“พริษฐ์” ลั่น 3 พรรคเห็นพ้อง ปชน.-พท.-ภท.เปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ให้เลือก ส.ส.ร.ทางอ้อมมายกร่าง รัฐธรรมนูญใหม่ ทำประชามติ 2 รอบ ยึดตามกรอบเอ็มโอเอ ทำประชามติรอบแรกไปพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. คาดสัปดาห์หน้าเห็นร่างโมเดล 3 พรรค ถือเป็นสัญญาประชาคมใน กมธ.แถลงการณ์ เพื่อไทยชี้คำวินิจฉัยขัดหลักการประชาชนมีส่วนร่วม “จาตุรนต์” ชวนทุกพรรคมาจับมือกัน “แสวง” โว กกต.ออกระเบียบไว้รอแล้ว ชี้ปี 69 ปีแห่งประชาธิปไตย “พิพัฒน์” ชูภารกิจเร่งด่วนเคลียร์ปมเขากระโดง “ภูมิธรรม” เข้าอำลามหาดไทยวันสุดท้าย บอก “มีโอกาสคงได้เจอกันอีก” “ทักษิณ” กักโรคคืนที่ 2 กินอิ่ม-นอนหลับ-ปรับตัวได้ “ทวี” ให้กรมราชทัณฑ์ถอดบทเรียน พักการลงโทษเป็นไปตามเกณฑ์ ป.ป.ช.จี้ ครม.วางหลักเกณฑ์คุมขังให้ชัด ไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เห็นตรงกันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 เปิดทางเลือก ส.ส.ร.ทางอ้อม มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยึดตามกรอบเอ็มโอเอ นำไปสู่การกระทำประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.เพื่อไทยแก้หมวด 15 ตั้ง ส.ส.ร.ทางอ้อมเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ก.ย.ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนว่า คำแถลงศาลรัฐธรรมนูญยังมีประเด็นสับสนหลายเรื่อง โดยเฉพาะการไม่ให้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง เป็นการปฏิเสธ ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งของประชาชน ถือว่าขัดต่อหลักที่ประชาชนมีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ ผลคำวินิจฉัยแม้จะมีอุปสรรคเพิ่มขึ้น แต่พรรคเพื่อไทยยังยืนยันให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย ดังนี้ 1.เมื่อศาลรัฐธรรมนูญระบุการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นหมวด 15 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องแก้ไขหมวด 15 โดยให้รัฐสภาพิจารณาแก้ไข 3 วาระ และนำไปทำประชามติ ตามมาตรา 256 (8) 2.เมื่อไม่อาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เห็นว่าอาจทำโดยการเลือก ส.ส.ร.ทางอ้อม ให้รัฐสภาทำโดยแต่งตั้ง ส.ส.ร. หรือรัฐสภาตั้งคณะกรรมาธิการของสภาฯก็ได้ พรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาและนำเสนอตอนยื่นแก้ไขหมวด 15ยื่นร่างแก้ไข รธน.ใหม่สัปดาห์หน้านายชูศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการทำประชามติที่จะทำครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เมื่อใด หรือจะนำครั้งที่ 1 และ 2 มารวมกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล โดยคำถามประชามติในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ควรมี 2 คำถาม คือ ครั้งที่ 1 เห็นสมควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 2.เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นการวัดใจรัฐบาลจะเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า อย่ามองว่าวัดใจ การทำเรื่องนี้เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องไปคิดจะทำประชามติเมื่อใด และทำ 2 ครั้งพร้อมกันหรือไม่ รัฐบาลจะโดดเดี่ยวหรือไม่ได้อะไรเลยไม่ได้ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ให้เร็วที่สุด คาดว่าเป็นสัปดาห์หน้า เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดิมที่อยู่ในสภาฯใช้ไม่ได้แล้วทุกคนรู้ดี พรรคประชาชน ถูกหลอกหรือไม่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรคประชาชนถูกหลอกทำเอ็มโอเอสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งโดยตรงมาร่างรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้คงต้องถามพี่น้องประชาชน น่าจะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนพรรคเพื่อไทยยังยืนยันอยู่ในจุดที่ต้องพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชา ธิปไตยมากขึ้นให้ได้ อย่างน้อยต้องดีกว่าเดิม เพราะรู้อยู่แล้วและพูดมาตลอดตอนเป็นคณะกรรมการศึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรู้ว่ามันมีอุปสรรค มีข้อจำกัดเยอะไม่ได้จะแก้ให้เป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิมชวนทุกพรรคการเมืองจับมือกันนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอญัตติให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ใหม่ ให้สอดคล้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีทางออกดีที่สุดให้ประชาชนมีส่วนร่วมจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคเพื่อไทยตั้งใจให้มีการร่วมมือระหว่างพรรคการเมือง ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา เพื่อแก้ไขมาตรา 256 ถ้าทำได้จะเกิดกระบวนการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุให้การทำประชามติครั้งที่ 1 และ 2 ทำร่วมกันได้ อยากเรียกร้องรัฐบาลใหม่และพรรคการเมืองควรช่วยกันหาทางให้การจัดทำประชามติทั้ง 2 ครั้ง รวมกันเป็นครั้งเดียว เพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณ แต่ต้องหารือกันก่อน จะแก้ไขมาตรา 256 อย่างไรให้ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลที่มีความตั้งใจจริงในการแก้รัฐธรรมนูญชี้คำวินิจฉัยขัดหลักการมีส่วนร่วมผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ แนวทางจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาสรุปว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่อง อำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากคำวินิจฉัยฉบับเต็มยังไม่เผยแพร่มีเพียงคำแถลงข่าว เมื่อพิจารณาจากคำแถลงยังคงมีประเด็นของความชัดเจนแน่นอนที่นำไปสู่การถกเถียงในเนื้อหาบางประเด็น เช่น คำวินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งขัดต่อหลักการที่ว่าประชาชนมีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่ใช่ประเด็นคำถามในอำนาจหน้าที่ที่รัฐสภาส่งไปโดยตรงแต่อย่างใดเพิ่มหมวด 15/1 วิธีจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่แถลงการณ์ระบุว่า ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเดินหน้าทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป และจะดำเนินการดังนี้ 1.แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 15 เพิ่มเป็นหมวด 15/1 ให้รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระ และต้องนำไปทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ 2.เลือก ส.ส.ร.ทางอ้อม หรือรัฐสภามีมติแต่งตั้ง ส.ส.ร.หรือคณะกรรมาธิการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งคณะทำงานของพรรคจะไปไตร่ตรองตัดสินใจในชั้นเสนอญัตติต่อรัฐสภา 3.การทำประชามติ คำถามประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 คำถามแรกคือเห็นชอบว่าสมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (ครั้งที่ 1) คำถามที่สอง เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามรายละเอียดในรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 หรือไม่ (ครั้งที่ 2) พรรคเพื่อไทยยืนยันเจตนารมณ์เดิมจะผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุดประชาชน–เพื่อไทย–ภูมิใจไทย เปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญต่อมาเวลา 15.30 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กรรมาธิการ พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ใน กมธ.ได้หารือกับตัวแทน 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย รวมถึงตัวแทน กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา และภาคประชาชน ถึงแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาว่า หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญมีปัญหาจริง ดูเหมือนเป็นการปิดประตู ส.ส.ร.จากการเลือกตั้ง ที่ขัดหลักการประชาธิปไตย และขัดต่อคำวินิจฉัยศาลธรรมนูญเมื่อปี 25643 พรรคเห็นตรงกันแก้หมวด 15/1นายพริษฐ์กล่าวว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกัน 3 ข้อที่ทั้ง 3 พรรคเห็นตรงกัน ข้อสรุปที่ 1 การทำประชามติทั้งหมด 2 รอบ เริ่มจากให้รัฐสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 คือกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาผ่าน 3 วาระแล้ว จะจัดทำประชามติรอบแรก แบ่งออกเป็น 2 คำถาม คือ 1.จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 2.เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่รัฐสภาเห็นชอบหรือไม่ เมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว จะจัดทำประชามติรอบที่ 2 ถามว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจะสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประชามติรอบแรกทันกรอบ MOAนายพริษฐ์กล่าวอีกว่า ข้อสรุปที่ 2 เห็นว่ากระบวนการดังกล่าวสามารถเดินหน้าเพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรกให้ทันพร้อมกับการเลือกตั้ง ภายในกรอบเวลา MOA ที่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย หากแถลงนโยบายช่วงปลายเดือน ก.ย. หมายความว่าต้องยุบสภาภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.2569 เชื่อว่าภายในกรอบเวลา 4 เดือน MOA สามารถเดินหน้าจัดทำประชามติรอบแรกพร้อมการเลือกตั้งได้ ทุกพรรคเห็นตรงกันว่าสามารถเดินหน้ายื่นและพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ได้เลย หากผ่านวาระที่หนึ่งไปแล้วกรรมาธิการพิจารณาเสร็จ สามารถส่งกลับในวาระที่สองช่วงเดือน ธ.ค.2568 สามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่สามได้ภายในเดือน ธ.ค. ยังมีเวลาในเดือน ม.ค. ที่ต้องเคาะเรื่องวันจัดทำประชามติ ทำให้การยุบสภาไม่เกินช่วงปลายเดือน ม.ค.2569 ข้อสรุปที่ 3 แต่ละพรรคจะหารือภายในเพื่อทบทวนจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนมีส่วนร่วม ตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้าต้องการให้ทั้ง 3 พรรคมานำเสนอแนวคิดร่างของตนเองต่อที่ประชุม กมธ.สัปดาห์หน้าเห็นร่างโมเดล 3 พรรค ผู้สื่อข่าวถามว่าร่างของพรรคประชาชนจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ของเราเสร็จ และที่คุยจากตัวแทนพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสามารถดำเนินการให้เสร็จได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนตัวแทนพรรคภูมิใจไทยออกจากห้องก่อนจะสรุปประเด็นนี้ แต่ให้คำยืนยันว่าจะจัดทำโดยเร็ว หวังว่าในสัปดาห์หน้าจะได้เห็นร่างหรือโมเดลของทั้ง 3 พรรค เพื่อยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระและเปิดพิจารณาในวาระที่ 1 สำหรับเนื้อหาหลักของพรรคประชาชน คงต้องหารือกันภายใน เพราะเนื้อหาเดิมในร่างที่ค้างอยู่ เป็นการเสนอให้ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง จำนวน 200 คน 100 คน มาจากแบ่งเขตจังหวัด อีก 100 คน มาจากบัญชีรายชื่อระดับประเทศ เราออกแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางตรง และยึดโยงกับประชาชนทางตรง เมื่อถามว่าแนวทางพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยใกล้กัน แต่ของพรรคภูมิใจไทยและฝั่ง สว.ได้หารือหรือพูดคุยหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า 3 ข้อสรุปข้างต้นเป็นข้อสรุปของทั้ง 3 พรรค ในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการทำประชามติ 2 รอบ และเห็นต้องกันว่าสามารถใช้กรอบเวลา 4 เดือน ให้นำไปสู่การจัดทำประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งได้ถือเป็นสัญญาประชาคมใน กมธ.นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อสรุปในวันนี้มีตัวแทนของ กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา มาร่วมประชุมด้วย ชี้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกพรรคในการพูดคุยทำความเข้าใจและโน้มน้าวให้วุฒิสภาเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากจะผ่านความเห็นชอบไปได้ต้องได้รับความเห็นชอบจาก สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เมื่อถามว่า หากต้องรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มจะทันหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ขอเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่ายิ่งประเด็นนี้มีความสำคัญ ยิ่งมีการถกเถียง หรือมองว่าเป็นการตอบเกินคำถาม อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งออกคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคลโดยเร็ว มติ กมธ.ล่าสุดมีการทำหนังสือขอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน เมื่อถามว่ามีการหารือส่วนตัวกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า พูดคุยกันทันทีกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยหลังมีคำวินิจฉัยว่ามองแนวทางเดินหน้าอย่างไร วันนี้จึงถือเป็นสัญญาประชาคมที่ถูกบันทึกไว้ใน กมธ.“แสวง” ชี้ปี 69 ปีแห่งประชาธิปไตยที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเปิดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำนักงาน กกต.และสื่อมวลชน กับการจัดการเลือกตั้งว่า ในปี 2569 ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งหลายประเภท เช่น อบต., สก., เมืองพัทยา, สส. เป็นภารกิจสำคัญต่อความเป็นไปของประเทศ การเมืองเปลี่ยนเร็วมีสัญญาณที่เราเข้าใจตรงกันว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2569 จึงเป็นปีที่เต็มไปด้วยประชาธิปไตย เต็มไปด้วยพลังของประชาชนที่จะได้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย รวมถึงการออกเสียงประชามติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา กกต.เตรียมพร้อมตลอดเวลา อาจต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา คืออาจมีการเลือกตั้งตรงกับวันออกเสียงประชามติ มีการออกระเบียบรอไว้แล้ว จะถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยอ้างคดีฮั้ว สว.อืดยึดหลักเป็นธรรมนายแสวงกล่าวต่อว่า ส่วนข้อสงสัยของสังคมที่ตั้งคำถามว่ากรณีการเลือก สว. กกต.ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงยังไม่เสร็จ ต้องบอกว่าทุกคนอยากได้รับความยุติธรรม เงื่อนไขของความยุติธรรมไม่ได้อยู่ที่เงินหรือเวลาเท่านั้น พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ไม่ใช่เรื่องเล่าจากข้างนอก เราไม่ได้ทำแตกต่างจากทุกเรื่องที่ทำมา แต่สำนวน สว.อาจต่างจากสำนวนอื่น เพราะมีการเลือกหลายระดับ ต่างจาก สส. หรือการเลือกตั้งทั่วไปที่มีชั้นเดียว สำนวนจึงใหญ่ต้องใช้เวลา ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วนสิ้นกระแสความจนมีหลักฐานที่พอจะวินิจฉัยได้ ตอนนี้สำนวน สว.อยู่ในชั้นเลขาธิการ จะครบกำหนดวันที่ 16 ก.ย. คิดว่า 3-4 วันนี้จัดส่งอนุกรรมการวินิจฉัยได้ มีเวลาอีก 90 วัน ก่อนส่งคณะกรรมการ กกต. ย้ำว่าเราไม่สามารถตัดทอนขั้นตอนใดได้ ต้องให้โอกาสกับทุกคนได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมส่อยื้อตั้งกรรมการชุดที่ 27 สอบต่อนายแสวงให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงกระแสข่าวจะตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 27 ขึ้นมาว่า หากมีการพิจารณาในสำนวนแล้วเจอกลุ่มกระทำผิดอื่นอีก โดยที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนใดเลย อาจมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาใหม่ เนื่องจากมีความปรากฏขึ้นมาใหม่ ส่วนเรื่องที่สอบไปก่อนหน้านี้มีการแยกเป็นสำนวน เรื่องการเลือก สว. มีร้องเข้ามากว่า 500 เรื่อง พิจารณาเกือบหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นพิจารณาของสำนักงานฯ จะครบกำหนดวันที่ 16 ก.ย.