“อนุทิน” ขยับรับมือพายุเศรษฐกิจ ยกทีมหารือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับฟังข้อเสนอแนวทางเสริมเขี้ยวเล็บอุตสาหกรรม รับมือภาษีสหรัฐฯสงครามการค้า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการชุบชีวิตเอสเอ็มอี สางปัญหาผลกระทบจากปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา “ศุภชัย” โต้กระแสยี้ รมต.สายบุรีรัมย์ ยันที่มา รมว.ยธ.ไม่สำคัญเท่าดึงความยุติธรรมกลับมา ภท.-ปชน.นัดถกแก้ รธน. “สิริพงศ์” ยันชงเข้ารัฐสภาถกวาระแรกจบก่อนปิดสมัยประชุมเดือน พ.ย. พท.ตั้งแท่นรื้อใหญ่ รธน.ปี 60 โยน “เสี่ยหนู” ถาม สว.สีน้ำเงินเอาด้วยหรือไม่ “ชูศักดิ์” แย้มไต๋ปิดประตูนายกฯคนนอก “โฆษก พท.” จี้ค่ายสีส้มรับผิดชอบคุมตั้ง รมต.กลิ่นตุ “ทักษิณ” นอนเรือนจำ 5 วันความดันลดลงมาปกติ ตั้งตารอ ญาติเข้าเยี่ยมหลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เร่งหารือกับว่าที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและด้านกฎหมาย เพื่อวางนโยบายของ ครม.ที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภา นายกฯได้นัดนำคณะไปพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย “อนุทิน” โพสต์โชว์ซี้ปึ้กทูตรัสเซียเมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 14 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ โพสต์ภาพเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพให้การต้อนรับนายเยฟเกนี โตมีฮิน (H.E.Mr. Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย พร้อมลงข้อความว่า “ต้อนรับเอกอัครราชทูตรัสเซียที่มาเยี่ยมบ้าน หลังจากนัดหมายเป็นเวลานาน เอกอัครราชทูต Evgeny เป็นเพื่อนที่ยาวนาน ตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งของเขาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เรามักจะฝึกภาษาแมนดารินด้วยกันทุกครั้งที่ได้เจอกัน สิ่งนี้เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการเลือกเป็นนายกฯ”จ่อหารือ ส.อ.ท.รับมือพายุ ศก.ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ประชุมกับว่าที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง ด้านกฎหมาย เพื่อวางนโยบายของ ครม.ที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภาก่อนมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินตามที่รัฐธรรมกำหนด โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 4 เดือนก่อนยุบสภา ทั้งนี้ ในวันที่ 15 ก.ย. เวลา 10.00-12.00น. นายกฯพร้อมคณะ จะไปที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย โดย ส.อ.ท.เตรียมข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรม เตรียมรับมือมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และสงครามการค้า การรับมือปัญหาสินค้าทุ่มตลาดสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน การส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงิน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็มอี การรับมือผลกระทบจากปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ“ศุภชัย” โต้เสียงยี้ รมต.บุรีรัมย์นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คัดค้าน รมว.ยุติธรรมสายบุรีรัมย์ว่า บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.ทุกตำแหน่ง นายกฯพิจารณาจากความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมกับงาน ไม่ได้มองว่าเป็นใครมาจากไหน จึงต้องบอกว่าใครมาเป็น รมว.ยุติธรรมมันไม่สำคัญ ถ้าอยู่บนพื้นฐานในการทำอย่างไรที่จะทำให้หลักนิติธรรมกลับเข้ามาสู่ประเทศ ความยุติธรรมความเสมอกันทางกฎหมายไม่เลือกปฏิบัติเป็นเรื่องสำคัญ ที่มาเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับมาแล้วบริหารยึดหลักนิติธรรม ทำให้กระทรวงยุติธรรมกลับมายุติธรรมจริงๆ ใครก็ตามที่มาต้องอยู่บนพื้นฐานนี้ ทำให้ความยุติธรรมกลับคืนมา“ศุภชัย” ชี้รถไฟฟ้าต้นทุนต้องชัดก่อนนายศุภชัยกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เรียกร้องให้พรรค ภท.ปัดฝุ่นนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวันมาใช้ หลังนายกฯระบุจะไม่ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลพท.ต่อว่า สภาสมัยตนเป็นประธานคณะ กมธ.