“เพื่อไทย” ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายชงชื่อ “ชัยเกษม” ชิงดำเก้าอี้นายกฯ เสนอออปชันสุดซอยยุบสภาทันทีหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่ต้องรอ 4 เดือน รับทุกเงื่อนไขพรรคประชาชน “สรวงศ์-ภูมิธรรม” อ้างเหตุผลจริงใจคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อประเทศชาติและประชาธิปไตยเดินหน้าได้ “ชัยเกษม” ให้คำมั่นคืนอำนาจทันที ไม่มีเปลี่ยนแปลง “เท้ง” เมินซัด เพื่อไทยตีรวน พูดกลับไปกลับมาไม่จริงจังจริงใจ ย้ำ ประชาชนไม่เปลี่ยนใจโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ “เสี่ยหนู” มั่นใจค่ายส้มไม่ฉีกข้อตกลง “อดิศร” ปูดกลางสภาฯทุ่ม 1.5-2 พันล้าน เพื่อเป็นนายกฯ ค่ายน้ำเงินเร่งคลอดโผ ครม. “เสี่ยหนู 1” นายกฯนั่งควบ มท.1 “ธรรมนัส” จอง รมว.กลาโหม ถ้าติดเงื่อนไขเล็งทาบ “บิ๊กกุ้ง” เสียบแทน “ทักษิณ” นั่งเจ็ตบินไปสิงคโปร์หลังจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา แต่มีการตีกลับลงมา ต้องวนกลับเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกนายกฯในสภา โดยพรรค พท.ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. พร้อมยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันทีหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อไทยทิ้งไพ่สุดท้ายชง “ชัยเกษม” ชิงผู้นำเมื่อเวลา 11.46 น. วันที่ 4 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แชร์โพสต์จากเพจพรรคระบุว่า “เพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อชัยเกษม นิติสิริ ชิงนายกรัฐมนตรี” และแชร์อีกข้อความระบุว่า “เลือกชัยเกษมเป็นนายกฯยุบสภาทันทีคืนอำนาจประชาชน”นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อและประธาน สส.พรรค พท.กล่าวว่า พรรคยืนยันจะเสนอชื่อนายชัยเกษม เป็นนายกฯ วันที่ 5 ก.ย.ไม่มีการให้แสดงวิสัยทัศน์ เพราะนายชัยเกษมไม่ได้เป็นสส.จึงไม่สามารถเข้าประชุมสภาฯ ได้ จากนั้นเวลา 11.12 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ข้อเสนอสุดท้ายเลือกนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ จะยุบสภาทันทีเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา”ยุบสภาฯทันทีหลังแถลงนโยบายที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวฯ ให้สัมภาษณ์ว่า มาในฐานะเลขาธิการพรรค พท.และฝ่ายนิติบัญญัติพรรค เรายืนยันถึงอำนาจหน้าที่และมั่นใจในอำนาจการทูลเกล้าฯถวายคำแนะนำในการยุบสภาฯ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯทำได้ เป็นกระบวนการฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติยืนยันข้อเสนอสุดท้ายของเราหากวันที่ 5 ก.ย.โหวตเลือกนายกฯเสียงส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจให้นายชัยเกษมหลังเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯและแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เราจะประกาศยุบสภาทันที ขอให้รอติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าวันที่ 5 ก.ย.พรรค พท.จะเสนอชื่อนายชัยเกษมเป็นนายกฯอ้อมแอ้มสกัด “เสี่ยหนู” นั่งนายกฯเมื่อถามว่าข้อเสนอนี้เพื่อให้พรรค ปชน.กลับมาโหวตสนับสนุนพรรค พท.นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องให้พรรคใดมาสนับสนุน แต่เป็นสิ่งที่เราพูดคุยกันว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศตอนนี้ พรรค พท.ตั้งใจ บริสุทธิ์ใจที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน เรายื่นข้อเสนอสุดท้ายให้กับทุกพรรคที่อยู่ในสภาฯ อย่าถึงขนาดว่าป้องกันนายอนุทินขึ้นเป็นนายกฯ แล้วแต่วิจารณญาณของ สส.ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเดินต่อต้องมองทุกมิติฝ่ายนิติบัญญัติต้องเดินทางหนึ่ง ฝ่ายบริหารต้องเดินอีกทางหนึ่ง แต่ความชัดเจนพรรค พท.และรัฐบาล ความประสงค์เดียวกันคือจริงใจในการคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างชัดเจน ขนาดเดินแถวขาเดียวยังรู้สึกว่าเราไม่มั่นคง ยังหาความจริงใจจากพวกเราอยู่เลย ดังนั้นไปสองขาแบบนี้ เพื่อจะให้เห็นว่าพวกเราจริงใจขนาดไหน“ภูมิธรรม” พลิ้วทบทวน พ.ร.ฎ.ยุบสภาเมื่อเวลา 12.55 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ฉบับที่ 1 เนื้อหาว่า รัฐบาลจัดทำ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ และส่งให้สำนักงานองคมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ย.68 ต่อมาได้รับแจ้งว่ายังมีประเด็นข้อกฎหมายที่มีการโต้แย้งและยังไม่เป็นข้อยุติ โดยเฉพาะประเด็นอำนาจรองนายกฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ในการถวายคำแนะนำ จึงยังไม่เห็นสมควรนำร่าง พ.ร.ฎ.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในเวลานี้ รัฐบาลเคารพขั้นตอนและหลักนิติธรรมทุกประการ จะนำกลับมาทบทวนและพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมถูกต้อง แต่ย้ำชัดว่าเจตนารมณ์รัฐบาลคือการคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วที่สุดต่อมาเวลา 12.58 น. นายภูมิธรรม โพสต์ข้อความฉบับที่ 2 ว่า “เดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย” เมื่อพรรคปชน.แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะโหวตสนับสนุนพรรคภท.บรรจุวาระเลือกนายกฯแล้ว ทุกพรรคต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ พรรค พท.พร้อมเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ หากเราได้รับเสียงสนับสนุน เราจะประกาศยุบสภาทันที ไม่รอครบ 4 เดือน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าอย่างรวดเร็ว คืนอำนาจให้ประชาชน เรายังคงหวังให้กระบวนการประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าได้อย่างสง่างาม ให้สภาฯทำหน้าที่เลือกนายกฯ และกำหนดทิศทางของประเทศไทยอย่างแท้จริงชัดเจนเลือกโหวตแข่งนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่าได้รับประสานงานกลับมาว่ามีประเด็นที่ยังไม่มีข้อยุติคือ เรารับกลับมาและจะปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งหมด ยืนยันเจตนารมณ์ยื่น พ.ร.ฎ.ยุบสภาขึ้นไป ทราบดีว่าเป็นพระราชอำนาจ ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้น อีกประเด็นเราอยากเห็นกระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้า เราเสนอนายชัยเกษม พรรคที่จะโหวตเป็นเอกสิทธิ์ โหวตอะไรไปต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ได้คุยกับนายชัยเกษมเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่าเมื่อตีกลับมาเช่นนี้จะไม่ยื่น พ.ร.ฎ.ยุบสภาขึ้นไปใหม่แล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ชัดเจนแล้วหากมีการเลือกนายกฯ ไม่ต้องใช้เส้นทางนี้ จะไม่ไปก้าวล่วง ส่วนพรรค ปชน.มีท่าทีจะโหวตให้พรรค ภท.ไม่เป็นไร เป็นเอกสิทธิ์ แต่ขอให้รับผิดชอบการตัดสินใจที่ตัวเองได้ตัดสินใจขยี้เลือก “หนู” เขากระโดงหายวับนายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เลื่อนแจ้งความคดีเขากระโดงต่อดีเอสไอไม่มีกำหนดว่าเขากระโดงไม่สำคัญเท่ากับการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าหากเปลี่ยนรัฐบาลจะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.จะหายไปตลอดเวลาและหายไปตลอดกาล เมื่อถามต่อว่าแบบนี้จะไม่ได้เขากระโดงกลับคืนเป็นที่หลวงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ผมทำตามนี้แน่นอน”“ชัยเกษม” ให้คำมั่นคืนอำนาจ ปชช.ช่วงบ่าย นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ แกนนำพรรค พท. นายชูศักดิ์ ศิรินิล น.ส.จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค พท. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางไปยังบ้านพักนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคพท. ย่านรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พูดคุยถึงการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จากนั้นเวลา 15.40 น. นายชัยเกษมแถลงว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท. ขอยืนยันว่าพรรค พท.ตอบรับข้อเสนอทุกข้อของพรรค ปชน. หากตนได้รับการลงคะแนนเป็นนายกฯจะยุบสภาทันที ไม่ต้องรอถึง 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้ง ขอยืนยันอีกครั้งว่านี่คือสัญญาที่ทำไว้ต่อประชาชนและ สส.ทุกคน ในฐานะนายกฯและพรรค พท.ในฐานะแกนนำรัฐบาล จะปฏิบัติตามข้อตกลงนี้โดยไม่มีข้อเปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ“ชูศักดิ์” ย้ำรักษาการชงยุบสภาได้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีปัญหาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ มีอำนาจทูลเกล้าฯร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาได้หรือไม่ว่า การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่อำนาจนายกฯ ผู้รักษาการตำแหน่งนายกฯมีอำนาจยุบสภาหรือไม่ นายกฯมีแต่เพียงอำนาจถวายความเห็นโดยเสนอ พ.ร.ฎ. ตามมาตรา 103และมาตรา 175 การตีความรัฐธรรมนูญควรตีความไปในทางที่ใช้บังคับได้ ไม่ใช่ก่อให้เกิดทางตัน การยุบสภาจะทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุเดียวกันตามมาตรา 103 โดยไม่มีบทบัญญัติอื่นใดจำกัดอำนาจนายกฯ และเมื่ออำนาจใดเป็นของนายกฯ อำนาจนั้นย่อมเป็นของรองนายกฯ ที่รักษาการแทนนายกฯ เพราะไม่มีข้อจำกัดไว้ในที่ใดตีความ รธน.ไปทางตันอันตรายนายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่ว่าการตีความรัฐธรรมนูญ ต้องตีความไปในทางที่ใช้บังคับได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์สำคัญที่นายกฯพ้นตำแหน่งและยังคงมีรองนายกฯรักษาการ แต่เหตุการณ์นั้นรุนแรงจนสมควรยุบสภา จะหาทางออกด้วยการยุบสภาไม่ได้ อันก่อให้เกิดผลอันตรายและเสียหายตามมา อันจะเป็นทางตันไม่อาจแก้ปัญหาได้ รองนายกฯรักษาการแทนนายกฯ จึงมีอำนาจในการนำความกราบบังคมทูล พระกรุณาถวายร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยได้ ส่วนจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประการใด ย่อมเป็นพระราชอำนาจเด็ดขาด ไม่อาจถูกทบทวนโดยศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรใดๆ ข้อที่ว่าผู้รักษาการในตำแหน่งนายกฯไม่เคยทูลเกล้าร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภามาก่อน มิใช่เหตุผลที่จะตัดอำนาจดังกล่าว ทั้งนี้ เป็นเพราะไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอดีต จึงถือเป็นประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ได้ แท้จริงแล้วถ้าเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องหาทางออกจนได้“เท้ง” ขอความชัดเจน พท.ย้อนแย้งก่อนหน้านี้เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. แถลงข่าวขอความชัดเจนการทูลเกล้าฯยุบสภาจากนายภูมิธรรมว่า ประธานสภาฯบรรจุวาระโหวตนายกฯแล้วในวันที่ 5 ก.ย. และพรรค พท.มีมติเสนอแคนดิเดตชิงนายกฯ แต่กลับมีกระแสข่าวรัฐบาลเสนอความเห็นเพิ่มเติมไปยังสำนักองคมนตรี เพื่อยืนยันการทูลเกล้าฯ ยุบสภา กระบวนการยุบสภา สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ พรรค พท.ย้อนแย้งในตัวเอง จึงต้องขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรมส่งซิก ภท.ถอนแจ้งความ ม.112นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ไม่เห็นด้วยกรณีที่มีพรรคการเมืองแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อนายภูมิธรรมกรณีการทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ ได้เรียกร้องให้ถอนคำกล่าวโทษ โดยไม่มีการใช้กฎหมายทำลายล้างกันทางการเมือง หรือที่เรียกว่านิติสงครามไม่ว่าต่อฝ่ายใด จุดยืนพรรค ปชน.สถานการณ์ตอนนี้คือนายกฯรักษาการมีอำนาจยุบสภา แต่รัฐบาลกลับย้อนแย้งไม่ชัดเจน ถ้ารัฐบาลคาราคาซังพวกเราเห็นควรโหวตเลือกนายกฯต่อไป ย้ำการเซ็น MOA ครั้งนี้เราไม่มีอำนาจใดๆสั่งห้าม ไม่ให้เขาทำอะไรเป็นการล่วงหน้า การดำเนินการต่างๆเป็นสิทธิของเขา แต่ถ้ารัฐบาลทำสิ่งไม่ถูกต้อง ขัดต่อหลักการ เราพร้อมใช้เสียงในสภาฯกำกับทิศทางให้เดินไปในทางที่เราคิดว่าถูกต้อง เชื่อว่า ภท.และทุกฝ่ายที่รวมเสียงกับ ภท.ได้เห็นสัญญาณที่ตนส่งไปแล้ว ยอมรับโหวตเตอร์หรือผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่สบายใจ เชื่อว่า 4 เดือนหลังจากนี้ ถ้า ปชน.กำกับทิศทางไปตามข้อตกลงกับพรรค ภท. ทุกคนจะเข้าใจดี แต่ละคนประเมินได้ว่าถูกหลอกหรือไม่ ทางเลือกนี้ดีสุดสำหรับประเทศ ไม่ใช่สำหรับพรรค ปชน.ขึงขังบิดพลิ้วใช้ ม.151 ลงโทษทันทีเมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไปจับมือกับพรรค ภท.ตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่ายังไม่ได้คิดไปถึงตรงนั้น เราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง เป้าหมายได้เสียงข้างมากในสภาฯ หาก ภท.ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดละเมิดข้อตกลงร่วม ปชน.จะเลิกสนับสนุนทันที รวมถึงอาจดำเนินการอื่นใด แม้ไม่ได้เขียนไว้ในลายลักษณ์อักษร แต่วิญญูชนเห็นได้ว่ากระทำไม่ถูกต้อง เราพร้อมดำเนินการทันที คงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เช่น แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมล้างคดีให้กลุ่มผลประโยชน์พวกพ้องตัวเอง เรายอมรับไม่ได้เช่นเดียวกัน มีกลไกมาตรา 151 อยู่ ถึงแม้โหวตนายกฯไปแล้ว พรรค ภท.ต้องคงสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย เรายังมีกลไกซักฟอกกำกับทิศทางรัฐบาลได้อยู่โต้ข่าวค่ายส้มระส่ำ สส.เสียงแตกช่วงบ่าย นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรค ปชน. ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กถึงกระแสข่าวที่สื่อมวลชนบางสำนักรายงานว่าพรรคปชน.ระส่ำระสาย สส.ปชน.ต้องการให้ฟรีโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ว่าไม่มีผู้แทนฯคนไหนของพรรคติดใจสงสัย พรรคยึดมั่นคำสัญญา ความตรงไปตรงมา ไม่ต่อรองผลประโยชน์เพื่อตัวเอง แต่ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ จึงไม่สามารถอยู่เฉยให้การเมืองของประเทศเดินไปสู่ทางตัน“อนุทิน” ชี้ พท.ลงแข่ง ปชช.มีตัวเลือกด้านความเคลื่อนไหวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ภท. เดินทางเข้ารัฐสภา เมื่อเวลา 09.06 น. โดยกล่าวถึงกรณีพรรค ภท.มาโหวตร่าง พ.ร.บ.การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษไม่ทันว่า ได้ชี้แจงพรรค ปชน.แล้ว ต้องจัดตั้งทีมประสานงานขึ้นมา ส่วนการตีกลับร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา ตรงนี้มิบังควรที่จะพูดถึง ส่วนวันที่ 5 ก.ย.พรรค พท.เสนอบุคคลเป็นนายกฯแข่งกังวลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีทางเลือก ยิ่งมีทางเลือกยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน เมื่อถามถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า ครม.ชุดนี้จะเป็น ครม.เขี้ยวลากดิน นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนเดินเข้าลิฟต์ไปมั่นใจพรรคประชาชนไม่ฉีกข้อตกลงต่อมาเวลา 10.45 น. นายอนุทินกล่าวถึง กรณีพรรค พท.เสนอเงื่อนไข หากนายชัยเกษมได้เป็นนายกฯจะยุบสภาทันทีไม่รอ 4 เดือนว่า คนเป็นนายกฯมีสิทธิ์ยุบสภาไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับพรรค ปชน.เพิ่มเติม แต่มั่นใจว่าพรรค ปชน.จะไม่ฉีกข้อตกลงร่วมกัน เชื่อว่าพรรค ปชน.มั่นใจว่าตนเองจะปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่เช่นนั้นหัวหน้าพรรค ปชน.คงไม่ลงนาม พร้อมเข้าสู่กระบวนการโหวตเลือกนายกฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การแข่งขันเป็นเรื่องดี ทำให้ทุกฝ่ายจะกระตือรือร้น เมื่อถามถึงความพร้อมโชว์วิสัยทัศน์ในสภาแล้วแต่ที่ประชุม“ศุภชัย” ถอนแจ้งความ “อ้วน” แล้วนายอนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนการถอนแจ้งความมาตรา 157 ของนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานที่ปรึกษากฎหมายพรรค ภท. ถอนแจ้งความ ม.157 ที่ร้องเอาผิดนายภูมิธรรมนั้น นายศุภชัยส่งข้อความมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าทุกอย่างมีความชัดเจนแล้ว จึงได้ไปถอนแจ้งความ และนายศุภชัยไม่ได้ทำในนามพรรค ทุกคนมีเอกสิทธิ์ ทำสิ่งที่ไม่กระทบกับพรรค และไม่ได้เป็นแนวนโยบายพรรค ทำตามในเจตนาของตนเองได้ รับผิดชอบตนเอง พรรค ภท.สงบ สันติ สามัคคีอยู่แล้วยันเขากระโดง–คดีค้างยึดหลัก ก.ม.เมื่อถามว่าพรรค พท.จ่อไล่บี้คดีความต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า เราพร้อมมีความจริง คนจะบี้หรืออภิปรายตีแผ่อะไร ขอให้เอาความจริงมาพูดอย่าไปเสกสรรค์ปั้นแต่ง ส่วนกรณีนายณัฐพงษ์ระบุถ้ามีประเด็นใดอยู่เหนือ MOA เกี่ยวกับจริยธรรม พรรค ปชน.อาจไม่เห็นด้วย ถ้าจริยธรรมไม่ดีถือว่าเป็นสาเหตุที่ไม่อยู่ในข้อตกลง เมื่อถามย้ำว่าหากไปใช้พรรคแก้กฎหมาย เช่น เขากระโดง แทรกแซงคดีต่างๆ นายอนุทินกล่าวว่า สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำให้ชัดเจนคือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาบอกเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกฎหมายไม่ใส่สีไม่ใส่ความ ไม่ยัดข้อหาและไม่ทำในสิ่งที่เขาทำกันทุกวันนี้ ยืนยันว่าจะใช้กฎหมายเต็มที่ ตรงไหนยึดได้ยึด ขึ้นศาลได้ต้องขึ้นศาล จะติดตามเองด้วยเหน็บข้อเสนอ พท.เปลี่ยนทุกวันนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.ชูนายชัยเกษมเป็นนายกฯจะยุบสภาทันทีว่า ทำได้เพราะเงื่อนไขพรรค พท.เปลี่ยนทุกวัน มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของพรรค ปชน. ส่วนพรรค ภท.ยืนยันตั้งแต่วันแรกทำทุกอย่างตามข้อเสนอของพรรค ปชน. เมื่อถามว่าทำให้พรรค ปชน.ลังเลหรือไม่ นายสิริพงศ์ตอบว่า เท่าที่ดูข่าวมติของพรรค ปชน.เปลี่ยนไม่ได้“เสี่ยหนู”คึกเดินทัก สส.ทั่วห้องประชุมสำหรับบรรยากาศการประชุมสภาฯ มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ระหว่างเปิดโอกาสให้ สส.หารือความเดือดร้อนประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. เดินเข้ามาในห้องประชุมทักทาย สส.พรรค ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันในห้องประชุม จากนั้นนายอนุทินเดินไปทักทายพูดคุยกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ มี สส.พรรค ปชน.ส่วนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย จับมือแสดงความยินดีล่วงหน้ากับนายอนุทินจะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ วันที่ 5 ก.ย.ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมคึกคัก ขณะเดียวกันนายอนุทินยังเดินไปทักทาย สส.พรรค พท. อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี เป็นต้นปชน.โอดลำบากใจโหวตนายกฯขณะที่นายประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ สส.ปทุมธานี พรรค ปชน. หารือในห้องประชุมว่า ในวันที่ 5 ก.ย. มีวาระเลือกนายกฯคนใหม่ ในฐานะตัวแทนประชาชน ต้องการรับฟังเสียงประชาชน ได้เดินลงพื้นที่และเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ รับฟังความเห็น ลำบากใจที่จะลงคะแนนเสียงวันที่ 5 ก.ย. แต่เพื่อผ่าทางตันจำเป็นต้องยอมรับการถูกตำหนิหรือก่นด่าจากประชาชน เมื่อมีความรู้สึกแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือกใคร ก็ถูกตำหนิ ขอฝากถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ สารตั้งต้นปัญหานี้ ควรรับผิดชอบมากกว่านี้“เท้ง” โต้ข่าวลือขอเลื่อนเลือกผู้นำต่อมาเวลา 15.00 น. ระหว่างการประชุมสภาฯ พิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ระบบงบประมาณไทย สภาพปัญหาและข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ที่คณะ กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการ บริหารงบฯพิจารณาแล้วเสร็จ นายณัฐพงษ์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ในฐานะอดีตประธาน กมธ.ติดตามงบฯ กล่าวก่อนรายงานผลการศึกษาว่า เมื่อ 1-2 นาทีที่ผ่านมา มีคนรายงานและให้ข้อมูลว่าตนไปให้ข้อมูลฝ่ายเลขานุการประธานสภาฯหรือเจ้าหน้าที่ประธานสภาฯว่าผู้นำฝ่ายค้านขอเลื่อนระเบียบวาระโหวตนายกฯ วันที่ 5 ก.ย.ออกไป ยืนยันไม่เป็นความจริงพท.ปูดเป็นนายกฯลงทุน 1.5-2 พัน ล.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่สภาฯ พิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบฯ 66 ของสำนักงาน ป.ป.ช. นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายตอนหนึ่งว่า อยากให้ตัวแทน ป.ป.ช.ชี้แจงถึงคดีปกครอง 23 คดีที่ ป.ป.ช.ถูกฟ้อง ว่าเป็นคดีเกี่ยวกับอะไร และหวังผลทางคดีอย่างไรบ้าง เพราะถ้าแพ้คดีเราต้องหาเงินภาษีประชาชนไปชดใช้ให้แก่ผู้ฟ้อง หมายถึงการทำงานของ ป.ป.ช.ไม่รอบคอบรัดกุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่อยากอภิปราย ป.ป.ช. อย่างน้อยเรื่องบัญชีทรัพย์ของพวกตนคาคออยู่ ไม่รู้จะพ้นตำแหน่งเมื่อไหร่ อาจพ้นพรุ่งนี้หรือเปล่าไม่รู้ การลงทุนเป็นนายกฯ ป.ป.ช.เข้าไปยุ่งหรือปราบปรามการทุจริตหรือไม่ ได้ยินข่าวหึ่งถึง 1.5 พันล้านถึง 2 พันล้านบาทอย่างนี้เป็นต้นเคลียร์ยึดมั่น MOA ไม่สน พท.ตีรวนต่อมาเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. แถลงชี้แจงข่าวลือว่า ไม่คิดว่าจะทำอะไรให้เกิดความไขว้เขวแต่อย่างใด เมื่อเช้าแถลงไปแล้วว่าการตัดสินใจของพรรค ปชน.สิ้นสุดตั้งแต่ตอน กก.บห.แถลงข่าว MOA กับพรรค ภท.แล้ว ตลอดทั้งวันที่ประชุมร่วมกับ สส.ไม่มีการพูดถึงฟรีโหวต เชื่อมั่นต่อเพื่อนร่วมพรรค ไม่มี สส.พรรค ปชน.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนข้อเสนอใหม่พรรค พท.พวกเราประเมินได้ว่าจริงๆแล้วไม่มีความจริงจัง หรือจริงใจ บรรลุข้อตกลงกับเราแต่ต้น แต่ปล่อยข่าวช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่า เราไม่สามารถเชื่อคำพูดที่กลับไปกลับมาแบบนี้ได้ พรรค พท.ไม่ได้เดินหน้ายุบสภาฯก่อน ต่อมาเสนอชื่อนายชัยเกษมมาชิงเก้าอี้นายกฯ มองว่าพรรค พท.ตีรวน เมื่อถามว่าถ้านายอนุทินได้เป็นนายกฯแล้ว ถูกคดีจริยธรรมสอยก่อนยุบสภาฯ มองถึงนายกฯคนที่ 4 หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่การโดนคดีจริยธรรม พรรค ปชน.