ก็เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียนพรรคภูมิใจไทย ไปตามคาดหมายสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย จากการโหวตของสมาชิกสภาผู้แทน เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 และไปสิ้นสุดหลัง 16.00 น.เล็กน้อยผลปรากฏว่าเลขที่ออก “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ได้ 311 เสียง “นายชัยเกษม นิติสิริ” ได้ 152 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ว่างลงจึงตกเป็นของนายอนุทิน ณ นาทีนั้นสิ่งแรกที่ “เสี่ยหนู” หรือนายอนุทินกระทำก็คือ ออกจากสภาขึ้นนั่งรถหรูส่วนตัวไปกราบ “คุณพ่อ” นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หรือ “ปู่จิ้น” อดีต รองนายกฯ และ มท.1 ซึ่งป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในทันทีจึงปรากฏภาพ “ลูกหนู” กอดและซบอก “ปู่จิ้น” ขึ้นหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รวมทั้ง ไทยรัฐ ซึ่งบรรยายใต้ภาพไว้ว่า“กราบพ่อ” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เดินทางไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เข้าเยี่ยมนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกฯ บิดาที่พักรักษาตัวอยู่ โดยนายอนุทินโผเข้าไปก้มกราบลงบนตักบิดา สวมกอดกันอย่างอบอุ่น ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นายชวรัตน์บอกว่า “พ่อดีใจมาก ดีใจที่ได้เห็นวันนี้ หนูก็ทำตัวดีๆนะ”โดยเฉพาะประโยคท้ายที่ว่า หนูก็ทำตัวดีๆนะ นั้น มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง...ตีความได้ว่า ความดีใจของผู้เป็นพ่อที่ได้เห็นลูกเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้จะสมบูรณ์ครบถ้วนก็ต่อเมื่อลูกหรือ หนูจะทำตัวดีๆ หรือ บริหารประเทศด้วยความดีความงาม ในช่วงเวลาดำรงตำแหน่ง 4 เดือน ตามสัญญา และอีกประมาณ 2 เดือนหรือ 60 วัน ระหว่างยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่ผมเคยเรียนท่านผู้อ่านแล้วว่า โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้สัมภาษณ์พูดคุยหรือรู้จักมักจี่ คุณอนุทิน เท่าไรนัก น่าจะเจอกัน 3-4 ครั้งเท่านั้น พูดจากันเพียงไม่กี่ประโยคแต่ผมค่อนข้างสนิทกับ “ปู่จิ้น” คุณพ่อของท่าน ดังที่เคยเรียนไว้เช่นกันว่า เพราะท่าน ชวรัตน์ เป็นศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่นพี่ผม...อาจจะก่อนคุณ สถาพร กวิตานนท์ อดีตเลขาธิการบีโอไอสักรุ่นด้วยมั้ง แต่สนิทสนมกับคุณสถาพรอย่างมากส่วนผมเป็นรุ่นน้องเฮียสถาพร มาจากปากนํ้าโพด้วยกัน และมาสอบเข้าคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ตามคำแนะนำของเฮียสถาพรนี่แหละจึงพลอยสนิทสนมกับปู่จิ้นไปด้วยอีกหลาย 10 ปีถัดมา คุณสถาพร ได้รับเลือกจากสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ให้เป็นนายกสมาคม ท่านก็เชิญปู่จิ้นมาเป็น กรรมการที่ปรึกษาด้วย และขอให้ผมรับหน้าที่กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์...มีโอกาสประชุมร่วมกับปู่จิ้นบ่อยๆจนถือได้ว่าสนิทสนมและถูกคอกันเจอกันที่ไหนก็เดินมาทักทายสารทุกข์สุกดิบ เพิ่งจะมาห่างเหินกันไปหลายปีช่วงที่ท่านไปเล่นการเมือง ได้เป็นใหญ่เป็นโตดังกล่าวมาพบกันอีกครั้งเมื่อปลายปีที่แล้วในงานฉลอง 75 ปี คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีพิธีมอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นให้แก่ศิษย์เก่าที่ออกไปสร้างชื่อให้แก่คณะ ซึ่งปู่จิ้นนั้นได้รับในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทใหญ่ ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และเป็นถึงรองนายกฯ และ มท.1 ด้วยส่วนผมนั้นได้รับในฐานะนักเขียน “ซูม” และ “จ่าแฉ่ง” แห่งไทยรัฐ...ยังจำได้ว่าท่านนั่งรถเข็นไปรับรางวัล ส่วนผมก็ถือไม้เท้ากระย่องกระแย่งไปรับรางวัล ตอนถ่ายภาพหมู่ยังยืนคู่กันอยู่กลางๆวันนี้เห็นภาพท่านในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผมก็เพิ่งไปเข้ามา 15 วัน เพิ่งจะกลับบ้านเมื่อเร็วๆนี้ ก็หวังว่าการได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของลูกชายคงจะช่วยทำให้ท่านสุขภาพแข็งแรงหายเจ็บป่วยกลับบ้านได้ในเร็ววันนะครับสำหรับนายกฯหนูผมก็ขออนุญาตหยิบยืมคำพูดของปู่จิ้นมากำชับอีกครั้ง “ทำตัวดีๆนะ”...แม้จะมีเวลาแค่ไม่กี่เดือนก็ตาม.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม