พรรคประชาชนปิดประตูนายกฯคนนอก-หัวหน้าคณะรัฐประหารขึ้นเป็นผู้นำ หนุน“อนุทิน” ขึ้นแท่นนายกฯคนต่อไป เปิดเงื่อนไขมัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง ขีดเส้นยุบสภาภายใน 4 เดือน จัดทำประชามติร่าง รธน.ฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. ไม่ซ่องสุมกำลังเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบเต็มที่ ขึงขังหากตระบัดสัตย์ค่ายน้ำเงินแบกรับกระแสต้านเอาเอง “เสี่ยหนู” นำทีม สส.แถลงตั้งรัฐบาลรับข้อตกลงทั้งหมด ขอใช้เวลาทุกนาทีทำหน้าที่ให้ดีที่สุด วางโรดแม็ป 120 วัน สะสางปัญหาประเทศ ลูกพรรคยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯทำหน้าที่เป็นกลาง เปิดประชุมเลือกนายกฯ 5 ก.ย. วอร์รูมเพื่อไทยชิงทูลเกล้าฯยุบสภาตั้งแต่ 2 ก.ย. ยกเหตุมีอำนาจตามกติกา ท่ามกลางกระแสร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาถูกตีกลับ รักษาการนายกฯปิดปากเงียบไม่ตอบ พรรคเล็กลุยเอาผิด 112การตั้งรัฐบาลชุดใหม่ชิงไหวชิงพริบชนิดนาทีต่อนาที เมื่อพรรคเพื่อไทยทราบว่าพรรคประชาชนมีมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทำให้นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย แก้ลำตัดสินใจยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.ไปแล้วนั้นปชน.หนุน “อนุทิน” ขึ้นเป็นนายกฯเมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 เวลา 08.37 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) นำคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แถลงผลการประชุมตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีว่า หากพรรค ปชน.งดออกเสียงให้ความเห็นชอบนายกฯคนใหม่ อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง อาจเกิดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการไหลกลับรวมกันของพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิม ที่ได้บริหารประเทศอย่างล้มเหลวมาตลอด 2 ปี เสี่ยงต่อการทำให้หัวหน้าคณะปฏิวัติรัฐประหารกลับเป็นนายกฯอีกครั้ง หรือไม่ก็เปิดช่องให้มีนายกฯ คนนอก ตลอดเวลา 5 วันที่ผ่านมา หลังจากได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรค ปชน.รับฟังเสียงของสมาชิกพรรค คณะทำงานของพรรคทั่วประเทศ และ สส.อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว กก.บห.ได้ประชุมมีมติว่า หากมีการประชุมสภาเลือกนายกฯคนใหม่ พรรค ปชน.จะให้ความเห็นชอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.เงื่อนไข 5 ข้อ มัดรัฐบาลเสียงข้างน้อยนายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรค ภท.ต้องยอมตกลงเงื่อนไข คือ 1.นายกฯคนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป 2.กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นต้องทำประชามติ ก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 ครม.ชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป 3.กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติ ก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 นั้น ครม.ชุดใหม่ พรรค ปชน.และพรรค ภท. จะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาชุดนี้โดยเร็ว เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกฯคนใหม่จะยุบสภา ภายใน 4 เดือนจริง 4.พรรค ภท.ต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 5.พรรค ปชน.ยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และไม่มีบุคคลใดจากพรรค ปชน. ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเชื่อรัฐบาลมีอำนาจยุบสภาจากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม ก่อนที่นายณัฐพงษ์ลงนามใน Memorandum of Agreement (MOA) หรือบันทึกข้อตกลง และส่งต่อให้พรรค ภท. ต่อมานายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มติกก.บห.มีผลเมื่อหัวหน้าพรรค ภท.ลงนามในข้อตกลงร่วมกันนี้ และมีถ้อยแถลงต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ยืนยันตัดสินใจบนพื้นฐานของประเทศ พร้อมเป็นหลักประกันกำกับการทำงานของรัฐบาลที่มุ่งหน้าไปสู่การยุบสภา และปลดล็อกต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญ พรรค ภท.