือ ในฐานะทนายความจะพยายามทำทุกอย่างตามสิทธิ์ภายใต้กฎระเบียบ เพื่อประโยชน์ของลูกความ ส่วนคดีชั้น 14 ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. อาจมีปัญหาในกระบวนการที่ซ้ำซ้อนกับประเด็นอื่นหรือไม่ ผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องเตรียมการต่อสู้อยู่แล้ว เรื่องสิทธิผู้ต้องขังเด็ดขาดสิ่งที่ต้องมีเป็นเรื่องพื้นฐานตามมาตรฐานผู้ต้องขังทั่วไป ไม่ได้เรียกร้องไปมากกว่านี้ เพราะเงื่อนไขเวลาการคุมขังเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องอะไรที่ยังมาไม่ถึงได้ ส่วนอนาคตอาจมีกฎเกณฑ์ใด เงื่อนไขใด จะก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์ เราจะพยายามตรวจสอบว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ ส่วนกระแสข่าวเรื่องการโมฆะพระราชทานอภัยโทษ จำคุก 1 ปี ขอไม่มีความคิดเห็น แต่ขอให้ระวังเพราะทั้งหมดคือพระราชอำนาจอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่