นี้ ส่วนผู้ที่กระทำผิดพบว่าเป็นผู้กระทำผิดกลุ่มเดิม แต่ขยายฐานความผิดใหม่ เนื่องจากตอนที่ร้องเป็นฐานความผิดอื่น แต่เมื่อสอบแล้วพบว่ามีมูลและการกระทำผิดอย่างอื่นด้วย ยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการฯชุดที่ 27 ไม่เกี่ยวกับการยื้อเวลาเพื่อช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับสำนวนก่อน“พิพัฒน์” ชูภารกิจเคลียร์เขากระโดง ช่วงบ่ายที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงแนวโน้มที่จะได้รับตำแหน่ง รมว.คมนาคมว่า เท่าที่ดูค่อนข้างชัดเจนแล้ว ส่วนนโยบายการทำงานต้องคุยกับนายกฯก่อนว่ามีนโยบายอะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่อะไรที่เป็นข้อกังขาระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง เราน่าหยิบมาเป็นประเด็นแรกๆ เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับคนไทยทั้งประเทศ ให้ทราบว่าสรุปแล้วทั้งสองกระทรวง ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกรมที่ดินจะเดินไปอย่างไร จะมีการหารือ หรือไประดับศาลหรือไม่ คิดว่าดีที่สุดคือให้การรถไฟฯกระทำในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ เมื่อถามว่าตั้งกรอบเวลาเท่าไหร่ที่จะให้การรถไฟฯเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง นายพิพัฒน์ตอบว่า อันนี้จะเป็นภารกิจแรกหลังเข้าไปนั่งในกระทรวง ต้องหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯอีกครั้ง เพราะนายกฯจะนั่งควบ รมว.มหาดไทยด้วยไม่มีมวยล้มทุกอย่างต้องกระจ่าง นายพิพัฒน์กล่าวว่า จะทำให้คนไทยสบายใจว่าเรื่องดินเขากระโดงสรุปแล้วเป็นอย่างไร เราต้องทำสิ่งที่คาใจให้หายคาใจให้ได้ แม้ทั้งสองกระทรวงพรรคภูมิใจไทยจะได้รับหน้าที่แต่ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องที่ดินที่เป็นของชาติ เราต้องทำให้ประจักษ์ว่าที่ดินที่ได้มาทั้ง 900 กว่าราย ควรต้องทำให้กระจ่าง หากการรถไฟฯสามารถฟ้องเป็นรายแปลงได้เราจะรีบดำเนินการทันที เราตั้งธงไว้ว่าต้องรีบดำเนินการ ยืนยันว่าไม่ใช่มวยล้มต้มคนดูแน่นอน คนไทยต้องได้รับความกระจ่าง“ภูมิธรรม” เข้ามหาดไทยวันสุดท้าย ที่กระทวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีอำนาจทำงานจนถึงวันสุดท้ายจนกว่า ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณทั้งคณะ และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่ต้องการมาทำเรื่องอื่น แต่หากมีเรื่องที่ค้างและเป็นปัญหาต่อประชาชนก็จะทำ แต่มีน้อยมากและวันนี้คงเข้ากระทรวงมหาดไทยเป็นวันสุดท้าย หลังจากนี้มีเรื่องอะไรไปให้เซ็นที่พรรคเพื่อไทยขอทำเรื่องใหญ่เขากระโดงก่อน นายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ที่จะนั่งควบ รมว.มหาดไทย ประกาศจะนำโป๊กเกอร์จากกีฬากลับไปเป็นการพนันว่า โป๊กเกอร์ในตอนนี้เป็นกีฬาระดับโลก ทราบว่าจะนำบรรจุเข้าเป็นกีฬาโอลิมปิกและกีฬานานาชาติด้วย เพื่อนำมาใช้ในวันที่มีการจัดแข่งขันกีฬาในไทย หลักการเดิมอำนาจอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และกรมการปกครองอนุมัติ ไม่มีอะไรแตกต่าง ว่าที่ รมว.มหาดไทยคนใหม่อย่ามาสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่บอกจะไม่หากินกับการพนัน ต้องเข้าใจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เขาถือโป๊กเกอร์เป็นกีฬา อย่าใช้อคติมาตัดสินใจ ขอให้ไปสนใจเรื่องเขากระโดง ฮั้ว สว. หรือเรื่องยาเสพติดดีกว่า และอยากให้เอาใจใส่กับเรื่องใหญ่ๆดักคอเด้งอธิบดีดีเอสไอหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า กรณีเรื่องเขากระโดงกำลังใกล้จะกลับคืนมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นของหลวง เป็นอย่างอื่นไม่ได้ การทำให้เป็นอย่างอื่นต้องไปตรวจสอบกันในสภา ต้องรับผิดชอบ รัฐมนตรีใหม่มีบ้านอยู่เขากระโดงด้วย จะทำอย่างไรให้เป็นธรรม ส่วนเรื่องฮั้วเลือก สว.เป็นเรื่องใหญ่มาก เราจับตาดูอยู่ว่าจะมีการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือไม่ เพราะอธิบดีดีเอสไอเป็นคนทำเรื่องนี้มาทั้งหมด และกำลังใกล้สิ้นสุดกระบวนการแล้ว ยื่นเรื่องไปก็ไปค้างที่ กกต. ดึงเรื่องอยู่นั่น ต้องไปดูเลขาธิการ กกต.