ทำให้เห็นได้ว่า เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ทำให้ สส.พรรค ปชน.ที่ทำงานในสภาสามารถกำกับทิศทางได้ เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองที่พรรค พท.จะดำเนินการยุบสภา นายณัฐพงษ์ตอบว่า เวลานี้สิ่งสำคัญต้องเชื่อข่าวสารจากผู้มีอำนาจตัวจริงมีการปล่อยข่าวจากหลายส่วน ให้เกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอนผู้บริหารพรรคตัดสินใจอยู่บนข้อเท็จจริง และนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯมีอำนาจยุบสภา เราต้องการหาทางออกให้ประเทศ หากทูลเกล้าฯ ยุบสภาหรือไม่ ต้องถามพรรค พท. เมื่อทูลเกล้าฯไปแล้วจะเกิดสถานการณ์อย่างไรต่อต้องถามประธานสภาฯว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนเรื่องข้อกฎหมายนั้นยืนยันนายกฯรักษาการมีอำนาจทำ ส่วนพรรค พท.จะทำหรือไม่ อย่างไร ต้องถามพรรค พท. หรือนายภูมิธรรมเองเตือนค่ายน้ำเงินรับต้นทุนตระบัดสัตย์นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ส่วนความเสี่ยงสูงสุดของพรรค ปชน. คือ พรรค ภท.ไม่ดำเนินการตามข้อตกลง พรรค ภท.ต้องแบกรับต้นทุนการตระบัดสัตย์ต่อประชาชนในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เสียใจกับมตินี้ เพราะ กก.บห.ไตร่ตรองละเอียดรอบคอบมากที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด รับฟังเสียงองคาพยพรอบด้าน ทำความเข้าใจในพรรค โดยเฉพาะกับสมาชิกพรรคที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ทุกความเห็นส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่แถลงไปเมื่อสักครู่“เราไม่ได้ไว้วางใจนายกฯคนใดเข้าไปบริหารประเทศ เราจำเป็นต้องเลือกนายกฯเข้าไปทำหน้าที่เดินหน้าสู่การยุบสภา จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การตัดสินใจคำนึงทางออกประเทศเป็นหลัก มากกว่าคะแนนความนิยม และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง” นายณัฐพงษ์กล่าวย้ำไม่ได้จับมือภูมิใจไทยบริหารประเทศ เมื่อถามว่าในวันนี้ได้เห็นภาพพรรค ปชน.จับมือกับพรรค ภท.หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า สิ่งที่ได้แถลงไปไม่ใช่การจับมือกัน เพื่อตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ เราทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน พรรค ภท.มีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อตกลงที่ได้ลงนามไป เมื่อถามถึงเรื่องคดี 44 สส.มีการพูดคุยกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่าไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีการยื่นข้อเสนอนี้จากพรรค ภท.ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างที่นายณัฐพงษ์กำลังลงนามในบันทึกข้อตกลง ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า MOA ของ 8 พรรคที่สมัยพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค พท.ยังเคยถูกฉีกมาแล้ว คิดว่า MOA ครั้งนี้มีอายุนานเท่าไหร่ แต่นายณัฐพงษ์ ไม่ได้ตอบคำถามเพียงแค่ยิ้มให้ผู้สื่อข่าวเท่านั้น“อนุทิน” ยิ้มแฉ่งรับเงื่อนไขค่ายส้มต่อมาเวลา 09.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางมาถึงรัฐสภา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ แต่พรรคเพื่อไทยดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯยุบสภา นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวถามว่าดีใจหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะโหวตสนับสนุนเป็นนายกฯ นายอนุทินตอบว่า “ดีใจสิ ขอบคุณมากๆด้วย” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว นายอนุทินตอบว่า ขอขึ้นไปประชุมกับพรรคภท.ก่อน เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยอ้างเหตุผลการยุบสภาว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยนำพาประเทศไปไม่รอด นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ดูร่างที่พรรค ปชน.