ร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางราง มองว่านำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ร่วมกับ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.รฟม. เพื่อศึกษาให้รู้ต้นทุนที่แท้จริงค่าโดยสารรถไฟฟ้าว่าต้นทุนจริงๆเป็นเท่าไหร่กันแน่ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่พรรค พท.คิด 20 บาทตลอดสาย ไม่ได้อยู่บนฐานจากการศึกษาว่าต้นทุนเท่าไหร่ ยกตัวเลขมาลอยๆเพื่อหาเสียงอาศัยกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.รฟม.ที่มีกองทุนอยู่ หรือนำงบฯส่วนอื่นมาชดเชยส่วนต่าง เอกชนเขาไม่ได้ลดราคาค่าโดยสาร แต่รัฐเอางบฯไปอุดหนุนเป็นเงินภาษี เอางบฯมาหาเสียงหรือไม่ ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง จะบอกว่าต้องรับนโยบายนี้ไปดำเนินการต่อไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องไปพิจารณาว่าต้นทุนจริงๆเท่าไหร่ รัฐต้องอุดหนุนเท่าไหร่ ที่สำคัญคน กทม.ไม่ได้ใช้แต่รถไฟฟ้าใช้รถเมล์ด้วย จะบอกให้รับช่วงต่อโดยไม่มีข้อมูลวิชาการไม่ควรทำ แต่รัฐบาลที่เข้ามาหลังจากนี้จะศึกษาค่าโดยสารโดยรวม เพื่อจะได้ไม่ต้องอุดหนุนมากกว่าที่ควร ต้องศึกษาให้ครบถ้วน มีกฎหมายอื่นๆเข้ามาหลายฉบับ มี พ.ร.บ.ออกมาหลายฉบับต้องคิดเรื่องต้นทุนและดึงรถเมล์เข้ามาด้วย น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าภท.–ปชน.นัดถกแก้รัฐธรรมนูญส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) คณะทำงานเตรียมการพิจารณาการจัดทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคภท. กล่าวว่า พรรค ภท.และพรรค ปชน.มีนัดหารือเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปลายสัปดาห์นี้ แต่ละพรรคจะเสนอร่างของแต่ละพรรค เบื้องต้นพูดคุยถึงการแก้ไขมาตรา 256 กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และจัดทำประชามติ 2 รอบ รอบแรกมี 2 คำถามคือถามประชาชนว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ กับคำถามที่ 2 เป็นเนื้อหาสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนรอบที่ 2 ถามเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น แนวทางพูดคุยมีธงแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ดูร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน. ร่างของพรรค พท.ที่อยู่ในสภาฯใช้ได้อยู่หรือไม่ พรรคภท.จะเสนอเข้าไปด้วย ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาให้จบวาระ 1 ก่อนปิดสมัยประชุมเดือน พ.ย.68 ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณา พอเปิดสมัยประชุมก็เข้าสู่วาระ 2 และ 3 เสร็จเตรียมทำประชามติและยุบสภา เมื่อถามว่าโดยหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านได้มีเสียง สว.ด้วย ทำไมไม่เชิญ สว.มาพูดคุยด้วย นายสิริพงศ์ตอบว่าที่ประชุมรัฐสภามี สว.อยู่แล้วคุยกับ สส.ให้จบก่อนชงเข้ารัฐสภาวาระแรกสมัยประชุมนี้นายสิริพงศ์กล่าวว่า ส่วนวิธีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าห้ามไม่ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรง ต้องคุยรูปแบบที่มา ส.ส.ร. ขณะนี้มีหลายแนวทางเป็นไปได้หมด เช่น อาจมีรายชื่อ ส.ส.ร.เข้ามาและให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก หรือหากจะให้มีการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งเข้ามา และให้กลุ่มดังกล่าวมาเลือก ส.ส.ร.อีกครั้งหนึ่ง มีหลายสูตรแต่ยังไม่ได้ตกผลึกต้องคุยกัน ช่วงนี้แต่ละพรรคไปทำการบ้านมีแนวทางใดมาเสนอ ยืนยันว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จะเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาวาระแรกภายในสมัยประชุมนี้ที่จะปิดสมัยประชุมช่วงเดือน พ.ย. เนื่องจากมีระยะเวลา 4 เดือนพท.ตั้งแท่นรื้อใหญ่ รธน.ปี 60 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงคำถามประชามติเนื้อหาสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ส่วนนี้จำเป็นและสำคัญ ทั้งโครงสร้างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการที่สมดุลกัน ฝ่ายนิติบัญญัติต้องประกอบด้วย สส.เขต 400 คน สส.บัญชีรายชื่อ 100 คนหรือไม่ ตรงนี้เป็นปัญหาบางพรรคมี สส.เขตเต็มไปหมด แต่มี สส.บัญชีรายชื่อนิดเดียว ต้องวิเคราะห์จะเอาอย่างไร วุฒิสภาควรมีหรือไม่ ถ้ามีควรมีที่มาแบบไหน สรรหาแบบเดิมเอาหรือไม่เพราะทราบว่ามีปัญหา นายกฯใช้แบบไหน ต้องมาจาก สส.ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ปิดโอกาสคนนอกหรือการเมืองนอกระบบเข้ามา องค์กรอิสระควรมีหรือไม่ ถ้ามีสรรหากรรมการองค์กรอิสระอย่างไร ทุกวันนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ท้ายสุด สว.ไม่เอาคนนี้ ไม่เอาคนนั้น บางทีไม่มีเหตุผล ท้ายสุดศาลรัฐธรรมนูญจะมีหรือไม่ ถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์มีอำนาจล้นฟ้า สามารถถอดถอนนายกฯได้ ถ้ายังมีศาลรัฐธรรมนูญจะให้มีอำนาจระดับไหนแพลมไต๋ปิดประตูนายกฯคนนอก เมื่อถามว่าต้องระบุชัดลงไปในเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญว่าคนรักษาราชการแทนนายกฯมีอำนาจยุบสภาได้ นายชูศักดิ์ตอบว่า ต้องเอาพื้นฐานปัญหารัฐธรรมนูญ พื้นฐานปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้มาพิจารณาด้วย เวลาจะยกร่างรัฐธรรมนูญต้องเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปคิด เช่น นายกฯ 8 ปี ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่านับตั้งแต่ใช้รัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้นไม่ใช่ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่คนยกร่างต้องนำไปอุดช่องว่างอย่างไร จะเอาคุณสมบัติความซื่อสัตย์สุจริต เอาจริยธรรมไว้หรือไม่ มันมีปัญหาอย่างไร เพราะขณะนี้ปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มแข็งของรัฐบาลมันไม่มี หนึ่งปีเปลี่ยนรัฐบาลกี่ชุด เปลี่ยนนายกฯกี่คน ประเทศไทยถอยหลัง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องทำให้สถาบันนิติบัญญัติ สถาบันฝ่ายบริหารมีความเข้มแข็ง มีความมั่นคง แต่ไม่ใช่มีอำนาจมากมาย ให้สามารถบริหารประเทศได้มีเวลา 4 ปีก็ให้มันเต็ม 4 ปี จะได้รู้ว่านโยบายที่ทำสำเร็จหรือไม่ ทุกวันนี้มันถอยหลัง มีรัฐบาลใหม่มาอยู่ได้แค่ 4 เดือนยุบสภาเสียแล้ว สถาบันการเมืองไม่มั่นคงแบบนี้ ประเทศจะก้าวหน้าได้อย่างไรตั้ง กก.วางแนวทางของพรรคเมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค พท. แถลงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญ จึงเสนอแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพิ่มหมวด 15/1 เปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ จะเสนอแนวทางการตั้งส.ส.ร. หรือกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ยึดโยงและสะท้อน ถึงเจตนารมณ์ประชาชนมากที่สุด ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเตรียมศึกษาวางแผนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาต่อไป จะทำให้เร็วที่สุด ข้อตกลงพรรค ปชน. กับพรรค ภท.ตกลงกันใน 4 เดือน จะพยายามเร่งเข้า คณะกรรมการชุดเล็กของพรรค พท.และเสนอต่อรัฐสภาให้เร็วที่สุดไล่นายกฯถาม สว.เห็นด้วยไหมรื้อ รธน.นายดนุพรกล่าวว่า หลายฝ่ายกังวลว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนำไปสู่การทำประชามติจะทันตามกรอบ เวลา MOA ของพรรค ปชน.และพรรค ภท.หรือไม่ ทางปฏิบัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 เพื่อเพิ่มเติมหมวด 15/1 ต้องพิจารณาร่วมกันของรัฐสภา ต้องผ่าน การพิจารณาทั้ง 3 วาระ ต้องเห็นชอบโดย สว. เมื่อ แล้วเสร็จประชาชนจะออกเสียงประชามติอีกครั้งว่าเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยหรือไม่ พรรค ปชน.ยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประชาชนจะได้ออกเสียงประชามติทันใน 4 เดือน ตามที่พวกท่านกำหนด ที่สำคัญ MOA 5 ข้อ ที่จัดทำร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรค ภท.จะเป็นจริงได้กี่ข้อ ถึงแม้ประกาศขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน โดยไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าเป็นฝ่ายค้านจริงหรือไม่ สัปดาห์ที่ผ่านมาพรรค ปชน. เป็นพรรคหลักที่คอยรักษาองค์ประชุมสภาฯแทนพรรค ภท.เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางไปสู่ การทำประชามติให้เป็นจริงได้มากที่สุด พรรค ปชน. ควรแสดงความรับผิดชอบเดินไปพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ฝากนายอนุทินไปคุยกับ สว.สีน้ำเงินว่า วันนี้แนวทางที่พรรค พท.และพรรค ปชน.