เป็นคนจังหวัดอะไร ดูว่าอุปสรรคต่างๆเกิดขึ้นจากเงื่อนไขอะไร อยากให้เห็นรัฐบาลบอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด แล้วจัดการให้ได้ ตกลงกลับเข้ามาแล้วจะแก้อะไรก่อน แก้เรื่องของตนเอง หรือเรื่องประเทศชาติก่อนตอกภารกิจด่วนจ้องรื้อโผมหาดไทยผู้สื่อข่าวถามว่านายอนุทินเตรียมรื้อโผโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยอีกรอบ โดยยกข้ออ้างเรื่องความเป็นธรรม นายภูมิธรรมตอบว่า ที่ผ่านมาไม่ได้โยกย้ายมาก รมว.มหาดไทยคนก่อนย้ายไป 20-30 คน ให้ไปถามดูว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ไหนบอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาทันทีภายใน 4 เดือน มาถึงก็เริ่มจะโยกย้ายแล้ว จะเปลี่ยนแปลงอธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีอีกหลายคน ไปตรวจสอบได้ว่าที่สั่งย้ายไปมีคุณธรรมหรือไม่ “หากคิดอย่างนี้ผมคงย้ายผู้ว่าฯบุรีรัมย์ก่อน แต่นี่ยังไม่ได้ย้ายเลย ส่วนที่ย้ายอธิบดีกรมการปกครองไป ใครก็รู้ว่าโตมาจากไหน ผวจ.บุรีรัมย์ขึ้นมาเป็นอธิบดี ปภ.ปีเดียวเอง ขึ้นมาเป็นปกครองก็หมดอายุแล้ว คิดว่ามันมีเรื่องราวต่างๆ ที่คิดว่าย้ายน่าจะดีที่สุด ไม่อยากทำอะไรที่มากไปกว่านี้ ย้ายเพื่อให้ทำงานกับรัฐบาลใหม่ได้ ก็เป็นสิทธิ์ แต่อย่าบอกว่าย้ายเพื่อคืนความเป็นธรรม เพราะผมไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นธรรม ตรวจสอบได้”โบกมือลา “มีโอกาสคงได้เจอกันอีก”จากนั้นนายภูมิธรรมลงมาพูดคุยและร่วมรับประทานอาหารว่างที่ห้องสื่อมวลชนประจำกระทรวงมหาดไทย และเดินนำชมห้องทำงาน นายภูมิธรรมเปรยว่า อยากกลับมานั่งเก้าอี้นี้อีกครั้งกระทรวงนี้มีงานให้ทำเยอะ เรียนมาด้านนี้โดยตรง เป็นงานที่ใกล้ชิดกับประชาชน รู้สึกเสียดายที่ความตั้งใจแก้ปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพลเพิ่งจะดำเนินการได้ไม่นาน ยังเสียดายเรื่องเขากระโดง ที่เราดูข้อเท็จจริงแล้วต้องจัดการเพื่อให้กลับมาเป็นพื้นที่หลวงเหมือนเดิม ขอฝากให้ทำเรื่องนี้ให้จบ ประชาชนจะได้สบายใจว่าบ้านเมืองยังมีความยุติธรรม ความถูกต้อง ขณะที่นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำอธิบดี ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่มอบดอกกุหลาบสีแดงให้นายภูมิธรรม นายภูมิธรรมได้แตะบ่านายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมกล่าวว่า “อะไรที่ขาดเกินไปบ้างก็ขอโทษ” ซึ่งนายพรพจน์กล่าวตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมเคารพท่าน” ก่อนเดินทางกลับนายภูมิธรรมโบกมือพร้อมกล่าวกับข้าราชการที่มาส่งว่า “มีโอกาสคงได้เจอกันอีก”“ทักษิณ” กินอิ่มนอนหลับปรับตัวได้เมื่อเวลา 09.00 น.ที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม มีกลุ่มสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆที่ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหว และมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาทำกิจกรรมแสดงออกและให้กำลังใจนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวนายทักษิณ ได้รับการยืนยันว่ายังไม่ได้เข้าเยี่ยม ทางเรือนจำแจ้งว่านายทักษิณยังอยู่ในช่วงกักโรคโควิด-19 ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน แต่มีการสอบถามไปทางเรือนจำเป็นระยะ ได้รับการยืนยันว่าการใช้ชีวิตประจำวันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รวมถึงโรคประจำตัวไม่อะไรน่าเป็นห่วง มียาทานอยู่แล้ว ทางเรือนจำอนุญาตให้นำยาเข้าไปได้ หลังพ้นการกักโรคและออกมาใช้ชีวิตประจำวันในเรือนจำได้ตามปกติ จะรีบประสานขอเข้าเยี่ยมต่อไปมีรายงานจากกรมราชทัณฑ์ว่า การนอนห้องกักโรคคืนที่ 2 พบว่านายทักษิณแม้ว่ามีอายุเยอะ แต่ยังนอนหลับได้ปกติ ไม่มีอาการกระสับกระส่าย รวมถึงไม่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าให้เห็น ค่อนข้างปรับตัวได้ดี รับประทานอาหารได้ครบมื้อ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตนตามคำแนะนำของราชทัณฑ์“ทวี” ให้กรมราชทัณฑ์ถอดบทเรียนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกลุ่ม คปท. ร้องให้ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการกับข้าราชการที่ช่วยนายทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นสิทธิ์ เราทำตามกฎหมายและยินดีให้ตรวจสอบ ยินดีให้ความร่วมมือ กรณีการคุมขังนายทักษิณที่มองว่าจะมีการใช้ช่องทางคุมขังนอกเรือนจำ อันนี้มีอยู่ในอำนาจและระเบียบของกรมราชทัณฑ์ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ฟังและติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเช่นกัน อีกทั้ง ผบ.เรือนจำฯบอกว่า แม้แต่ญาติก็ยังเยี่ยมไม่ได้ เพราะยังอยู่ระหว่างกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน ส่วนนายทักษิณอยู่ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการเจ็บป่วย สภาพจิตใจ หรือคุมขังในแดนใดนั้น ก็ฟังจากข่าว แต่ราชทัณฑ์ต้องดูแลทุกคนในเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว รวมถึงมีระบบการดูแลอยู่ ส่วนระเบียบขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ เพราะกรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายเฉพาะ ตั้งแต่ก่อตั้งมาก็ไม่เคยมีลักษณะนี้ เมื่อมีเรื่องนี้อยากให้กรมราชทัณฑ์ได้ถอดบทเรียนพักการลงโทษต้องถามราชทัณฑ์ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้าสู่ขั้นตอนพักการลงโทษได้ต้องใช้ระยะเวลาในการคุมขังมากน้อยแค่ไหน พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ทุกอย่างอยู่ในกฎหมายราชทัณฑ์ คงต้องดูอะไรให้รอบคอบ เพราะตอนที่นายทักษิณเข้ามา รัฐบาลชุดนี้ยังไม่ได้เข้ามา เป็นการเข้ามาทีหลัง แต่เชื่อมั่นว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ เราต้องมองว่ามนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เรือนจำก็ต้องดูตรงนั้น เมื่อถามย้ำว่าหากจะเข้าโครงการพักการลงโทษ ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือนใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ต้องไปดูระเบียบกรมราชทัณฑ์ ส่วนประเด็นโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษเจ็บป่วยร้ายแรง หรือมีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป หากเป็นเช่นนั้นเขาต้องได้รับการรักษา เมื่อถามว่าขณะนี้ไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลคล้ายจะเป็นการปกปิดข้อมูลของนายทักษิณหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีรีบปฏิเสธว่า เขาไม่มีหน้าที่ต้องให้ข้อมูล เหตุใดเขาต้องเอาหน้าที่ไปประจานคนโน้นคนนี้ แต่กรมราชทัณฑ์มีโฆษกอยู่แล้ว คงต้องบอกโฆษกให้ดำเนินการป.ป.ช.จี้ ครม.วางเกณฑ์คุมขังให้ชัดวันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขัง ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากกรณีที่กรมราชทัณฑ์ประกาศระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 รวมถึงอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เป็นการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำหรือจำคุกนอกเรือนจำ ที่ยังขาดความชัดเจนในการดำเนินการ รวมถึงทำให้เกิดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อการใช้ดุลพินิจเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้แก่บุคคล นำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง เช่น ความไม่ชัดเจนของนิยามคำว่า “สถานที่คุมขัง” ทำให้เกิดการตีความว่าหมายความรวมถึงบ้านหรือที่อยู่อาศัยส่วนตัวของผู้ถูกคุมขัง เป็นต้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 มีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะดังกล่าวให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อ มอบหมายกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 32 ต้องจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขหรือแนวทางการปฏิบัติต่างๆในการ บริหารงานเรือนจำและการบริหารโทษตามอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่