บอกตลอดว่าเราไม่เห็นด้วยกับการใช้กระบวนการแบบนี้แจงทำสัญญาปีศาจหาทางออกให้ ปท.เมื่อถามถึงกรณีอดีตแกนนำพรรค ก.ก.เสนอว่าไม่อยากให้พรรค ปชน.เป็นตัวประกอบภาพยนตร์ที่ทำสัญญากับปีศาจ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พวกเราต้องพิสูจน์ว่าหลังจากนี้อีก 4 เดือน พรรค ปชน. จะใช้เสียง 140 กว่าเสียง กำกับทิศทางรัฐบาลนำไปสู่สิ่งที่เราตั้งเป้าไว้มากน้อยแค่ไหน ส่วนกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก.และอดีตแกนนำพรรค ก.ก.คนอื่นๆเคยบอกว่าไม่ควรดีลกับปีศาจ สิ่งที่เราเคยบอกว่าดีลปีศาจ ต้องดูว่าดีลเพื่อผลประโยชน์ของใคร เพื่อผลประโยชน์ตัวเองหรือเราใช้อำนาจที่เรามี ได้รับมอบจากประชาชนหาทางออกให้กับประเทศที่สำคัญมากกว่า เชื่อว่าองคาพยพของเราเข้าใจ“หนู” อำตัวเองหน้าเหมือนตัวเงินตัวทองผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ก.ย. ทำเนียบรัฐบาล เงียบเหงา บนตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ เหลือเพียงชุดเฟอร์นิเจอร์ทำงานบางส่วนเท่านั้น เจ้าหน้าที่นำกล่องพลาสติกขนาดใหญ่หลายใบถือขึ้นไปบนตึกไทยฯ แต่ที่สร้างความฮือฮาเมื่อมีตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ 2 ตัว โผล่เดินบนสนามหญ้าและถนนด้านหน้าตึกไทยฯ จนบรรดาช่างภาพและผู้สื่อข่าวต่างบันทึกภาพกันคึกคักต่อมาเวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ตอบคำถามผู้สื่อข่าวติดตลกว่า เค้กส้มต้องกินกับอะไร นายอนุทินหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า กินกับเยลลี่ กับน้ำอัญชัน น้ำแดง เหลือง เขียวขาว อะไรก็ได้ วันนี้เราต้องสามัคคีกันให้มาก เราต้องมีศัตรูคนเดียวคือคนที่รุกรานประเทศเรา ฉะนั้นเราต้องสมัครสมานสามัคคี หากคนไทยสามัคคีกันไม่มีใครมาทำร้ายประเทศไทยได้ ตั้งใจจะทำอย่างนั้น จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเอารูปตัวเงินตัวทองหน้าตึกไทยคู่ฟ้าให้นายอนุทินดู อนุทินถึงกับบอกว่า “หน้าเหมือนผมเลยเนอะ” พร้อมถามว่า ภาพจริงหรือ AI พร้อมเอื้อมมือมาขยายภาพดู ก่อนจะร้องอุ้ยจริงหรือเปล่าพร้อมหัวเราะ ตัวเงินตัวทองเป็นสัตว์สงวนอยู่แล้วหาเงินหาทองให้กับประเทศ“ธรรมนัส” การันตี กธ.ไม่มีแตกแถวที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงข่าวการจัดโผ ครม.สัดส่วนพรรคกล้าธรรมว่า ไม่มี เป็นเรื่องคาดการณ์ ยังไม่มีการคุยเรื่องนี้กัน ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง มีเรื่องเดียว คือหาทางออกให้ประเทศชาติบ้านเมือง ขอย้ำว่าไม่มีการคุยเรื่องอื่น เราจะทำหน้าที่พรรคเราตามที่รับปากเอาไว้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าอาจมีการอภิปรายในสภาขึ้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ทุกคนต้องเตรียมพร้อม ในส่วนพรรค กธ.ตนกำชับลูกพรรคแล้ว ไม่มีแตกแถวแม้แต่คนเดียว เราพูดคุยและตกลงกันแล้วว่าจะทำตามนั้น ส่วนที่พรรค พท.เผยแพร่คลิปวิดีโอนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.สัญญาว่าหากได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯจะยุบสภาทันที ทุกพรรคต่างรู้ตัวเองว่าควรทำอะไร พรรคเราทำให้ดีที่สุด พรรคอื่นขอไม่ก้าวก่าย เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าเกมจะพลิกหลังมีกระแสข่าวฟรีโหวต ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราเคารพการตัดสินใจแต่ละฝ่าย เราพูดถึงพรรคเราพรรคเดียว พรรคอื่นเราไม่พูด“วันนอร์” ชี้โชว์วิชันแล้วแต่ที่ประชุมนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯกล่าวถึงการบรรจุระเบียบวาระด่วนพิเศษพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ต้องแสดงวิสัยทัศน์ของผู้แข่งขันหรือไม่ว่า ไม่มีข้อบังคับและรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ ไม่เหมือนการเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯที่ข้อบังคับระบุให้ต้องแสดงวิสัยทัศน์ก่อนพิจารณาเลือก ในการเลือกนายกฯตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีการแสดงวิสัยทัศน์ เพราะเป็นคนนอกสภาฯ ไม่ได้อยู่ในสภาฯ ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรเช่นกัน แต่คราวนี้ไม่ทราบจะเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในสภาฯหรือนอกสภาฯ จึงอยู่ที่สภาฯจะให้ดำเนินการอย่างไรปิดทาง สส.ถล่มเปิดแผลว่าที่นายกฯเมื่อถามว่ากรอบการอภิปรายแสดงความเห็น สส. หลังมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทำได้หรือไม่ ประธานสภาฯกล่าวว่า การแสดงความเห็นน่าจะเป็นเรื่องเหตุผลการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯเพราะอะไร ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯต้องมาแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาอยู่แล้ว สมาชิกอภิปรายได้ทั้งเรื่องความรู้ความสามารถหรือเรื่องอื่นๆที่ไม่ผิดข้อบังคับ ดังนั้น วาระโหวตนายกฯไม่น่าจะมีการอภิปรายแสดงความเห็นของสมาชิก ส่วนเมื่อพลิกขั้วรัฐบาลแล้วจะส่งผลกระทบกับตำแหน่งประธานสภาฯหรือไม่ ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือฉบับปี 2540 และ 2550 ระบุประธานสภาฯต้องเลือกจากสมาชิกในสภาฯนั้นๆ เมื่อเป็นแล้วการพ้นตำแหน่งมี 2 กรณีคือลาออก หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ไม่ได้เป็นอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะมากำหนดตำแหน่งนี้ ยืนยันเป็นเรื่องของสมาชิกสภาฯตามกฎหมาย ไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นกรณีพิเศษ“นพรุจ” ร้อง บช.ก.เอาผิด “อ้วน”เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อเอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ความผิดตามมาตรา 112 กรณีทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯทั้งที่ไม่มีอำนาจบังอาจลุแก่อำนาจ นำความที่ไม่บังควรขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ เพื่อให้ยุบสภา ส่อเจตนากระทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท“สุรทิน–ไทกร” ถอนแจ้งความ ม.112เวลาไล่เลี่ยกัน นายสุรทิน พิจารณ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) พร้อมนายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อถอนแจ้งความนายภูมิธรรมที่ได้แจ้งความเอาผิดตามมาตรา 112 ไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายสุรทินกล่าวว่า หลังแจ้งความไปแล้ว เพื่อนๆบอกถ้าเป็นคดีไม่สบายใจ เพื่อให้เกิดความสบายใจ เพราะทุกอย่างยุติไปแล้ว บ้านเมืองเดินไปหนึ่งขั้นแล้ว เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปอย่างราบรื่น เลยตั้งใจมาถอนแจ้งความ เพราะวันที่ 5 ก.ย.จะมีการเลือกนายกฯคนใหม่แล้ว ต้องการให้เดินหน้าไปได้ทุกฝ่าย ยืนยันไม่ได้มีใครกดดันให้มาถอนแจ้งความแน่นอนภท.เร่งคลอดโผ ครม. “อนุทิน 1” ส่วนความคืบหน้าการจัดทำโผ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค ภท.ว่า ทันทีที่ประชุมสภาฯโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. เป็นนายกฯคนที่ 32 นายอนุทินเตรียมรีบฟอร์ม ครม.ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง ฝ่ายค้านมี 346 เสียง จึงกำหนดโควตารัฐมนตรี 1 ตำแหน่งต่อ สส. 4-5 คน วางโรดแม็ป 120 วันทั้งออกนโยบายแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ทาบคนนอกคุมคลัง-พณ.-กต.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการวางตัวรัฐมนตรีโควตาของพรรค ภท.คือ รมว.คลัง รมว.พาณิชย์และ รมว.ต่างประเทศ ที่แต่ละตำแหน่งได้ทาบทามคนนอกที่มีความรู้ความสามารถไว้แล้วหลายคน อาทิ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน ฟื้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และความเหมาะ แต่ต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน ก.ย.เพื่อเริ่มบริหารราชการแผ่นดินอย่างช้าให้ทันงบฯปี 69 ทันทีในวันที่ 1 ต.ค. เบื้องต้นเริ่มวางคน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมว.ยุติธรรม น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมว.แรงงาน นายภราดร ปริศนา นันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคมหรือ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ถ้านายพิพัฒน์นั่ง รมว.คมนาคม นายสุรศักดิ์ พันธุ์วรกุลสกุล จะได้นั่ง รมว.การท่องเที่ยวฯ ที่น่าจับตากระทรวงวัฒนธรรม กำลังหาคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษที่สำคัญของประเทศ“ธรรมนัส” ขอ กห.ติดขัดดึง “บิ๊กกุ้ง” แทนผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนพรรคกล้าธรรม (กธ.) พรรคอันดับ 2 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคตีตราจองนั่ง รมว.กลาโหม ตท.25 รุ่นที่ถูกลืม ต้องการเข้ามากอบกู้รุ่นให้มีบทบาทมากขึ้น แต่หากติดเงื่อนไขบางประการจะทาบทาม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ตท.26 ที่กำลังเกษียณอายุราชการสิ้นเดือน ก.