ได้แถลงมันมีคำตอบอยู่ในนั้น เมื่อถามว่า พร้อมเซ็นตามข้อตกลงของพรรค ปชน.หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พร้อมยอมรับได้ทุกข้อสส.หลายค่ายคึกคักตบเท้ารวมพลังจนกระทั่งเวลา 11.00 น. ชั้น 6 รัฐสภา บรรดาแกนนำ สส.ของแต่ละพรรคทยอยเดินทางมาที่รัฐสภา เพื่อเตรียมตัวแถลงข่าวการร่วมจัดตั้งรัฐบาล อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นำทีมกลุ่ม 16 สส.ในสังกัด เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. พรรคกล้าธรรม (กธ.) นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค กธ. ตลอดจนกลุ่มพรรคเล็ก และ สส.งูเห่า พรรคเพื่อไทย อาทิ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ รวมถึง สส.พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา บรรยากาศในห้องแถลงข่าวเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำและ สส.พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ มารอร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาปักหลักรอทำข่าว“อนุทิน” นำทีม 146 สส. แถลงตั้งรัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.แถลงจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนและ สส.146 คนในที่นี้ขอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล พร้อมรับเงื่อนไขและข้อตกลงร่วมระหว่างพรรค ปชน.กับพรรค ภท. 5 ข้อ ว่าด้วยการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอบคุณพรรค ปชน. คณะกรรมการบริหารพรรค ปชน. สส.พรรค ปชน. และประชาชนที่สนับสนุนพรรคปชน. ที่มีมติสนับสนุนพรรค ภท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจประธานสภาผู้แทนราษฎร และ สส.จะดำเนินการตามขั้นตอนนับแต่บัดนี้ พรรคภท.และ สส.146 คน ตระหนักดีว่าการจัดตั้งรัฐบาลต่อจากนี้ พรรค ปชน.ให้ความร่วมมือ เสียสละหาทางออกให้ประเทศในสถานการณ์วิกฤติ ทุกคนจะไม่ทำให้เจตนารมณ์ ความเสียสละของทุกท่านสูญเปล่า จะรักษาข้อตกลง 5 ข้อ ตลอด 4 เดือนที่ทำงานในฐานะรัฐบาล ดำรงสภาพการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีประชาชนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบการทำงาน จะตั้งใจทำงานสุดความสามารถ เรื่องอื่นๆให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทุกคนจะร่วมทำหนังสือแสดงความพร้อมให้ประธานสภาบรรจุวาระเลือกนายกฯเข้าสู่ที่ประชุมสภาโดยเร็วที่สุด มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นขอใช้เวลาทุกนาทีทำหน้าที่ดีที่สุดจากนั้นนายอนุทินได้ลงนามในเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรค ปชน. พร้อมกล่าวว่า เราผ่านอุปสรรคต่างๆมากมาย ความกดดัน แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจทุกคนคือ ความรักชาติ รักแผ่นดิน จงรักภักดีต่อสถาบัน ขอให้ความมั่นใจว่า พวกเราทุกคนรู้จักกันเนิ่นนาน รู้มือ รู้ฝีมือ รู้ถึงความทุ่มเทที่มีให้ประชาชน และประเทศ จะใช้เวลาทุกวัน ทุกนาที ทุกชั่วโมง ปฏิบัติหน้าที่รัฐบาลให้ดีที่สุดคุ้มค่ากับความไว้วางใจที่มีต่อกัน และความไว้วางใจของประชาชนที่มอบหมายให้มาทำหน้าที่ผู้แทน เมื่อถามว่าขณะนี้มีการทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว กระบวนการเลือกนายกฯจะเป็นอย่างไร นายอนุทินตอบว่า ทุกอย่างมีขั้นตอน ขณะนี้มีสภาอยู่ ยังไม่ยุบ ไม่มีข้อมูลใดๆลงมาให้รับทราบจะยุบสภาหรือไม่ ต้องมีการตีความอย่างใดหรือไม่ เป็นเรื่องของผู้ยื่นจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร เมื่อถามว่ามั่นใจว่ารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจยุบสภาใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พวกเราทำตามภารกิจและหน้าที่ความเป็น สส. จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าจะยื่นตีความการยุบสภาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รอดูก่อน เพราะยังไม่ได้รับทราบอะไรอย่างเป็นทางการสัญญาประชาคมวางโรดแม็ป 120 วันเมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรค ปชน.ตัดสินใจเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯ นายอนุทินตอบว่า ทุกพรรค โดยเฉพาะพรรค ปชน.ให้ความเชื่อถือว่า ทุกคนในที่นี้จะทำตามเงื่อนไข พรรค ปชน.ประเมินและให้ความเชื่อมั่นทุกคนที่จะหาทางแก้ปัญหาให้ประเทศ ส่วนเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญ 4 เดือนนั้น มีความตั้งใจ จะทำให้ไปถึงจุดที่เป็นความต้องการของประชาชน เมื่อถามว่ารัฐบาลชุดนี้มี 146 เสียง ไม่มีคนมาเติมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ถูกต้อง เพราะมีเงื่อนไขอยู่ในข้อ 4 ระบุว่า เพื่อสร้างหลักประกันนายกฯคนใหม่จะยุบสภาภายใน 4 เดือน พรรค ภท.ต้องไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก การดำเนินการ 4 เดือนนี้หลังจากนี้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าปัญหาปากท้องประชาชน ความขัดแย้งกับกัมพูชา ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 4 เดือนเพียงพอ ไม่ได้ทำให้รู้สึกรวดเร็ว แต่เป็นตัวเลขที่พรรค ปชน.และพรรคที่มารวมกัน 146 เสียง หารือกันแล้วคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมเปิด 8 ชื่อ สส.เพื่อไทยหนุนโหวต “อนุทิน”สำหรับรายชื่อ 146 สส. ที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น พรรคภูมิใจไทย 68 คน พรรคกล้าธรรม 31 คน พรรคพลังประชารัฐ 17 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่ม 18 จำนวน 16 คน ประกอบด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร วังบุญคงชนะ นายเกรียงยศ สุดลาภา นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.บัญชีรายชื่อ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี นายถนอมพงษ์ หลีกภัย สส.ตรัง นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี น.ส.กุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช และนายสันต์ แซ่ตั้ง สส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคไทยสร้างไทย 3 คน และพรรคเพื่อไทย 8 คน ประกอบด้วย นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ สส.ชลบุรี นายสุรพล บุญมา สส.นครนายก นายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด นายนรากร เมืองนารักษ์ สส.ร้อยเอ็ด นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี นายประเสริฐ บุญเรือง สส. กาฬสินธุ์ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ และ น.ส.นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส. ศรีสะเกษ เมื่อรวมกับ 143 เสียงของพรรค ปชน. ทำให้มี สส.สนับสนุนนายอนุทินถึง 289 คน มีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งที่ 247 เสียง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ยื่น “วันนอร์” ประชุมโหวตเลือกนายกฯต่อมาที่ห้องประชุมประธานรัฐสภา ชั้น 10 รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่นำกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ภท. อาทิ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ นายสังคม แดงโชติ สส.ประจวบคีรีขันธ์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ สส.พิจิตร นำรายชื่อ 146 รายชื่อสส. ยื่นขอบรรจุวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. แถลงตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยวิป 2 ฝ่ายหาฤกษ์ประชุมสภาเมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากำหนดวันประชุมสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ มีผู้เข้าร่วมประชุมอาทิ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานวิปรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ประธานวิปฝ่ายค้าน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) วิปฝ่ายค้าน ภายหลังการประชุม นายฉลาดเปิดเผยว่า กรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ออกระเบียบวาระกำหนดให้ประชุมคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งนายกฯ เพื่อแจ้งให้ สส. แต่เนื่องจากมีสส. 20 คน สงสัยและทำหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ว่า ความเห็นและการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถูกต้องหรือไม่ โดยได้ส่งหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับพิจารณาหรือไม่ที่ประชุมมีมติขอเลื่อนการประชุมไปอีกครั้งในเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ก.ย. หากมีความชัดเจนภายในเวลา 15.00 น. และไม่มีเรื่องอื่นที่ประชุมจะโหวตเลือกนายกฯ ได้ภายในวันที่ 5 ก.ย.นี้กดดัน “วันนอร์” ทำหน้าที่เป็นกลางนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลังจากที่นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯและนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล แถลงที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย ไม่มีข้อสรุปนั้น ตนขอตำหนิการทำหน้าที่ของนายฉลาด ประธานในที่ประชุม ไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่เข้าข้างพรรคการเมืองที่สังกัด เนื่องจากตามกติกามารยาทเมื่อรวบรวมเสียงเพียงพอแล้วสามารถเลือกนายกฯในวันที่ 5 ก.ย.ได้ แต่กลับอ้างกรณี 20 สส.พรรคเพื่อไทยที่ส่งเรื่องโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และการประกาศยุบสภา ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นฝ่ายนิติบัญญัติต้องดำเนินการเลือกนายกฯโดยด่วน ไม่ต้องรอกรณียุบสภาและรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ยื่นหนังสือ 24 ชม. หรือ 1 วัน ตามข้อบังคับ ประธานสภาฯสามารถบรรจุระเบียบวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาได้ประชุมหารือกันได้ แต่ในที่ประชุมวิปไม่มีข้อสรุป และได้นำข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย คือ พรรคภูมิใจไทยได้เสนอว่าให้เลือกนายกฯ วันที่ 5 ก.ย. และทางพรรคเพื่อไทยเสนอให้เลื่อนไปก่อน โดยไปแจ้งต่อประธานสภา ที่มีอำนาจบรรจุระเบียบวาระ เชื่อมั่นประธานสภาฯเป็นผู้ใหญ่ มั่นใจทำหน้าที่เพื่อความเป็นกลาง บรรจุระเบียบวาระในวันที่ 5 ก.ย.“ธรรมนัส” แบ่งรับแบ่งสู้นั่ง รมว.มท.ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า ผิดหวังที่ไว้ใจ ร.อ.ธรรมนัสมากเกินไปว่า ปีนี้อายุ 60 ปี มีลูกแปดคนไม่อยากจำว่าทำอะไรให้ใครบ้าง แต่จำและสำนึกกับคนที่มีบุญคุณกับตนเสมอ เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ที่นายทักษิณพูดแบบนี้ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า อย่าไปคิดมาก เมื่อถามว่าจะกลับไปทำงานร่วมกันอีกได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ขณะนี้บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ต้องหาทางออก อะไรที่พูดไม่ได้ก็ไม่ควรพูด เมื่อถามว่าเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนขั้วการเมือง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า พูดไม่ได้ แต่เป็นการหาทางออกให้บ้านเมือง การเมืองเกิดวิกฤติต้องหาทางออกด้วยการเมือง อย่าปล่อยให้เหตุการณ์ซ้ำซากทุก 10 ปีเกิดขึ้น เมื่อถามถึงมีการดีลให้ ร.อ.ธรรมนัสกลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ว่าไปเรื่อย นายกฯยังไม่ได้เลย ไม่มีข้อเสนอหรือการผูกมัด เมื่อถามย้ำว่า หากได้รับการเสนอให้นั่ง รมว.มหาดไทย จะรับตำแหน่งหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ขอให้ได้นายกฯก่อนวอร์รูม เพื่อไทยแก้เกมเสนอยุบสภาทางด้านความเคลื่อนไหวของเพื่อไทย เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า คืนวันที่ 2 ก.ย. ได้พูดคุยเรื่องยุบสภากับแกนนำพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าเมื่อจะมีการเลือกนายกฯเพื่อยุบสภา รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาไม่ใช่รัฐบาลที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแบบจริงจัง แต่มาเพื่อยุบสภารอเลือกตั้งใหม่และความเป็นเอกภาพของพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่งพรรคนี้มีงูเห่า มีปัญหาความสง่างามความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นเป็นปัญหาที่เราคิดจะเลือกแนวทางยุบสภาจะถูกหรือไม่ คิดกันไปคิดกันมาเลยเห็นว่าเมื่ออยากให้มีการยุบสภาแล้ว ดีที่สุดก็ยุบสภาเลยไม่ดีกว่าหรือ แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน เป็นทางออกที่ดีกว่าไหม แทนที่ยึกยักแบบนี้ เข้าไปเหมือนรัฐบาลเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นอำนาจการตัดสินใจของนายภูมิธรรม ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่นายกฯสะกิดสภาคิดก่อนโหวตนายกฯนายชูศักดิ์กล่าวว่า ปัญหามีอยู่ 2 ประการคือ 1.รัฐบาลรักษาการมีอำนาจเสนอพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ ข้อสังเกตของตนเห็นว่ามีอำนาจ เพราะนายภูมิธรรมทำหน้าที่แทนนายกฯ เป็นอำนาจที่อยู่กับนายภูมิธรรมเต็มที่ ไม่เหมือนตอนนั้นที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ที่เพียงหยุดปฏิบัติหน้าที่ 2. กรณีวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพระราชอำนาจไปก้าวล่วงอะไรหรือไม่ คำตอบคือ พระราชกฤษฎีกาเสนอลอยขึ้นไปไม่ได้ โดยมีนายกฯนำเสนอและรับสนองพระบรมราชโองการ จากนั้นสุดแล้วแต่เป็นพระบรมราชวินิจฉัย ก้าวล่วงไม่ได้ เมื่อถามว่า หากมีคนนำเรื่องดังกล่าวไปร้องศาล นายชูศักดิ์ตอบว่า ไม่มีปัญหาศาลก็ต้องวินิจฉัย เมื่อถามว่าหากยื่นถวายพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปแล้ว สภาจะเลือกนายกฯ กระบวนการทับซ้อนกันหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า สภาต้องนำเรื่องนี้ไปคิดด้วย เมื่อถามว่า นายภูมิธรรมจะพูดวันนี้เลยหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนจะแถลงจับมือตั้งรัฐบาล นายชูศักดิ์ตอบว่า เดี๋ยวนายภูมิธรรมแถลง“ภูมิธรรม” ทูลเกล้าฯยุบสภา 2 ก.ย.ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนการยุบสภาว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นระบอบประชาธิปไตยมันบิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามครรลองที่ควรจะทำการตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ยินพรรค ปชน.ประกาศโหวตให้ แต่ไม่ร่วมเป็นรัฐบาล อันนี้เท่ากับแบ่งเป็น 3 กลุ่มอยู่ดี พรรค ปชน.กับพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรค ภท.ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรค ปชน. มี 2 หมวกในตัวเอง เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่เคยมีสิ่งนี้มาก่อนในการเมืองที่เป็นอยู่ มีการดึงซื้อ สส. และดึง สส.ต่างๆ สับสนอลหม่าน เศรษฐกิจที่รุมเร้า ฝ่ายกฎหมายคิดว่าควรคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ แต่เป็นพระราชอำนาจ เพราะฉะนั้นไม่มีใครมีสิทธิ์ไปตัดสินใจได้ อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัยในสถานการณ์ต่างๆ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯได้พิจารณารวบรวมความคิดเห็นอย่างชัดเจนแล้ว คิดว่าควรกราบบังคมทูลถวายสถานการณ์ต่างๆ ให้พระองค์ทราบ คิดว่ามันจะได้แก้ไขปัญหานี้ จึงตัดสินใจยื่นทูลเกล้าฯไปตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.แล้วยกเหตุเป็นตามกระบวนการ รธน.นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตยตามกระบวนการรัฐธรรมนูญก็ต้องรอ ถ้าเป็นอย่างนี้พรรค ปชน.และพรรค ภท.ต้องไปพิจารณา เมื่อถามว่าไม่กังวลข้อกฎหมายใดๆ เลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า “ไม่ใช่ครับ ผมยื่นไปตามกระบวนการทางรัฐธรรมนูญและตามกฎหมาย ก็อยู่ที่ดุลพินิจ” เมื่อถามว่าระหว่างทูลเกล้าฯยุบสภาสามารถเสนอเปิดสภาเพื่อเลือกนายกฯได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่าอยู่ที่เขาจะพิจารณากันเองปิดปากกระแส พ.ร.ฎ.ยุบสภาถูกตีกลับผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ท่ามกลางกระแสข่าวร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาถูกตีกลับ หลังไม่ทำตามระเบียบและกฤษฎีกาแย้งเอาไว้ โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ รับทราบแล้วนั้น เมื่อเวลา 17.20 น. นายภูมิธรรมเดินทางออกทำเนียบรัฐบาล โดยทันทีที่เห็นสื่อมวลชนที่รอสัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว นายภูมิธรรมชิงพูดก่อนว่า ไม่ให้สัมภาษณ์ และเดินเลี่ยงวงผู้สื่อข่าวเพื่อขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับกรณีกระแสข่าวดังกล่าว นายภูมิธรรมไม่ตอบคำถามใดๆ และขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีกระหึ่มร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาถูกตีกลับผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องดังกล่าวทางสำนักเลขาธิการรัฐมนตรี ได้ทำรายงานให้นายภูมิธรรมทราบแล้ว โดยแนบหนังสือของสำนักองคมนตรีไปให้ทราบด้วย โดยหนังสือนำส่งกลับคืนระบุว่า ร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ประกอบกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำความเห็นประกอบว่ารัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำได้เลขาฯ สลค.ยังไม่สามารถตอบได้ค่ำวันเดียวกัน นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สคล) กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นทูลเกล้าฯยุบสภาไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา (ท่ามกลางกระแสข่าวร่างพ.ร.ฎ.ยุบสภาถูกตีกลับ) โดยตอบเพียงสั้นๆว่ายังไม่สามารถตอบได้ หากมีหนังสือมาจริง เป็นอำนาจของนายภูมิธรรมปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะพิจารณารายละเอียดและตัดสินใจอย่างไร“ศุภชัย” เล่นอาญาผู้นำประเทศเมื่อเวลา 15.30 น. นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ณฐวัฒน์ ธนวัตโภคินันท์ รอง สว. (สอบสวน) สน.ดุสิต กรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ยื่นทูลเกล้าฯยุบสภา ว่าผิดกฎหมาย มาตรา 157 โดยกล่าวว่า มาร้องทุกข์กล่าวโทษนายภูมิธรรม ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯ ในประเด็นที่ให้สัมภาษณ์ว่าได้ทูลเกล้าฯยุบสภา ประเด็นนี้ประชาชนและสื่อมวลชนที่ติดตามมีความเห็นส่วนใหญ่ว่า นายภูมิธรรมไม่มีอำนาจ โดยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลยืนยันความเห็นว่ารักษาการนายกฯไม่มีอำนาจยื่นยุบสภาได้ และยังมีทักท้วงจากนักวิชาการด้านกฎหมายอีกหลายท่านว่าไม่สามารถทำได้ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการก้าวล่วง อาจก่อให้เกิดความไม่เหมาะสม ระคายเคือง จึงเข้าข่ายความผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป. มาตรา 157 ด้าน ร.ต.ท.ณฐวัฒน์กล่าวว่า รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนเสนอให้ผู้บังคับ บัญชาพิจารณาสั่งการต่อไปพรรคเล็กลุยแจ้งความเอาผิด 112ส่วนที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) ที่สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ พร้อมนายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ทิพย์สุดา วงศ์ฤกษ์งาม รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. แจ้งความเอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ในความผิดตามมาตรา 112 โดยนายไทกรกล่าวว่า การที่นายภูมิธรรมพยายามยื่นทูลเกล้าฯยุบสภา เป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจ การกระทำยังส่อเจตนาดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน รับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป“บิ๊กเล็ก” ชงโผทหารถึงมือนายกฯเมื่อเวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุมศูนย์บริหารเฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ถึงโผทหารได้นำส่งให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯว่า จะนำส่งนายภูมิธรรมวันที่ 3 ก.ย. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป“รฟท.” จ่อร้องดีเอสไอสอบเขากระโดงสำหรับกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 พร้อมให้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 14.00 น. การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความประสงค์ดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รฟท. และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของ รฟท. ขณะที่ดีเอสไอระบุว่าภายหลังได้รับการประสานงานกับ รฟท.แล้ว พ.ต.ต.ณฐพลจะเป็นตัวแทนรับเรื่องด้วยตัวเอง เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่