จะแก้ไข รัฐธรรมนูญเพิ่มมาตรา 15/1 สว.ของท่านเห็นด้วยหรือไม่ลั่น พท.พร้อมลุกขึ้นยืนเดินหน้าต่อนายดนุพรกล่าวอีกว่า มีนักวิชาการ อดีตนักการเมืองและนักการเมืองวิจารณ์พรรค พท. เป็นพรรคขาลง สมัยหน้าอาจเหลือไม่ถึง 100 เสียงหรือ 50 เสียงว่า พรรคเป็นสถาบันการเมืองขอไม่ตอบโต้ เรายอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ จะนำไปพัฒนาพรรคให้ดีขึ้น ขอฝากถึงโหวตเตอร์พรรค พท.หรือคนที่ยัง ศรัทธาพรรค ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคประสบวิกฤติ การเมือง เราถูกปฏิวัติมา 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งเราลุกขึ้นยืนได้อย่างเข้มแข็ง นำทัพ พรรค พท.ลงสนามเลือกตั้ง สมาชิกพรรคบางคนอาจเสียใจบ้างที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องออกจากตำแหน่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องเข้าไปสู่การจองจำอีกครั้ง แต่ขอย้ำพรรคเราพร้อมลุกขึ้นยืนและเข้มแข็งอีกครั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือน เราพร้อมจะลุกขึ้นเข้มแข็งอีกครั้งในเร็ววัน พวกเราพร้อมเดินหน้าต่อจี้ ภท.ปัดฝุ่นรถไฟฟ้า 40 บาททั้งวันนายดนุพรกล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และหัวหน้าพรรค ภท. มีแนวคิดไม่ดำเนินการ โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ของพรรค พท. ว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลใหม่โดยชอบธรรมจะสานต่อ นโยบายรัฐบาลเดิมหรือไม่ แต่นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีจุดประสงค์สำคัญลดรายจ่ายและ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน แม้นายกฯจะมองว่า การช่วยเหลือประชาชนเป็นภาระรัฐบาล อ้างว่าจะชดเชยให้เอกชน แต่ย้อนไปดูนโยบายหาเสียงของพรรค ภท.ในปี 66 เสนอนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาท ตลอดทั้งวันกี่เที่ยวก็ได้ พูดเอาไว้สวยหรูว่า รถไฟฟ้า เป็นทางออกของคนกรุงเทพฯ ทุกคนขึ้นได้ ค่าโดยสาร ต้องไม่เป็นอุปสรรค ถ้าจะยกเลิกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของพรรค พท. เราอยากเรียกร้อง ให้นำนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาท ตลอดทั้งวันกลับมา ใช้ลดภาระให้ประชาชน แม้พรรค ภท.ไม่ได้มี สส. แม้แต่คนเดียวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขอให้รีบ ปัดฝุ่นมาปรับใช้ แม้รัฐบาลพรรค ภท.จะมีอายุไม่นานนัก แต่จะช่วยลดภาระให้ประชาชนได้กระทุ้ง ปชน.รับผิดชอบคุม รมต.ภท.นายดนุพรกล่าวอีกว่า กรณีหลายฝ่ายออกมา ตั้งข้อสังเกตบุคคลที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรค ภท.ถ้าได้ดูรายชื่อบุคคลที่จะมารับ ตำแหน่งต่างๆยังสร้างความกังวลให้กับสังคม โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก เพราะเป็น อดีตข้าราชการที่เติบโตมาใน จ.บุรีรัมย์ มีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่องฮั้วเลือก สว. พรรค ปชน.ที่สนับสนุนให้พรรค ภท. เป็นรัฐบาลจะส่งสัญญาณอย่างไร พรรค ภท. จะนั่งเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยเองมีอำนาจควบคุมกรมที่ดิน จะเข้าไปดูแลกระทรวงคมนาคมที่มีอำนาจกำกับดูแลการรถไฟฯ มีคำถามเรื่องที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้ว สว.จะเดินไปอย่างไร ช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้สังคมได้ตั้งข้อสังเกตมาอย่างต่อเนื่อง จะลงเอยหรือมีจุดจบอย่างไร พรรค ปชน. เป็นคนดีล และรับดีลจากพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ฝากไปถึงพรรคประชาชน ว่าถ้ารายชื่อท่านใดที่ท่านไม่สบายใจ ที่เคยตรวจสอบในสมัยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลที่แล้ว ก็ควรที่จะส่งสัญญาณไปที่พรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจน ว่าท่านสบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านไหน และไม่สบายใจกับ ว่าที่รัฐมนตรีท่านใด เมื่อท่านเป็นฝ่ายค้านที่ร่วมตั้ง รัฐบาล ภท.ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบสว.สอบโปร่งใสงบซอฟต์พาวเวอร์นายอลงกต วรกี สว.ประธานกรรมาธิการติดตาม การบริหารงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา วันที่ 15 ก.ย. เวลา 14.00 น. จะหารือถึงการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ 5,000 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ตามที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงการใช้งบประมาณว่ามีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด หรือมีการรั่วไหลหรือไม่ โดยเฉพาะกรณี การจัดซื้อจัดจ้างในโครงการอีเวนต์ต่างๆที่ถูกตั้งข้อสังเกตมีการล็อกสเปกให้บุคคลใกล้ชิดได้งาน ได้ดำเนินการประมูลถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ รวมทั้งจะพิจารณาดูความคุ้มค่าในแต่ละโครงการว่า มีการใช้งบประมาณเกิดประโยชน์เพียงใด ดำเนินการแล้วสามารถนำไปต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์สร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือไม่ การประชุม กมธ.ในวันดังกล่าว จะพิจารณาเชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มาให้ข้อมูลกับ กมธ.ต่อไปชี้ รบ.หนูไร้เสถียรภาพทำงานยากวันเดียวกัน นิด้าโพล เผยผลสำรวจประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย. โดยถามความคิดเห็นต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน ร้อยละ 35.88 ระบุว่า รัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพ ทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะต้องเจรจากับพรรคประชาชนตลอด ร้อยละ 30.31 ระบุว่า การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นทางเลือกที่ดี ที่สุด ร้อยละ 23.66 ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทั้งนี้ ร้อยละ 56.26 ระบุว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 เดือน ตามข้อตกลง ร้อยละ 27.79 ระบุรัฐบาลจะอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน ร้อยละ 14.58 ระบุรัฐบาลจะอยู่ไม่ถึง 4 เดือน ด้านความคิดเห็นต่อการที่พรรคประชาชนสนับสนุนนายอนุทินให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ร้อยละ 30.38 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 23.36 ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 23.13 ระบุเห็นด้วยมาก เมื่อถามถึง การที่พรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล ร้อยละ 32.98 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 23.35 ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 22.52 ไม่เห็นด้วยเลยจี้ รบ.ทำงานเชิงรุกตรวจสอบได้สวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,232 คน เรื่อง “ความคาดหวังต่อพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้” ระหว่างวันที่ 9-12 ก.ย. พบว่าบทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด ร้อยละ 75.27 ระบุทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาจริง ตรวจสอบได้ ในขณะที่บทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่อยากเห็น ร้อยละ 68.32 ระบุว่าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ สำหรับเรื่องที่อยากให้พรรคการเมืองไทยปรับปรุงมากที่สุด ร้อยละ 64.29 ความโปร่งใสและซื่อสัตย์ และหากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ ร้อยละ 23.94 จะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 14.20 พรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 21.35 ยังไม่ตัดสินใจ“ทักษิณ” ความดันลงมาเกณฑ์ปกติวันเดียวกัน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการคุมขังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า วันนี้ครบ 5 วันของการกักตัวเฝ้าระวังโรค อาการของนายทักษิณโดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนจะจำแนกแยกแดนไปอยู่แดนใดนั้น ขึ้นอยู่กับวงรอบของแต่ละเรือนจำ ทราบว่าเรือนจำจะมีการประชุมทุกหนึ่งเดือน ขณะนี้ยังไม่มีการแยกแดนทำให้นายทักษิณจะไปอยู่ในแดนของผู้สูงอายุก่อน เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 65 ปี ส่วนวันที่ 15 ก.