ย.มาดำรงตำแหน่ง ตท.ทั้ง 2 รุ่นกำลังมีบทบาทในกองทัพขณะนี้ แล้วให้ ร.อ.ธรรมนัสไปนั่ง รมว.เกษตรฯ ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค กธ. มีรายชื่อเป็น รมว.ศึกษาธิการตามเดิม ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่แตกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มใหญ่สุดของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค มีชื่อเป็น รมว.พลังงาน สำหรับ สส.ที่มาเป็นกลุ่ม เช่น นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แกนนำกลุ่ม 16 ถูกวางตัวให้เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ หรือ รมว.อุตสาหกรรม"อนุทิน" ปัดโผ ครม.สะพัดควบ มท.เมื่อเวลา 17.00 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ภท. ได้เดินทางเข้ามาที่อาคารรัฐสภา พร้อมกับแซวผู้สื่อข่าวว่า “หูย สัมภาษณ์วันละ 10 รอบ” ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงโผ ครม.นายอนุทินกล่าวว่า มั่ว ยังไม่ได้คุยอะไรเลย เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะเป็นนายกฯควบกระทรวงมหาดไทย นายอนุทินกล่าวว่า ว่าไปเรื่อย เมื่อถามว่าจัดโผคร่าวๆแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ยังครับยัง ตัวหัวหน้ายังไม่ได้เลย ไม่มีครับ” เมื่อถามว่าวันที่ 5 ก.ย. จะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไหว้พ่อไหว้แม่ไปแล้วตรวจสอบ “ทักษิณ” บินไปสิงคโปร์เมื่อเวลา 16.00 น. มีรายงานว่า มีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาจอดเติมน้ำมันที่อาคารเอ็มแจ็ส ดอนเมือง มีการแจ้งกับ ตม.และศุลกากรว่าผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกับเครื่องบินลำนี้มีรายชื่อทั้งหมด 3 คน ยังไม่รู้มีใครบ้าง เพื่อเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ในเวลา 18.00 น. แต่เมื่อใกล้ช่วงเวลาเครื่องบินจะออก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาที่อาคารเอ็มแจ็ส ดอนเมือง แจ้งกับ ตม. และศุลกากร ขอเพิ่มรายชื่อว่าต้องการเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ด้วย มีนัดคุยธุรกิจที่ประเทศสิงคโปร์ และจะเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 5 ก.ย. แต่ ตม.ขอตรวจสอบก่อน เพราะนายทักษิณเคยถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศในคดี 112 แต่เมื่อตรวจสอบแล้วคดี 112 ศาลยกฟ้องไปแล้ว และนายทักษิณได้รับอนุญาตให้เดินทางออกไปได้"วิญญัติ" ยันมาศาลฟังคดีชั้น 14เมื่อเวลา 18.26 น. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวถึงกระเเสข่าวลือว่า มีคนพบนายทักษิณที่สนามบินดอนเมือง เเละเตรียมจะเดินทางออกนอกประเทศว่า ไม่ทราบเรื่อง วันนี้ไม่ได้คุยกัน ส่วนวันที่ 9 ก.ย.ที่ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษชั้น 14 ล่าสุดที่คุยกับนายทักษิณ ท่านจะเดินทางมาอยู่เเล้ว ยังเป็นคนทำเรื่องขออนุญาตให้บุตรของนายทักษิณเข้าฟังคำสั่งในวันดังกล่าวอยู่เลยผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนใกล้ชิดนายทักษิณยืนยันว่านายทักษิณเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ มีนัดไปตรวจสุขภาพร่างกาย การพบแพทย์และตรวจร่างกายครั้งนี้จะใช้เวลา 2 วัน จากนั้นจะกลับประเทศ ไทยทันที เพื่อฟังคำสั่งของศาลฎีกาฯ คดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. ไม่มีหลบหนีตามกระแสข่าวยกฟ้อง 112 แล้วปลดล็อกห้ามไป ตปท.ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลยุติธรรมว่า ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณคดีมาตรา 112 แล้วโดยไม่ได้สั่งขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ คดีนายทักษิณพ้นข้อกำหนดศาลที่ออกไว้ระหว่างพิจารณา จึงเดินทางออกนอกประเทศได้ ทนายความของนายทักษิณสามารถขออนุญาตนำเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศที่วางไว้กับศาลกลับได้ ส่วนคดีบังคับโทษชั้น 14 ของศาลฎีกาฯ เพียงแต่นัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย.ไม่ได้ออกข้อกำหนดไว้ หากนายทักษิณไม่เดินทางมาศาล จึงจะพิจารณาการออกหมายจับ เท่ากับตอนนี้เป็นเพียงหมายเรียกนัดให้มาฟังคำสั่ง ยังไม่มีสภาพที่จะเป็นข้อกำหนดห้ามเดินทางออกนอกประเทศได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่