ย. ที่จะอนุญาตให้ญาติและทนายความเข้าเยี่ยมนายทักษิณ เรือนจำมีความพร้อมแต่ไม่ได้จัดสถานที่ให้เยี่ยมเป็นพิเศษ ทุกอย่างจะดำเนินการเหมือนผู้คุมขังทั่วไป นายทักษิณตั้งตารอวันนี้ เพราะจะได้เจอครอบครัวที่เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิต เบื้องต้นรับรายงานว่าจะมีญาติเข้าเยี่ยม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร การเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพราะยังไม่เป็นการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดที่สัมผัสกันได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัย หากมีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาให้กำลังใจจะประสานตำรวจท้องที่เข้ามาดูแลอำนวยความสะดวกตั้งตารอญาติเดินทางเข้าเยี่ยมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตรวจสอบไปยัง 10 รายชื่อบุคคลที่สามารถเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตามที่นายทักษิณระบุไว้กับเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อครั้งถูกส่งตัวออกไปรักษาพยาบาลภายนอกเรือนจำ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ประกอบด้วย 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออิ๊งค์ บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ 2.นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของ น.ส.แพทองธาร 3.น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม บุตรสาวคนกลางของนายทักษิณ 4.นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา 5.นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ 6.น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยานายพานทองแท้ ส่วนอีก 4 คนที่เหลือคือบรรดาหลานๆของนายทักษิณ จึงเป็นที่จับตาว่าในการเยี่ยมญาติครั้งนี้ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯบังคับโทษ 1 ปี จะมีบุคคลใดในครอบครัวทยอยเดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณภายในเรือนจำ ตามวันที่เวลาใดบ้าง รวมถึงกรรมการบริหารพรรค พท.และคนใกล้ชิด“แสวง” เยี่ยมหน่วย ลต.เชียงแสนเมื่อเวลา 08.00 น. ที่ จ.เชียงราย นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมคณะ ไปที่หน่วยเลือกตั้งที่ 12 อาคารเรียนโรงเรียนบ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตรวจความพร้อมเปิดหน่วยเลือกตั้ง สส.เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง มีนายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.เชียงราย ร่วมสังเกตการณ์ จากนั้นเลขาธิการ กกต.และคณะลงพื้นที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งในเขต อ.เชียงแสน และ อ.แม่จัน ติดตามความเรียบร้อยและรับฟังรายงานการปฏิบัติงานจากเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ตรวจสอบความพร้อมหน่วยเลือกตั้งและการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งเป้าคนออกใช้สิทธิร้อยละ 65ต่อมานายแสวงให้สัมภาษณ์ว่า ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จ.เชียงรายภาพรวมคึกคัก มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมารอใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วยภายในโรงเรียนบ้านสบคา สภาพอากาศเป็นใจท้องฟ้าปลอดโปร่ง จะมีส่วนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 65 แม้จะเป็นงานยาก เพราะมีเงื่อนไขกำหนดเวลายุบสภา แต่ด้วยความร่วมมือของพรรคการเมืองผู้สมัคร สส.และ จ.เชียงราย กกต.เชียงรายคาดว่า ตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงที่ตั้งเป้าไว้ รายงานผลเมื่อปิดหน่วยเวลา 17.00 น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะตรวจบัตรและนับคะแนนคาดว่า จะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 20.00-21.00 น.“สง่า” ลอยลำ พท.ทิ้งขาดเด็กค่ายส้มต่อมา เวลา 19.35 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำ เขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน ผ่านไป 2 ชั่วโมงเศษ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา 19.30 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไปแล้ว 39,198 คะแนน นายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครจากพรรคประชาชน ได้คะแนนไปแล้ว 16,212 คะแนน ทั้งนี้ เป็นการรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ 242 หน่วยเลือกตั้งจากทั้งหมด 285 หน่วยเลือกตั้ง หรือคิดเป็น 84.91% อย่างไรก็ตาม กกต.คาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 21.00 น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่